ที่จิ่งหมิงฮ่องเต้เรียกจงเหรินลิ่งเข้าวังมาไม่ใช่เพราะต้องการปรึกษา เขาต้องการบอกให้รู้เท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจงเหรินลิ่งอายุปูนนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก นี่มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
อะไรกัน เขาเป็นห่วงฮองเฮา องค์ชาย องค์หญิงก็พอแล้ว ยังต้องมาเอาใจเสด็จอาอีกรึ
เห็นได้ชัดว่าเหล่าจงเหรินลิ่งไม่รับรู้ถึงความไม่พอใจของฝ่าบาท จึงพูดออกไปอย่างแน่วแน่ “ฝ่าบาท กษัตริย์นั้นไม่มีเรื่องในครอบครัวนะพ่ะย่ะค่ะ!”
รอยยิ้มของจิ่งหมิงฮ่องเต้ถูกเก็บกลับไปทันที ตรัสเสียงเรียบ “ถ้าหากกษัตริย์ไร้ซึ่งเรื่องในครอบครัว เช่นนั้นมีหกกรมและเสนาบดีทั้งเก้า ก็พอแล้ว ยังต้องมีจงเหรินฝู่ไว้ทำอะไร”
เหล่าจงเหรินลิ่งตะลึง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
หากเขาพูดต่อ จงเหรินฝู่จะหายไปรึเปล่านะ น่ากลัวเกินไปแล้ว..
“แต่ว่าฝ่าบาท…จู่ๆ ทำไม่ถึงคิดถึงเรื่องนี้ได้” ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหล่าจงเหรินลิ่งก็เอ่ยถามออกไปอย่างไม่สบายใจ
หรือว่าจงเหรินลิ่งที่สง่าผ่าเผยอย่างเขาจะเป็นแค่สิ่งของที่วางไว้เพื่อแสดงเฉยๆ และไม่ว่าความต้องการของฝ่าบาทจะไร้เหตุผลเพียงใดล้วนต้องยอมรับงั้นหรือ
จงเหรินลิ่งของกษัตริย์องค์ก่อนยังสามารถไปร้องเรียนที่ศาลบรรพบุรุษได้เลย…
เหล่าจงเหรินลิ่งยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลืมตา ตรัสขึ้น “เสด็จอาพูดเช่นนี้ข้าเสียใจ หรือว่าในใจของเสด็จอาข้าเป็นคนที่มีความคิดหุนหันพลันแล่น หาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลงั้นหรือ”
เหล่าจงเหรินลิ่งมุมปากระตุกขึ้นมา อยากพูดออกไปมากว่าใช่น่ะสิ ทว่าไม่กล้าพูดออกไปแน่นอน ทำได้เพียงฝืนใจพูดออกไป “ฝ่าบาทไม่ใช่คนเช่นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ท่าทางโล่งใจ “เสด็จอานี่เข้าใจข้าดีเสียจริง เรื่องนี้ได้ผ่านการคิดทบทวนอย่างรอบคอบจากข้ามาแล้ว…”
พานไห่เงยหน้ามองฟ้าเงียบๆ
ที่แท้การคิดทบทวนอย่างรอบคอบเป็นเช่นนี้นี่เอง
“ทว่าฝ่าบาท…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสแทรกเหล่าจงเหรินลิ่งที่กำลังพูดอยู่อย่างไม่รีบร้อน “หรือว่าเสด็จอาจะคัดค้านการที่ฮองเฮาจะมีพระโอรส”
เหล่าจงเหรินลิ่งถูกตอกหน้าหงายอีกครั้ง
ฝ่าบาทก็ถูกไทเฮาอุปถัมภ์เลี้ยงดู หากตอนนี้เขาคัดค้านการให้องค์ชายอยู่ภายใต้นามฮองเฮาแล้วฝ่าบาทยังใจดีกับเขาคงจะแปลก
คนอายุมากมีประสบการณ์เยอะก็ต้องจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างมีสติปัญญา ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งจงเหรินลิ่งมาได้นานแน่นอนว่าต้องไม่ใช่ผู้ที่มีนิสัยตรงไปตรงมา “…”
หลังจากจิตใจสงบลง เหล่าจงเหรินลิ่งก็เข้าใจการตัดสินใจของจิ่งหมิงฮ่องเต้ เพราะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะคัดค้านอะไรอีก จะหาเรื่องลำบากให้ตัวเองทำไมกัน
ขณะที่เหล่าจงเหรินลิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ตรัสพูดเสียงเรียบ “ได้มาเห็นวันนี้แล้ว ดูเหมือนว่าแข้งขาการเดินของเสด็จอาจะไม่คล่องแคล่วสักเท่าไหร่ ถ้าหากว่างานที่จงเหรินฝู่ยุ่งเหยิงมากเกินไป เสด็จอาก็ให้เด็กหนุ่มไปทำเถิด การรักษาสุขภาพร่างกายสำคัญที่สุด…”
เหล่าจงเหรินลิ่งสะดุ้งโหยงโดยไม่รู้ตัว ฝ่าบาทกำลังใช้อำนาจคุกคามเขา!
