ตอนที่ 683 เป็นกังวล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 683 เป็นกังวล

หัวหน้าองครักษ์ลับกล่าวว่าองค์รัชทายาทสั่งให้พวกเขามาคุ้มกันองค์ชายมู่หรงลี่ไปส่งถึงต้าเยี่ยนอย่างปลอดภัย

ทูตของต้าเยี่ยนทำความเคารพคนขององค์รัชทายาทอย่างนอบน้อม เขาโค้งกายคำนับไปทางเมืองหลวงเป็นลำดับแรก จากนั้นโค้งกายให้คนขององค์รัชทายาท…แสดงความขอบคุณที่จักรพรรดิต้าจิ้นและองค์รัชทายาทเป็นห่วงองค์ชายมู่หรงลี่ของพวกเขาถึงเพียงนี้ จากนั้นจึงกล่าวว่าองค์ชายมู่หรงลี่เป็นห่วงอาการของจักรพรรดิต้าเยี่ยน กลัวว่ารถม้าจะช้าเกินไปจึงขี่ม้าเร็วล่วงหน้ากลับไปยังต้าเยี่ยนก่อนแล้ว

องครักษ์ลับของจวนองค์รัชทายาทส่งคนกลับไปทูลให้องค์รัชทายาททราบ ส่วนคนที่เหลือติดตามมู่หรงลี่ไปยังต้าเยี่ยนโดยใช้เส้นทางของทางการ

เช้าวันที่ยี่สิบห้า เดือนสิบ ดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนๆ

เว่ยจงรออยู่ในเรือนชิงฮุยนานแล้ว เขามองดูบรรดาสาวใช้ทยอยเดินถืออุปกรณ์อาบน้ำเข้าไปในห้องของเรือนชิงฮุย

วันนี้คือวันที่ไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางกลับซั่วหยาง

เว่ยจงนำเกี้ยวมารับตัวไป๋ชิงเหยียนออกไปจากเรือนชิงฮุย

เขามาด้วยตัวเองเพราะสืบเรื่องของจวนตู้แห่งซอยจิ่วชวนได้เรื่องแล้ว

จวนหลังนั้นเป็นจวนของหลี่หมิงรุ่ยมาตั้งนานแล้ว ทว่า กลับมีโคมไฟคำว่าตู้แขวนอยู่ที่หน้าจวน ได้ยินว่าก่อนหน้านี้มักมีคนไปอาศัยอยู่ที่จวนหลังนั้นเป็นพักๆ เหมือนจะเป็นบัณฑิตผู้อ่อนแอและองครักษ์ที่ดูเย็นชาคนหนึ่ง

แม้องครักษ์ผู้นั้นจะดูเย็นชา ทว่า เขามีน้ำใจมาก มักจะมอบลูกกวาดให้เด็กๆ ละแวกนั้นกิน อีกทั้งช่วยคนชราในซอยนั้นหาบน้ำเป็นประจำ ทว่า องครักษ์ผู้นั้นไม่ชอบสนทนากับผู้อื่น พวกเขาไม่รู้ว่าองครักษ์ผู้นั้นมีนามว่าอันใด รู้เพียงว่าแซ่เกา

เมื่อเว่ยจงเห็นว่าสืบจากจุดนี้ค่อนข้างยาก เขาจึงเปลี่ยนเป็นสืบจากเจ้าของสามคนก่อนของจวน ก่อนที่จวนจะกลายเป็นของหลี่หมิงรุ่ย หยางต้งเป็นคนซื้อจวนหลังนี้ไว้ ทว่า เขาซื้อมาจากคนของบุรุษที่มีนามว่าตู้จือเวยอีกที

เว่ยจงจึงสืบเบาะแสจากคนแซ่ตู้ เขาพบว่าเดิมทีตู้จือเวยคือที่ปรึกษาของจวนองค์ชายรอง ต่อมาเมื่อองค์ชายรองก่อกบฏล้มเหลว จวนตู้จึงตกเป็นของหยางต้ง

เว่ยจงสืบหาตัวหยางต้งที่ย้ายถิ่นฐานไปปักหลักอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงพบแล้ว เขาสืบรู้มาว่าผู้ดูแลจวนคนหนึ่งซื้อจวนตู้ต่อจากหยางต้งด้วยราคาที่สูงมาก เขากล่าวว่าเจ้าของคนเก่าต้องการจวนคืน ทว่า หยางต้งคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วคนที่ซื้อจวนนี้จะไม่ได้แซ่ตู้ เขาจึงหลุดปากถามออกไปอย่างสงสัย ผู้ดูแลจึงบอกว่าคุณชายของเขาต้องการตอบแทนพระคุณของอาจารย์ ทว่า อาจารย์ของเขาไม่รับไว้ จวนหลังนี้จึงเป็นจวนของคุณชายของพวกเขาอยู่

