บทที่ 679 พูดแล้วก็ต้องทำ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 679 พูดแล้วก็ต้องทำ

บทที่ 679 พูดแล้วก็ต้องทำ

พ่อเฒ่าแม่เฒ่าเหลียงร้องห่มร้องไห้มาที่บ้านพร้อมลูกชายและสะใภ้ ก่อนจะมาถึงเสียงนั่นก็ดังสนั่นไปทั่วลานบ้านแล้ว

เสียงอันคุ้นเคย ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าเป็นพวกญาติไร้ค่า!

คุณย่าซูขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากเชิญเจ้าพวกนี้มาด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นญาติสะใภ้สาม ถ้าไม่ชวนมาก็ออกจะน่าเกลียดเกินไป

ตอนนี้เหลียงซิ่วสีหน้าไม่สู้ดีนัก

เดิมทีคุณย่าซูคิดว่าไม่ได้เจอกันนานพวกตระกูลเหลียงจะดีขึ้น และไว้หน้าบ้านเราบ้าง แต่ใครจะรู้เล่าว่ายังไม่ทันมาถึงก็ร้องไห้คร่ำครวญเสียแล้ว

นี่มันเป็นการนำโชคร้ายมาหาพวกเขาชัด ๆ

เหลียงซิ่วรับรู้ได้ว่าการปรากฏตัวของคนพวกนั้นทำให้ทุกคนในบริเวณลานบ้านอึดอัด เธอได้ยินเสียงของแม่อย่างชัดเจน

แม่มาทำอะไรที่นี่?

มาแสดงความยินดีหรือไว้อาลัย?

แค่คิดแบบนี้ก็ได้แต่ตัวสั่นด้วยความโกรธ บ้านเรากำลังมีงานแต่งงาน แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องไห้ระงม ทุกคนจึงได้แต่ตกใจ

“ทำไมมีคนร้องไห้? หรือข้อความที่ส่งไปเชิญญาติมีความผิดพลาด?” มีคนถามขึ้นด้วยความสงสัย

คนที่รู้สถานการณ์รีบลดเสียงลง “ไม่ผิดหรอก นี่เป็นญาติเสี่ยวเถียนน่ะ ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง…”

แล้วคนเล่าเรื่องทุกอย่างที่รู้เริ่มตั้งแต่ต้นจนจบ

ตอนแรกญาติเหลียงซิ่วขอสินสอดเป็นข้าว 3 ถุง เงิน 70 หยวน และชุดเครื่องเข็มข้าว 3 ถุง แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรกันอีก ภายหลังก็อยากได้งานของเหลียงซิ่ว แถมยังพูดจริงจังด้วย

“มันมีครอบครัวแบบนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ? พวกเขายังมียางอายบ้างหรือเปล่า?

“ยางอาย? ถ้ามีก็คงจะแปลกแล้ว!”

“วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของตระกูลซูนะ แล้วพวกเขาจะทนได้หรือที่เจอคนมาสร้างปัญหาแบบนี้น่ะ?”

ถึงจะเป็นครอบครัวเหลียงซิ่ว แต่หัวหน้าครอบครัวคือคุณย่าซู ไม่ว่าสะใภ้สามจะพูดอะไรก็ไม่สำคัญ และวันนี้เป็นงานเลี้ยงงานแต่งของโส่วเวิน คนตระกูลเหลียงกลับพาความทุกข์มาให้ ถ้าเป็นครอบครัวอื่น มีคนมาสร้างปัญหาให้ถึงบ้านใครจะไปไว้หน้าล่ะ ยิ่งถ้าเจอพวกอารมณ์ร้าย อาจจะเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทไปแล้ว

โอ๊ะ แต่คุณย่าซูเป็นคนแบบนั้นนี่!

เพราะสองปีที่ผ่านมาไม่เห็นแกเลยก็เลยลืมไปว่าเมื่อก่อนแกเป็นคนอารมณ์ร้าย แถมเอะอะอะไรหน่อยก็ลงไม้ลงมือ!

