บทที่ 743 โกลาหลไม่สิ้นสุด
บทที่ 743 โกลาหลไม่สิ้นสุด
ซูอันเกาหัวและหัวเราะอย่างเขินอาย เขาเอ่ยออกอย่างกระอักกระอ่วน “เมื่อครู่นี้มันค่อนข้างอันตรายจริง ๆ เจ้าก็เห็นนี่นา…”
ชิวฮัวเล่ยผู้ซึ่งกำลังมุ่งตรงไปหาซูอันหยุดทันทีเมื่อนางสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าซูอันไม่เป็นไร แต่ก็ยังรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงคำพูดของเพ่ยเหมียนหมาน
อย่างไรก็ตาม นางตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและพูดว่า “อาซู ผู้หญิงคนนี้คือภรรยาของเจ้าใช่ไหม คุณหนูใหญ่ฉู่?”
ซูอันถึงกับพูดอะไรไม่ออก…
เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกโกรธขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้จงใจเยาะเย้ยนางเพราะความหึงหวง ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่านางไม่ใช่ภรรยาของซูอัน
“ข้าเป็นเพื่อนสนิทของชูเหยียน!” เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกเสียใจกับคำพูดของนางทันที ทั้งสองคนหย่ากันอย่างชัดเจนแล้ว
แล้วทำไมนางต้องพูดถึงชูเหยียนด้วย? เกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของข้า??
“โอ้…” ชิวฮัวเล่ยแสร้งลากเสียง “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เจ้ากำลังช่วยดูแลสามีของเพื่อนสนิท…หรือว่าแท้จริงแล้วเจ้าตกหลุมรักสามีของเพื่อนสนิทเจ้ากันแน่?”
ซูอันยิ่งพูดไม่ออกมากกว่าเดิม และเพ่ยเหมียนหมานดูเหมือนกำลังจะระเบิด
แม่ชียุงหมดความอดทน “ข้าไม่อยากฟังเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของพวกเจ้า!”
นางพุ่งตรงไปที่ชิวฮัวเล่ย โคมจักรพรรดินีกวนใจนางมามากแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องกำจัดนังผู้หญิงคนนี้ก่อน!
ชิวฮัวเล่ยตั้งท่ารับการจู่โจมอย่างรัดกุมไม่กล้าประมาท อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้านางก็พบว่าตัวเองเริ่มถูกต้อนจนลำบาก ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ชียุงกังวลเกี่ยวกับโคมจักรพรรดินีของนาง นางคงตายไปนานแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ซูอันก็ตื่นตระหนก เขาชักกระบี่ออกมาทันทีและรีบวิ่งไป “เหมียนหมานใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเรา! เราต้องฆ่ายุงบัดซบนี่ก่อน!”
ยุงบัดซบ?
แม่ชียุงสะอึก
“ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เกิดมาพร้อมกับปากสุนัขนั่น!”
—
ท่านยั่วยุแม่ชียุงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 888!
—
เพ่ยเหมียนหมานตกใจเมื่อได้ยินคำว่า ‘ยุง’ นางเคยเห็นซากแห้งเหี่ยวที่สงสารของซ่างเชียนด้วยตาของตัวเองก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปในตอนนั้นจูเซี่ยฉือซินคาดเดาว่าเป็นฝีมือของใครบางคนจากเผ่าอสูรโลหิต เขาได้ระบุชื่อที่เป็นไปได้และหนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแม่ชียุง!
ตอนนี้นางมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผู้กระทำความผิดจะเป็นใครได้นอกจากนาง?
เพ่ยเหมียนหมานรีบตะโกนเตือน “ระวัง! นางสามารถดูดเลือดจนเรากลายเป็นซากศพแห้งเหี่ยว!”
ซูอันตะลึงจนดวงตาเบิกกว้าง เหมียนหมานใหญ่มีความรอบรู้อย่างแท้จริง ข้าแปลกใจที่นางรู้เรื่องนี้ด้วย!
