บทที่ 678 สองผู้อาวุโสพึงพอใจมาก

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 678 สองผู้อาวุโสพึงพอใจมาก

บทที่ 678 สองผู้อาวุโสพึงพอใจมาก

“แต่มันเป็นธุรกิจของพวกท่านไม่ใช่หรือคะ?” หลินหลินโบกมือซ้ำ ๆ

แค่ได้เรียนทำอาหารด้วยก็พอใจแล้ว เธอไม่คิดจะแย่งธุรกิจเขามาหรอก เธอไม่เต็มใจ

“เมืองหลวงใหญ่มากนะคะ หออีหมิงร้านเดียวจะกินพอได้ยังไง? ยังไงก็ต้องเปิดอีกสาขาค่ะ ไว้สบายใจแล้วค่อยเปิดก็ได้ค่ะ” เสี่ยวเถียนกล่าว

เด็กสาวตั้งใจจะเปิดอีกสาขามาตั้งนานแล้ว แต่แค่รู้สึกว่าตอนนี้อะไร ๆ มันยังไม่พร้อมดี เลยอยากจะรอก่อน และตอนนี้พี่สะใภ้ก็เรียนเสร็จแล้ว พร้อมจะเปิดร้านแล้วด้วย

นี่เป็นวิธีขยายอิทธิพลของร้านเรา

อนาคตเราจะต้องเปิดหออีหมิงอย่างน้อยห้าสาขา นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาลูกค้า

“แต่ว่า…” หลินหลินลังเล

เพราะไม่คิดว่าจะเปิดเป็นร้านของตัวเอง นานมาแล้วหลินหลินคิดจะหางานแล้วก็ช่วยพี่ดูแลครอบครัว แต่จะได้เปิดของตัวเองจริง ๆ ด้วยหรือ?

เสี่ยวเถียน “แต่เรามีเรื่องต้องคุยกันก่อนนะพี่สะใภ้”

ถ้าไม่อธิบายให้ชัดเจนอนาคตจะมีปัญหาได้ เสี่ยวเถียนไม่อยากให้ที่บ้านเจอเรื่อง

หลินหลิน “เสี่ยวเถียนบอกพี่หน่อยสิ”

“พี่มีสิทธิ์ได้แค่ใช้ชื่อนะคะ แต่ไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ พี่เห็นด้วยหรือเปล่า?”

แบรนด์หออีหมิงจะมีชื่อเสียงในอนาคตแน่นอน และเสี่ยวเถียนหวังว่าหออีหมิงจะกลายเป็นแบรนด์อาหารดังไปทั่วประเทศ และถ้าพี่สะใภ้ไม่เห็นด้วยอนาคตมีข้อพิพาทกันแน่

“เดิมทีหออีหมิงมันไม่ใช่ของพี่อยู่แล้ว แค่เปิดสาขาได้พี่ก็พอใจแล้วล่ะ” หลินหลินยิ้ม

เธอไม่ใช่คนโลภ อีกอย่างเสี่ยวเถียนยังเป็นผู้มีพระคุณของเธออีกด้วย ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ ป่านนี้คงนอนอ่อนแออยู่บนเตียงลุกเดินไม่ไหวหรอก อาจพูดได้ว่าชีวิตนี้คนที่ทำให้เธอสมบูรณ์ได้คือเสี่ยวเถียน

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

ร้านเนื้อตุ๋นที่เสี่ยวเถียนเปิดคือขอค่านายหน้ามา 20% แต่กับหออีหมิงเธอไม่ได้คิด

ยกเว้นร้านที่พี่สะใภ้ใหญ่เปิด และร้านอื่น ๆ ที่จะให้แม่เป็นคนจัดการในอนาคต

หวังเซียงฮวายิ้ม “เสี่ยวเถียนพูดมีเหตุผล ไม่งั้นครอบครัวใหญ่เราจะฉวยโอกาสเอาน่ะสิ!”

คุณย่าซูแย้มยิ้มมีความสุข “ครอบครัวเราควรเป็นแบบนี้นี่แหละ ฉันเห็นบางครอบครัวในหมู่บ้านที่แยกกันแล้วมีปัญหาตลอดเลย แต่ดูครอบครัวเราสิ!”

ฉีเหลียงอิงละอายใจ และเอาก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา

เมื่อก่อนเธออาจเป็นคนสร้างความวุ่นวายให้ที่บ้านก็ได้ ฐานะครอบครัวแย่แบบนี้ใครจะไม่อยากฉวยโอกาสล่ะ?

แต่ต่างกันที่ตอนนี้ครอบครัวเรามีเงินแล้ว ถึงจะรายได้น้อยแต่ก็ยังพัฒนาไปต่อในอนาคตได้ ขณะที่กำลังคิดอยู่ เสี่ยวเถียนก็ได้เอ่ยขึ้น

“แม่รอง ร้านเนื้อตุ๋นของแม่ยังขยายสาขาได้อีกนะคะ แม่ทำในส่วนของแม่ ส่วนแบ่งก็อิงตามเดิมเลยค่ะ แม่คิดว่าไงคะ?”

ฉีเหลียงอิงคาดไม่ถึงเลย

“เสี่ยวเถียน หมายความว่ายังไง ไม่ว่าแม่จะเปิดกี่แห่งลูกก็จะรับแค่ 20% หรือ?”

พระเจ้า แบบนี้ก็ไม่รวยเละเลยหรือ?