ดูเหมือนว่าหากเขาคัดค้านอีก ตำแหน่งจงเหรินลิ่งคงจะต้องยกให้คนอื่นแล้ว
สูญเสียตำแหน่งจงเหรินลิ่งไปเป็นความเสียหายอันใหญ่หลวง
ราชนิกุลของราชวงศ์นั้นมีมากมายมหาศาล ไม่ใช่ราชนิกุลทุกคนที่จะรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ มีผู้คนมากมายที่อัตคัดขัดสน เช่นนั้นเมื่อจงเหรินลิ่งตกไปอยู่ที่คอบครัวใด จึงเป็นประโยชน์ให้กับลูกหลานทายาทอย่างไม่จบไม่สิ้น
และด้วยเหตุนี้ เกรงว่าแม้เหล่าจงเหรินลิ่งจะอ้วนจนเก้าอี้รับน้ำหนักไม่ไหว ก็ยังคงทำใจลงจากตำแหน่งนี้ไม่ได้
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่่ฝ่าบาททรงเป็นห่วงยิ่งนัก กระหม่อมยังแข็งแรงดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเรื่องฮองเฮาจะอุปถัมภ์องค์ชาย…”
เหล่าจงเหรินลิ่งคำนับอย่างเชื่อฟัง “ตามพระบัญชาฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยิ้มเล็กน้อย
เป็นอย่างนี้แต่แรกก็เสร็จไปแล้ว ทำเสียเวลาจนได้
“ข้ารู้ว่าเสด็จอาสามารถแบ่งเบาความทุกข์ของข้าได้มากที่สุด จงเหรินฝู่มีท่านอยู่ ข้าถึงวางใจได้”
เหล่าจงเหรินลิ่ง หึหึ
ต่อมาก็คุยปรึกษาหารือกันเล็กน้อย จากนั้นเหล่าจงเหรินลิ่งถึงได้เดินงกๆ เงิ่นๆ ออกไปโดยมีข้าหลวงประคอง
ภายในห้องทรงพระอักษรสว่างจ้า สามารถเห็นสีหน้าของจิ่งหมิงฮ่องเต้ที่เปลี่ยนทุกนาทีได้อย่างชัดเจน ทว่าหลังจากจงเหรินลิ่งจากไปฮ่องเต้ท่านนี้กลับทำหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก
“พานไห่…”
พานไห่รีบขานตอบ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ประกาศวันพรุ่งนี้แล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ” พานไห่ขานรับ รู้สึกปลงในใจ
เขารู้สึกมาตั้งนานแล้วว่าเยี่ยนอ๋องไม่ธรรมดา นี่เพิ่งผ่านไปไม่นานก็ได้เป็นลูกแท้ๆ ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทว่าก่อนหน้านี้ในสายตาของทุกคนเยี่ยนอ๋องเป็นองค์ชายที่ดูไม่มีอะไรเลยเนื่องจากออกไปจากวังตั้งแต่ยังเด็ก
โลกนี้ไม่เที่ยงจริงๆ
พานไห่เดาออกได้เลยว่าหลังจากประกาศเรื่องนี้ออกไปจะเกิดความวุ่นวายมากเพียงใด
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นเรื่องยากที่เหล่าขุนนางจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา จิ่งหมิงฮ่องเต้ฟังเหล่าขุนนางที่กำลังกราบทูล รักษาสีหน้าให้นิ่งไว้
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา หากทำแบบนี้พวกเขาจะประพฤติตัวดี
เหล่าขุนนางกราบทูลต่อเนื่องกันตามลำดับก่อนหน้า ไม่มีใครพูดหัวข้อที่ขัดแย้งกัน
สองวันมานี้ฝ่าบาทดูอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด มีเรื่องอะไรค่อยๆ พูดกันจะดีกว่า ยังไงเรื่องมันก็ยังคงเกิดขึ้นเหมือนเดิมอยู่ดี
เหล่าขุนนางต่างคิดเช่นนี้ ไม่นานก็ไม่มีใครกราบทูลอะไรอีก
จิ่งหมิงฮ่องเต้กระแอมเสียงออกมาเบาๆ เอ่ยพูดช้าๆ “ข้าคิดทบทวนมาหลายวันแล้ว มีเรื่องอยากจะบอกกับเหล่าอ้ายชิงทุกท่าน”
เหล่าขุนนางมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ระแวดระวังตัวขึ้นมา
ฝ่าบาทตั้งใจพูดขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็ก
ให้เวลาเหล่าขุนนางเย็นลงสักหน่อย จิ่งหมิงฮ่่องเต้กวาดสายตามองไปยังอวี้จิ่นและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยตรัสขึ้น “ฮองเฮาซื่อสัตย์ สุภาพอ่อนโยน ทรงงานหนักแทนข้าที่วังหลังมานานหลายปี ถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสตรีทั่วหล้า…ทว่าพระจันทร์เต็มดวงย่อมมีช่วงที่ขาดหายบ้าง จนถึงตอนนี้ฮองเฮายังคงไร้ซึ่งพระราชโอรส ข้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง จากที่คิดพิจารณามาหลายวัน เวลานี้จึงขอประกาศให้องค์ชายเจ็ดอวี้จิ่น เป็นโอรสในฮองเฮาเพื่อชดเชยเรื่องที่ทำให้เสียใจ…”
คำพูดต่อจากนั้นไม่เข้าหูเหล่าขุนนางแล้ว ทุกคนล้วนมองไปที่องค์ชายเจ็ดเยี่ยนอ๋องด้วยความงงงัน
มิน่าล่ะวันนี้ถึงได้มีองค์ชายหลายท่านล้วนมาเข้าเฝ้า ที่แท้ก็มีประกาศเรื่องใหญ่ขนาดนี้นี่เอง!