เสียงหัวเราะของแม่ชียุงนั้นช่างน่ากลัว “ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูดเลือดพวกเจ้าทุกคนให้แห้งไม่ต่างกัน!”
นางจ้องไปที่หน้าอกขนาดใหญ่ของเพ่ยเหมียนหมานแล้วลอบกลืนน้ำลาย
ข้าจะดูดนมเจ้าให้แห้ง มาดูกันว่าเมื่อเลือดหมดตัวแล้ว เจ้าจะยังใหญ่ได้ขนาดนี้ไหม!
สถานการณ์ของซูอันและชิวฮัวเล่ยแย่ลงเรื่อย ๆ ในทุกวินาทีที่ผ่านไปดังนั้นเพ่ยเหมียนหมานจึงไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เปลวไฟสีดำลุกลามรอบตัวนางขณะที่นางพุ่งเข้าไปเพื่อให้ความช่วยเหลือ
เมื่อสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของเปลวไฟสีดำ แม่ชียุงจึงรีบเก็บแส้หางม้าของนางไปอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีอาวุธในมือแต่นางก็ยังมั่นใจว่าด้วยระดับการบ่มเพาะที่เหนือชั้นกว่ามาก นางจะไม่มีวันเสียเปรียบอย่างแน่นอน
แม้เพ่ยเหมียนหมานจะไม่ได้ถูกฝ่ามือของแม่ชียุงซัดเข้าใส่ตรง ๆ นางแค่เพียงถูกคลื่นลมที่เกิดจากฝ่ามือของแม่ชียุงเท่านั้น แต่แขนของนางกลับรู้สึกชาหนึบ
นางตกตะลึงใจ ทำไมแม่ชียุงผู้นี้แข็งแกร่งได้ขนาดนี้!?
ซูอันสังเกตเห็นสีหน้าของเพ่ยเหมียนหมาน เขากังวลว่านางอาจจะดูถูกคู่ต่อสู้มากเกินไปจึงรีบตะโกนเตือนอย่างรวดเร็วว่า “ระวัง อย่างน้อยยุงบัดซบก็น่าจะอยู่ในระดับปรมาจารย์ อีกทั้งมันยังเจ้าเล่ห์สุด ๆ!”
ก่อนที่เพ่ยเหมียนหมานจะตอบได้ แม่ชียุงก็หัวเราะร่าและพูดว่า “เด็กคนนี้ช่างน่าเอ็นดูจริง ๆ เจอกันไม่นานแต่เจ้ากลับเข้าใจพี่สาวคนนี้ดีขนาดนี้แล้ว มา! มาให้พี่สาวคนนี้มอบจูบเป็นของขวัญให้กับเจ้าสักทีสองทีเถอะ!”
แม้ว่านางจะยิ้ม แต่ในใจของนางรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ด้วยระดับการบ่มเพาะของนาง และการรับมือกับผู้บ่มเพาะระดับหก สามคนน่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กพวกนี้ทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ระดับหกด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตาม เด็กทั้งสามคนนี้ค่อนข้างแปลก ซูอันมีทักษะการเคลื่อนไหวที่น่าเหลือเชื่อ และดูเหมือนว่ายิ่งการต่อสู้ผ่านไปนานเท่าไรเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะเดียวกันชิวฮัวเล่ยได้ใช้โคมจักพรรดินีเพื่อชะลอการเคลื่อนไหวของนาง และมาตอนนี้เด็กสาวผู้มาใหม่ก็ใช้เปลวไฟสีดำที่แตกต่างจากไฟปกติ หากพลาดเพียงครั้งเดียวนางอาจถูกไฟคลอก
และบางทีอาจถึงกับต้องทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลทางจิตวิญญาณ
เมื่อทั้งสามคนร่วมกันต่อสู้ นางพบว่าตัวเองค่อนข้างจะตึงมือไม่น้อย
กลุ่มของซูอันตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ชียุง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจิตไม่ปกติอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้แม่ชียุงโจมตีพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เลย แต่ตอนนี้นางกลับยั่วยวนซูอันซะงั้น!