จิตใจฉีเหลียงอิงสับสนวุ่นวาย เสี่ยวซื่อเก่งมาก อนาคตไกล ถ้าสามารถเปิดร้านเนื้อตุ๋นได้อีก ครอบครัวเราต้องมีชีวิตดีแน่ ๆ

เสี่ยวเถียนยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่ค่ะ เดี๋ยวหนูจะให้สูตรไว้นะ แม่ทำหน้าที่จัดการร้าน ส่วนทำยังไงให้ได้เงินเยอะ ๆ ต้องถามพี่สี่เลยค่ะ!”

เธอเชื่อว่าตัวเองไม่เก่งเท่าพี่สี่ก็จริง และเขาก็เป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจ

ฉีเหลียงอิงรีบพยักหน้า และเอ่ยขอบคุณอยู่ซ้ำ ๆ

“เสี่ยวเถียน เธอเป็นดาวนำโชคของบ้านเราจริง ๆ!”

โชคดีที่พวกเขารักและเอ็นดูเด็กคนนี้มาตลอด ไม่งั้นจะมีชีวิตดีขนาดนี้ได้ยังไง เสี่ยวเถียนเป็นเด็กที่มองเห็นอนาคตทะลุปรุโปร่ง และนิสัยดีเป็นธรรมชาติ

บุญคุณตอบแทนบุญคุณ ความแค้นตอบแทนความแค้น

หลังจากพูดคุยเรื่องนี้กันเสร็จ คุณปู่ซูพึงพอใจมาก

สถานการณ์แบบนี้แหละถูกต้อง เขารู้สึกภูมิใจเหลือเกิน

พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งหมู่บ้านก็น่าจะมีความสุขเหมือนกับเรา ไม่เกิดการทะเลาะกันเยอะ

คุณปู่ซูถามเผื่อลูกชาย “เหล่าต้า เหล่าเอ้อร์ พวกแกคิดว่าไงบ้าง? มีอะไรก็พูดเลยนะ!”

“พ่อ เราจะไปค้านได้ยังไงครับ เสี่ยวเถียนคิดเผื่อเราแล้ว”

และเราทั้งคู่ก็พึงพอใจกับวิธีการนี้มาก

“งั้นเป็นว่าเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้วนะ พรุ่งนี้มีงานเลี้ยง เราพักตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่านะ”

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว พรุ่งนี้เช้าอย่างช้าสุดเราต้องตื่นตีห้ากว่า

พวกเราทยอยกันหลับ ก่อนจะตื่นขึ้นทำบะหมี่เส้นยาวกินกันแต่เช้า

ตั้งแต่ฟ้าสางเราก็เตรียมน้ำซุปแล้ว หลังจากนั้นคนในหมู่บ้านก็มาช่วย

คุณย่าซูรู้สึกสงสารเสี่ยวเถียนมาก “เสี่ยวเถียน นอนต่อเถอะ!”

“ไม่เป็นไรค่ะย่า”

ทุกคนทำงาน แล้วเธอจะนอนอยู่คนเดียวได้ยังไง? เพราะแบบนี้เธอจึงทำงานเก่งมากไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติที่แล้ว และไม่ได้กลายเป็นพวกเจ้าอารมณ์เพราะเป็นที่รักของบ้านด้วย

กลับกันครอบครัวคือกลุ่มคนที่นึกถึงเป็นอย่างแรก

ตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งก่อนจุดไฟเตาก็มีคนออกมาช่วยแล้ว

หลังจากนั้นพวกผู้หญิงในหมู่บ้านค่อย ๆ ทยอยกันมา

เราร่วมกันทำบะหมี่เส้นยาว และเตรียมน้ำซุปเข้มข้นหม้อใหญ่ หม้อนี้เป็นฝีมือของคุณย่าซูเอง ผู้หญิงข้าง ๆ ยังบอกเลยว่า “ตั้งแต่ป้าไปเมืองหลวงก็ไม่เคยได้กลิ่นน้ำซุปแท้ ๆ แบบนี้เลยจ้ะ”

แกตอบกลับด้วยความสุภาพแต่จริง ๆ ก็ดูออกว่าภูมิใจมาก ๆ

อย่าว่าแต่หมู่บ้านเราเลย หมู่บ้านในแถบนี้ไม่มีใครเก่งไปกว่าเธอแล้วไม่ต้องพูดถึงหมู่บ้านไหน

น้ำซุปเดือดปุด บะหมี่เส้นยาวถูกตักขึ้นรอเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟทันทีที่แขกมาถึง

ระหว่างสนทนาฟ้าก็สว่างแล้ว ตามมาด้วยคนในหมู่บ้านทยอยกันมา

บนโต๊ะหน้าประตูมีสมุดปกสีแดงเล่มหนึ่งวางอยู่ พร้อมกับผู้รับผิดชอบหน้าที่ในการเก็บซอง

อันที่จริงในยุคนี้การมาร่วมงานแต่งไม่จำเป็นต้องเอาเงินมาให้ก็ได้ แต่เป็นเพราะผู้คนจึงมีคนเอาไข่ ข้าว หรือของอื่น ๆ มาให้กันเต็มไปหมด

ผู้รับผิดชอบส่วนนี้แค่ลงบันทึกไว้ว่าใครเอาอะไรมาให้บ้างเช่น จางซานเมล็ดธัญพืช 3 จิน หลี่ซื่อไข่ไก่ 8 ฟอง

เพราะเป็นงานเลี้ยงจากบ้านซู หมู่บ้านหนานหลิ่งจึงมีชีวิตชีวากันมาก

ทว่ากลับมีเสียงทำลายความสุขหนึ่งดังขึ้น