เช่นนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าตู้จือเวยและหลี่หมิงรุ่ยมีความสัมพันธ์อันใดกัน

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากห้อง เว่ยจงรีบเข้าไปโค้งกายคำนับ จากนั้นประคองไป๋ชิงเหยียนไปนั่งบนเกี้ยวสำหรับสี่คนแบก เว่ยจงและชุนเถาปลดม่านของเกี้ยวลง จากนั้นเดินขนาบข้างเกี้ยวทั้งสองด้าน

เว่ยจงรายงานเรื่องจวนในซอยจิ่วชวนที่ตนสืบมาได้ให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างละเอียดด้วยเสียงเบา

“แสดงว่าตู้จือเวยคืออาจารย์ของหลี่หมิงรุ่ยอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถือเตาอุ่นมือไว้ในมือ ลูบไปยังฝาครอบสีเงินแกะสลักลายดอกไม้ของเตาอุ่นมืออย่างแผ่วเบา

หากสองคนนั้นคืออาจารย์และลูกศิษย์กันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ตอนนั้นหลี่เม่ายุยงให้องค์ชายรองก่อกบฏ เขาและองค์ชายรองสนิทสนมกันมาก บุตรชายคนโตของเขากราบตู้จือเวยเป็นอาจารย์ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

หากต้องการทราบที่มาที่ไปของเรื่องนี้อย่างแน่ชัดคงต้องรอกลับไปถามที่ปรึกษาไช่จื่อหยวนซึ่งหลี่เม่าส่งมายังซั่วหยางอีกที เช่นนั้นก็คงรู้ชัดเจนแล้ว

“ลำบากเจ้าแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออกเล็กน้อย มองไปทางเว่ยจงที่เดินอยู่ข้างเกี้ยวอย่างนอบน้อม “เมื่อข้ากลับไปซั่วหยาง ฝากเจ้าและเจี่ยงหมัวมัวดูแลท่านย่าด้วย”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้รับข่าวของไป๋จิ่นถงมานานแล้ว หญิงสาวจึงเอ่ยถามเว่ยจง “ว่านรั่วจ้งส่งข่าวมาบ้างหรือไม่”

ว่านรั่วจ้งคือหัวหน้าองครักษ์ลับของกลุ่มองครักษ์ลับที่ท่านย่ามอบให้ไป๋ชิงเหยียน ต่อมาไป๋จิ่นถงจะออกเดินทางไปตามที่ต่างๆ ไป๋ชิงเหยียนจึงสั่งให้ว่านรั่วจ้งพาคนติดตามไป๋จิ่นถงไปด้วย

“เรียนคุณหนูใหญ่ ไม่มีเลยขอรับ” เว่ยจงกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนปิดม่านลงตามเดิม จากนั้นเอนกายพิงเกี้ยวพลางขมวดคิ้วแน่น ไป๋จิ่นถงเสี่ยงอันตรายออกเดินทางไปในทะเลนานมากแล้ว ทว่า ไม่มีข่าวคราวของนางเลย ไป๋ชิงเหยียนจะไม่กังวลได้อย่างไรกัน

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนเกี้ยวที่มีม่านหลายชั้นปิดบังอยู่มาถึงหน้าประตูจวน จากนั้นถูกหญิงชราประคองขึ้นไปบนรถม้า

องค์หญิงใหญ่กำชับให้ไป๋จิ่นจื้อดูแลไป๋ชิงเหยียนให้ดีด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

หลิวซื่อกำชับหลูผิงว่าให้เดินทางอย่างระมัดระวัง ไม่ต้องรีบร้อน ดูแลร่างกายของไป๋ชิงเหยียนให้ดี จากนั้นจึงเดินเข้าไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนที่ริมหน้าต่างรถม้า “ฝากอาเป่าบอกแม่ของเจ้าด้วยว่าอาจะกลับไปซั่วหยางก่อนเดือนสิบสองแน่นอน”

ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านรถม้าขึ้นพลางส่ายหน้าให้ท่านอาสะใภ้สองยิ้มๆ “จวนไป๋ที่เมืองหลวงต้องการคนดูแล ท่านย่า จิ่นซิ่วและวั่งเกอล้วนอยู่ที่เมืองหลวง พวกเขาต้องการคนดูแลเช่นเดียวกัน คงต้องรบกวนให้ท่านอาสะใภ้สองอยู่ดูแลพวกเขาที่นี่อีกสักพักเจ้าค่ะ ท่านอาสะใภ้สองไม่ต้องรีบร้อนกลับซั่วหยางหรอกเจ้าค่ะ”

“ทว่า…”

“ต่อให้ท่านอาสะใภ้สองส่งจดหมายไปหาท่านแม่ข้า ท่านแม่ก็คงกล่าวเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนปลอบใจหลิวซื่อ “หากท่านอาสะใภ้สองกลับไปซั่วหยาง ทางนี้คงไม่มีคนดูแล ท่านแม่คงเป็นห่วงมากแน่ๆ เจ้าค่ะ”

หลิวซื่อรู้ดีว่าที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้เพราะรู้ว่านางไม่อยากจากไป๋จิ่นซิ่วและวั่งเกอไปไกล หลิวซื่อหันไปมององค์หญิงใหญ่ เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่พยักหน้า หลิวซื่อจึงกล่าวขึ้น “เช่นนั้นฝากอาเป่าขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่แทนอาด้วย ลำบากพี่สะใภ้ใหญ่ดูแลเรื่องทางซั่วหยางแล้ว!”

เจี่ยงหมัวมัวใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา “เหตุใดต้องรีบร้อนเดินทางถึงเพียงนี้ด้วยเจ้าคะ รอให้คุณหนูใหญ่อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อนไม่ได้หรือเจ้าคะ”

องค์หญิงใหญ่รู้ว่าเจี่ยงหมัวมัวสงสารไป๋ชิงเหยียน นางเอื้อมมือไปตบหลังมือของของเจี่ยงหมัวมัวเบาๆ พยายามข่มความอาวรณ์ของตัวเองไว้ในใจ หมอหงกล่าวอำลาองค์หญิงใหญ่จากนั้นขึ้นไปบนรถม้า

ทุกคนมองส่งขบวนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนเคลื่อนตัวไปยังถนนสายยาวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

องค์หญิงใหญ่รู้ดีว่าหลานสาวของตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว นางมีความคิดและปณิธานที่กว้างไกล นางรู้ดีว่าควรจะเดินไปยังหนทางเบื้องหน้าเช่นไร องค์หญิงใหญ่รู้ดีว่าการเสียชีวิตของบุรุษตระกูลไป๋ทำให้หลานสาวของตัวเองมีภาระที่หนักอึ้ง นางไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองเป็นอันใดไปเด็ดขาด

ดังนั้นองค์หญิงใหญ่สงสารไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไม่กังวลในตัวของหลานสาว

นางเป็นคนเลี้ยงดูไป๋ชิงเหยียนให้เติบใหญ่มากับมือ นางรู้จักนิสัยของไป๋ชิงเหยียนดี

เมื่อมองไม่เห็นขบวนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนแล้ว ฮูหยินสองหลิวซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหางตาพลางกล่าวขึ้น “กลับเข้าด้านในเถิดเจ้าค่ะท่านแม่ ด้านนอกลมแรง เดี๋ยวจะจับไข้ได้เจ้าค่ะ”

“ข้าไม่เข้าไปแล้ว…” องค์หญิงใหญ่หันไปส่งสัญญาณให้เว่ยจง เว่ยจงรีบทำความเคารพแล้วแยกไปเตรียมรถม้า

“ท่านแม่จะกลับวัดชิงอันแล้วหรือเจ้าคะ” หลิวซื่อรู้สึกใจหาย

องค์หญิงใหญ่พยักหน้า “ในเมืองหลวงสงบลงแล้ว อาเป่ากลับซั่วหยางแล้ว มีเพียงข้ากลับไปเท่านั้น ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทจะได้วางพระทัยได้จริงๆ”

หลิวซื่อไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าใด ทว่า นางรู้ดีว่าองค์หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ย่อมมีเหตุของท่าน นางได้แต่ยืนส่งองค์หญิงใหญ่และไป๋จิ่นเซ่อจากไปทั้งน้ำตา เอาแต่กำชับไป๋จิ่นเซ่อให้ดูแลองค์หญิงใหญ่และไป๋จิ่นถงที่ป่วยหนักและพักฟื้นอยู่บนภูเขาให้ดี