ตอนนี้ทุกสายตามองไปทางหญิงชรา

เหลียงซิ่วยืนอยู่ข้าง ๆ แม่สามี ตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาที่แทบจะไหลอยู่มารอมร่อ ส่วนคุณย่าซูหน้าแดงด้วยความโกรธ

คนรอบข้างมองฉากตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น สงครามกำลังจะเริ่มแล้วใช่ไหม?

หลังจากนั้นก็เห็นคุณย่าซูโยนช้อนลงดังเคร้ง แล้วเดินมาที่ประตู

คนบ้านเหลียงสักเจ็ดแปดคนเข้ามาข้างใน คนที่เดินนำคือแม่เฒ่าเหลียง ผู้เป็นแม่ของเหลียงซิ่ว

นางสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เช็ดน้ำตาแล้วร้องห่มร้องไห้

“โอ๊ย ๆ ทำไมชีวิตฉันมันระทมนัก? ลูกสาวได้กินดีอยู่ดีที่เมืองหลวง แต่ทิ้งพ่อแม่ให้ลำบากที่ชนบท! ใครก็ได้บอกฉันทีว่าโลกใบนี้มันยังมีเหตุผลอยู่ไหม?” แม่เฒ่าเหลียง

“พระเจ้า ทำไมฟ้าไม่ผ่าไอ้พวกนี้ให้มันตายห่าไปซะ…”

แต่ยังไม่ทันพูดจบก็โดนคุณย่าซูตบหน้าเข้าให้ นางได้แต่ตะลึงงัน ลืมร้องไห้ไปเสียสนิท อะไรกันแน่?! ไม่พูดไม่จาแล้วก็ลงมือเลยเรอะ ไม่ใช่ว่าควรเข้ามาคุยด้วยดี ๆ แล้วหลังจากนั้นจะให้โอกาสหรือ?

“แกมาตบคนเขาแบบนี้ได้ยังไง?” หลี่ชุ่ยฮวารุดพุ่งเข้ามาตะคอกใส่คุณย่าซู

เธอเป็นสะใภ้สามตระกูลเหลียง และวันนี้ก็เดินทางมาพร้อมสร้างปัญหาให้ครอบครัวตระกูลซู

ที่บ้านมีลูกชายสามคน สะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองมีเหตุผลกว่าหลี่ชุ่ยฮวาที่ยืนกรานจะไม่ตามพ่อแม่สามีมาสร้างปัญหาด้วย ตอนนี้จึงมีแต่ลูกชายเท่านั้นที่ตามมา

เพราะงั้นวันนี้คนที่มาจึงมีเพียงครอบครัวของเธอ และสองผู้อาวุโสของบ้าน

คุณย่าซูไม่สนใจหลี่ชุ่ยฮวาสักนิด

เธอรุ่นอาวุโสแล้ว และสนใจแต่คนรุ่นเดียวกันเท่านั้น

หญิงชราเท้าเอวเปิดปากสาปแช่ง “ผ่านมาตั้งหลายปี ช่วยคิดลูกไม้ใหม่ ๆ สักหน่อยไม่ได้หรือไง? แกไม่เบื่อแต่ฉันเบื่อเต็มทนแล้ว! บอกฉันทีว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงตาบอดมามีญาติเป็นไอ้พวกไร้สันหลังแบบพวกแกด้วยห่ะ?”

เป็นประโยคที่รุนแรงจนทุกคนตะลึง แข็งแกร่งอย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น เหมือนเมื่อก่อนไม่ผิดเพี้ยน!

“ใช่!” หวังเซียงฮวาข้าง ๆ ก็โกรธเหมือนกัน

ชีวิตที่มีความสุขของลูกชายกลับถูกครอบครัวนี้ทำลายจนสิ้นซาก!

แต่เธออายุน้อยกว่า ไม่งั้นคงออกหน้าไปแล้ว

แต่ก็ไม่ถือว่าสร้างปัญหาเพราะยืนอยู่เยื้องหลังแม่สามีไปอีก

ล้อกันเล่นแล้ว แม่แกอายุขนาดนี้เกิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง?