หลายวันมานี้ที่ฝ่าบาททำตัวแปลก นึกไม่ถึงเลยว่าจะเพราะเรื่อง… เหล่าขุนนางหันขวับ มองไปที่เหล่าจงเหรินลิ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน
ใช่แล้ว มันน่าแปลกมากที่เห็นจงเหรินลิ่งแต่เช้า คิดอยู่ในใจว่าปกติจงเหรินลิ่งไม่ต้องมาเข้าเฝ้านี่นา หรือว่าอ้วนเกินไปเลยออกมาเดินเล่น
ฝ่าบาทต้อกการให้องค์ชายเจ็ดอยู่ภายใต้นามฮองเฮา จะต้องปรึกษาหาลือกับจงเหรินลิ่งแล้วแน่นอน ตาแก่อ้วนท้วมนี่คงรู้แต่แรกแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ ขุนนางบางท่านก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปกัดเหล่าจงเหรินลิ่ง
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย เรื่องใหญ่เช่นนี้นึกไม่ถึงเลยว่าตาแก่อ้วนคนนี้จะไม่หลุดพูดอะไรออกมาสักคำ!
ทว่าผู้ที่งงกว่าเหล่าขุนนางก็คือองค์ชายทั้งหลาย
ฉีอ๋องหันไปมองจ้องอวี้จิ่น รับรู้ได้ถึงคอที่แข็งทื่อ ทว่าร่างกายของเขาแข็งทื่อยิ่งกว่า
เจ้าเจ็ดได้บันทึกไว้เป็นโอรสในฮองเฮางั้นรึ
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว จากนี้ไปเจ้าเจ็ดก็ถือว่าเป็นลูกแท้ๆ แล้วครึ่งหนึ่ง เช่นนั้นนี่ก็แปลว่าเจ้าเจ็ดมีกำลังที่จะแข่งขัน…
ไม่ นี่ไม่ใช่แค่มีกำลังในการช่วงชิง ด้วยความที่เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับระบบการสืบทอดราชวงศ์ เจ้าเจ็ดกำลังจะเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงของเขา!
ทว่าเสด็จพ่อทำไมถึงได้เกิดความคิดนี้ขึ้นมา เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หมู่เฟยจะไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเลยหรือ
ฉีอ๋องได้แต่รู้สึกกระวนกระวายใจ ขมขื่นอยู่ที่ปาก
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสู่อ๋องก็ไม่ได้รู้สึกดีมากเท่าไร
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับองค์ชายสี่ แต่ตอนนี้กลับมีเจ้าเจ็ดโผล่ออกมาตรงครึ่งทาง บึงน้ำแห่งนี้ขุ่นมัวยิ่งขึ้นแล้ว
มีเพียงหลู่อ๋องที่ตกตะลึงด้วยความบริสุทธิ์ใจ หลังจากที่ตกตะลึงก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา ไม่ยุติธรรม เจ้าเจ็ดชกต่อยกับไท่จื่อองค์ก่อนไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้ได้กลายเป็นลูกแท้ๆ แล้วครึ่งหนึ่ง เขาชกต่อยกับไทจื่อองค์ก่อนครั้งหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแค่จวิ้นอ๋อง!
และหนึ่งในนั้น ผู้ที่รู้สึกตกอยู่ในชะตากรรมอันเลวร้ายมากที่สุดก็คือเซียงอ๋อง
เขาแทบจะนึกออกเลยทันทีที่เมื่อวานถูกเรียกเข้าไปในวังพร้อมกับอวี้จิ่น แถมยังเจอฮองเฮาอีก ตอนนั้นเขาก็แปลกใจอยู่ว่าเหตุใดฮองเฮาถึงอยู่ที่นั่นด้วย พอมาวันนี้เจ้าเจ็ดได้เป็นองค์ชายใต้นามฮองเฮา…
จนถึงตอนนี้ เซียงอ๋องก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ในใจได้แต่คิดว่า เขานี่มันช่างโง่เขลาเสียจริง!