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนรู้สึกว่าการโจมตีของแม่ชียุงรุนแรงขึ้น และพวกเขาไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่าน
อย่างไรก็ตาม ไม่นานก่อนที่ชิวฮัวเล่ยจะคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดขณะที่แม่ชียุงโจมตีโดนไหล่ของนางได้สำเร็จ
เล็บของแม่ชียุงเป็นประกายภายใต้แสงจันทร์ มันพุ่งโจมตีไปที่ใบหน้าของชิวฮัวเล่ยอย่างไร้ปรานี ชีวิตของนางจบลงแน่นอนด้วยการโจมตีครั้งนี้
แต่แล้วจู่ ๆ แขนที่โอบล้อมด้วยเปลวไฟสีดำเอื้อมมาขวางหน้านาง โดยซื้อเวลาให้ชิวฮัวเล่ยเพิ่มอีกหนึ่งอึดใจ
ซูอันถือโอกาสนี้ดึงชิวฮัวเล่ยไปหลบข้างหลังเขา หลีกเลี่ยงการโจมตีที่ตามมาของแม่ชียุง
“ขอบคุณ!” ชิวฮัวเล่ยกล่าวขณะที่นางหายจากอาการตกใจ ทว่านางไม่ได้พูดกับซูอันแต่เป็นการแสดงความขอบคุณต่อเพ่ยเหมียนหมานแทน
เพ่ยเหมียนหมานทำเสียงเออออ นางไม่สามารถสละเวลาหรือความสนใจในการโต้ตอบ แม่ชียุงกำลังโจมตีนางและไม่อาจเสียสมาธิได้
แม่ชียุงรู้สึกว่าความโกรธของนางเริ่มเดือดพล่าน
นี่เป็นเพียงเด็กสามคน แต่นางไม่สามารถจัดการกับพวกเขาได้แม้แต่คนเดียว! นางคำรามด้วยความโกรธ และจากนั้นฝูงยุงสีดำจำนวนมหาศาลพุ่งออกจากปากของนาง
ทั้งสามคนตื่นตระหนกอย่างมาก นอกจากเพ่ยเหมียนหมานผู้ซึ่งได้รับการปกป้องจากเปลวไฟสีดำที่ยุงไม่กล้าเข้าใกล้ อีกสองคนถูกยุงสีดำเหล่านี้รุมล้อมทันที
สถานการณ์ของชิวฮัวเล่ยดีกว่าซูอันอยู่บ้างเนื่องจากนางมีโคมจักรพรรดินี และสามารถชะลอการเคลื่อนไหวของยุงได้ ทำให้นางสามารถหลบเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่นางสามารถช่วยใครได้อีกนอกจากตัวเอง
ทางฝั่งซูอันแย่ที่สุด เขาฟาดฟันกระบี่ไปรอบ ๆ อย่างต่อเนื่องพร้อมกับมืออีกข้างหนึ่งก็คอยซัดฝ่ามือออกเป็นครั้งคราว แต่ยุงพวกนี้ว่องไวและคาดเดายากอย่างเหลือเชื่อ พวกมันหาช่องที่จะกัดเขาอยู่ตลอดเวลา
อาการคันอย่างรุนแรงแผ่ออกมาจากรอยกัดซึ่งทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่ายุงเหล่านี้มีพิษ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
เมื่อเห็นสถานการณ์ของซูอัน เพ่ยเหมียนหมานก็ส่งเปลวไฟสีดำออกไปช่วย ฝูงยุงสีดำรีบหลบเปลวไฟที่ใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ซูอันสามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เพ่ยเหมียนหมานฟุ้งซ่านไปชั่วขณะ ซึ่งทำให้โอกาสเป็นของแม่ชียุง นางไม่รีรอ ซัดฝ่ามือเข้าที่หน้าอกของเพ่ยเหมียนหมานทันที
เพ่ยเหมียนหมานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและกระอักเลือดออกจากปากขณะที่นางกระเด็นไป!