เดิมทีฉีเหลียงอิงอยู่ที่อื่น แต่พอตรงนี้เกิดความโกลาหลก็วิ่งเข้ามา

สะใภ้สามยืนอยู่ข้างคุณย่าซู

ตอนนี้เป็นการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่าย

คนรอบข้างไม่กล้าปริปากพูดอะไร

นี่มาไม่ได้มาเพื่อความสุขแล้ว แต่มาแก้แค้นต่างหาก

ทั้งสองครอบครัวไม่ได้สานสัมพันธ์ญาติมิตรกันหรอก ความจริงแล้วเป็นศัตรูกันต่างหาก

แม่เฒ่าเหลียงเพิ่งได้สติ แต่ก็ไม่กล้าตะโกนใส่คุณย่าซู เลยเบนไปทางลูกสาวแทน “นังเด็กนี่ แกเอาแต่ดูแม่โดนรังแกแบบนี้หรือ?”

เพราะคิดว่าลูกสาวน่าจะมาเป็นพวกเธอ แต่ตอนนี้กลายเป็นเข้าข้างคนอื่นเสียอย่างนั้น!

“แม่ วันนี้วันดี แต่พวกแม่กำลังมาสร้างปัญหานะ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาทำกันหรอก?”

เหลียงซิ่วมีใบหน้าเย็นชา ไม่ได้ทำตัวสุภาพเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ให้กำเนิด เพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน

เคยเห็นแต่ไม่ไว้หน้าลูก แต่ไม่เคยเห็นทำลายหน้าตาลูกแบบนี้เลย!

ได้แต่สงสัยว่าตนเองเป็นลูกแท้ ๆ หรือเปล่า

“แก แก…” แม่เฒ่าเหลียงโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

“ฉันยังไม่ตายนะ แล้วการที่พวกแกมาร้องไห้คร่ำครวญแบบนี้ฉันจะทุบให้!”

จากนั้นคุณย่าซูก็ว่าต่อ “อายุตั้งเยอะ ไม่อยากได้หน้าแล้ว?”

เดิมทีที่แม่เฒ่าเหลียงมาสร้างปัญหาในวันนี้ก็หมายขอเงินอุดหนุนจากคนบ้านซู ได้ยินมาว่าคนบ้านซูรวยขึ้นแล้ว มีชีวิตสุขสบายอยู่ในเมืองหลวง ทว่าบ้านเรากลับไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำ และเรื่องนี้มันทำให้แม่เฒ่าเหลียงอึดอัดใจมาก ยิ่งมีหลี่ชุ่ยฮวาอยู่ข้าง ๆ จิตใจก็ยิ่งลำเอียง

และวันนี้จึงฉวยโอกาสวันแห่งความสุขมาสร้างปัญหา

“เหลียงซิ่ว แกจำได้ไหมว่าฉันเป็นแม่แก?”

เพราะรู้ว่าคุณย่าซูเก่งขนาดไหน จึงไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรงแล้วด่าลูกสาวตัวเองแทน และคิดว่าเหลียงซิ่วจะต้องเสียใจต่อตนแน่

แต่เธอเองก็ไม่เคยปฏิบัตต่อเหลียงซิ่วที่เป็นลูกสาวมานานหลายปีเหมือนกัน

อาจพูดได้ว่าไม่ใช่ลูก แต่เป็นศัตรูในใจต่างหาก

แต่ด้วยนิสัยเดิมของเหลียงซิ่วนั้นจิตใจดี บวกกับใช้ชีวิตอยู่กับคนบ้านซูอย่างสบายใจเลยไม่มีอะไรให้ต้องห่วง

แต่จิตใจคนเรากลับเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่ความรักที่มีให้ก็หมดลงเช่นกัน!

ลูกสาวก็เป็นคนนะ ต้องมีช่วงเวลาที่ผิดหวังอยู่แล้ว

และตอนนี้เธอก็ไม่อยากทนอีกต่อไป