ตอนที่ 684 เกรงใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 684 เกรงใจ

“ท่านอาสะใภ้สองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ มีท่านอาหลูคอยดูแลพี่หญิงสาม พี่หญิงสามปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ทว่า นางยังต้องพักผ่อนอยู่บนภูเขาเท่านั้นเจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นเซ่อช่วยไป๋จิ่นถงปกปิด

“ข้าไปไม่เคยเจอจิ่นถงสักครั้ง จิ่นถงไม่กลับมาเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าใดนัก” หลิวซื่อขมวดคิ้วแน่น

“ท่านอาสะใภ้สองไม่ไว้ใจท่านย่าหรือเจ้าคะ ท่านย่าเป็นคนสั่งไม่ให้พี่หญิงสามลงจากเขา ไม่ให้พบผู้อื่นเจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นเซ่อก้าวเข้าไปกระซิบหลิวซื่อ “ที่จริงท่านย่าไม่ให้ข้ากล่าวนะเจ้าคะ พี่หญิงสามได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่อ้างหรอกเจ้าค่ะ สตรีล้วนรักใบหน้าของตัวเอง พี่หญิงสาวมีบาดแผลที่ใบหน้าจึงต้องรักษาตัวตามลำพัง ไม่ให้ผู้อื่นเห็นเจ้าค่ะ ท่านอาสะใภ้สองช่วยปกปิดแทนพี่หญิงสามด้วยนะเจ้าคะ”

ใบหน้าของสตรีสำคัญยิ่งนัก!

มิน่าจิ่นถงจึงเอาแต่เก็บตัวไม่ยอมพบผู้ใด

หลิวซื่อตีผ้าเช็ดหน้าลงบนมือของตัวเอง “ข้าก็สงสัยอยู่ว่าเหตุใดจิ่นถงถึงไม่ยอมพบแม้แต่ข้าที่เป็นป้าสะใภ้สองของนาง ที่ไหนได้ นางบาดเจ็บที่ใบหน้านี่เอง! ร้ายแรงมากหรือไม่”

ไป๋จิ่นเซ่อไม่รู้ว่าไป๋จิ่นถงจะกลับมาเมื่อใด นางจึงอ้างเหตุผลนี้ขึ้นมา มิเช่นนั้นหากคุณหนูสามของตระกูลไป๋เอาแต่พักรักษาตัวอยู่บนภูเขา แม้พี่หญิงใหญ่ของตนมาเมืองหลวงก็ยังไม่ยอมออกมาพบ ผู้อื่นอาจสังเกตถึงความผิดปกตินี้ได้

ไป๋จิ่นเซ่อไม่มีความสามารถอื่น ทว่า นางสามารถช่วยพี่หญิงใหญ่แก้ปัญหาในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้

ไป๋จิ่นเซ่อมองไปทางท่านอาสะใภ้สอง จากนั้นสายหน้าพลางถอนหายใจออกมา “ค่อนข้างหนักเจ้าค่ะ ทว่า ท่านอาสะใภ้สองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ทราบเรื่องนี้แล้ว นางกำลังหายามารักษาพี่หญิงสามอยู่ ท่านอาสะใภ้สองวางใจได้เจ้าค่ะ ทว่า หากครั้งหน้าท่านอามาเยี่ยมท่านย่าอีก ท่านอาอย่าถามถึงพี่หญิงสามนะเจ้าคะ นางจะได้ไม่รู้สึกกดดัน ท่านอาทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้เช่นเดิมนะเจ้าคะ”

หลิวซื่อพยักหน้าอย่างเป็นห่วง “ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ขอบเขตดี”

หลิวซื่อมองดูเด็กสาวตัวน้อยอย่างไป๋จิ่นเซ่อ เอื้อมมือไปช่วยจัดผมที่ตกลงมาให้หลานสาว “เจ้าคอยปลอบใจพี่หญิงสามของเจ้าด้วย ข้าจะช่วยหายามารักษานางอีกแรง รู้เรื่องหรือไม่”

“เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อพยักหน้า

รถม้าประจำตัวขององค์หญิงใหญ่จอดลงที่หน้าประตูจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงประคององค์หญิงใหญ่ขึ้นไปบนรถม้า ไป๋จิ่นเซ่อทำความเคารพฮูหยินสอง จากนั้นประคองแขนเจี่ยงหมัวมัวขึ้นไปบนรถม้า

“ฮูหยินสองกลับเข้าด้านในเถิดเจ้าค่ะ ด้านนอกลมแรงเจ้าค่ะ” เจี่ยงหมัวมัวกล่าวยิ้มๆ

หลิวซื่อที่ยืนอยู่หน้าจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วท่ามกลางแสงไฟจากโคมไฟที่ยังไม่มอดดับกล่าวกับเจี่ยงหมัวมัว

“รบกวนเจี่ยงหมัวมัวด้วย!”

“ฮูหยินสองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”

มองส่งรถม้าขององค์หญิงใหญ่จากไป หลิวซื่อรู้สึกว่าจวนไป๋เงียบเหงาขึ้นมาทันที นางถอนหายใจยาวออกมา เมื่อได้ยินชิงซูสาวใช้ข้างกายเตือนให้นางกลับเข้าไปด้านใน หลิวซื่อจึงหมุนกายเดินกลับเข้าไปในจวน

ภายในรถม้า ชุนเถาใช้เบาะหนาปูรองให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งอย่างสบายมากยิ่งขึ้น

เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการอ่านตำรา ชุนเถาจึงเอาหมอนไปสอดไว้ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียนอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นหยิบตำราส่งให้หญิงสาวแล้วหันไปจุดธูปหอม ชงชา เมื่อเสร็จแล้วจึงหยิบของว่างที่ฮูหยินสองหลิวซื่อสั่งให้คนทำให้ไป๋ชิงเหยียนตั้งแต่เช้าออกมาจากลิ้นชักของรถม้าแล้วจัดวางบนโต๊ะเล็กเพื่อให้ไป๋ชิงเหยียนรับประทาน

“คุณหนูใหญ่…” หลูผิงซึ่งขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนวกกลับมาหาไป๋ชิงเหยียน ขี่ขนาบข้างรถม้าของหญิงสาวไปช้าๆ “ข้าให้คนส่งจดหมายไปให้แม่นางเสิ่นแล้วขอรับ พวกเราเดินทางไปอย่างช้าๆ คงไปถึงภูเขาคงต้งในวันมะรืนขอรับ ข้าบอกให้แม่นางเสิ่นไปรวมตัวกับพวกเราที่โรงเตี๊ยมแถวภูเขาคงต้งขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออกมองไปทางหลูผิงพลางเอ่ยถาม “คนที่องค์รัชทายาทส่งไปเมื่อวานตามจับตัวองค์ชายมู่หรงลี่แห่งต้าเยี่ยนได้หรือไม่”

หลูผิงส่ายหน้า “ยังไม่ได้ขอรับ คงจะตามไม่ทันแล้ว ให้ข้าส่งคนไปสืบดูดีหรือไม่ขอรับ”

นั่นสินะ หากเมื่อคืนตามไม่ทัน ตอนนี้ก็คงตามไม่ทันอีกแล้ว

“ไม่ต้องแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยสั่งหลูผิง “วันที่หนึ่ง เดือนสิบเอ็ดจิ่นจื้อจะเดินทางไปยังค่ายผิงอัน เมื่อกลับไปถึงซั่วหยาง ลุงผิงช่วยคัดองครักษ์และองครักษ์ลับฝีมือดีจำนวนหนึ่งติดตามจิ่นจื้อไปด้วย”

“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าจะคัดเลือกคนไปคุ้มครองคุณหนูสี่อย่างเป็นอย่างดี เมื่อเลือกแล้วจะพามาให้คุณหนูใหญ่พิจารณาขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงไป๋จิ่นจื้อที่ตอนนี้สุขุมขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “เมื่อเลือกได้แล้วพาไปให้เสี่ยวซื่อพิจารณาด้วยตัวเอง หากนางไม่พอใจ ให้นางเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้แล้ว ขอเพียงอย่างเดียวคือคนต้องมีฝีมือและซื่อสัตย์”

“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงขอรับ” หลูผิงกล่าวจบก็มองไปทางประตูเมืองหลวงแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ดูเหมือนว่าคนขององค์รัชทายาทจะรอส่งพวกเราอยู่ด้านนอกประตูเมืองขอรับ ข้าส่งคนไปสืบแล้วว่าผู้ใดรออยู่ขอรับ…”

“บัดนี้องค์รัชทายาทกำลังยุ่ งคงออกมาส่งด้วยพระองค์เองไม่ได้ น่าจะเป็น…” ไป๋ชิงเหยียนนึกนึกใบหน้าเกลี้ยงเกลาของขันทีคนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นกล่าวขึ้น “น่าจะเป็นเฉวียนอวี๋ ขันทีข้างกายขององค์รัชทายาทกระมัง”

ไม่นาน คนที่หลูผิงส่งไปสืบข่าวที่นอกเมืองหลวงกลับมารายงานว่าเฉวียนอวี๋รอส่งไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่นอกเมืองจริงๆ

“เฉวียนอวี๋กงกง!” ไป๋จิ่นจื้อกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลง จากนั้นกล่าวทักทายเฉวียนอวี๋อย่างซึ้งในน้ำใจที่เขาเอ่ยเตือนนางครั้งที่แล้ว

เฉวียนอวี๋รีบทำความเคารพ “คารวะเกาอี้จวิ้นจู่!”

“องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้กงกงออกมาส่งพี่หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ” ไป๋จิ่นจื้อกุมบังเหียนม้าด้วยท่าทีองอาจ

เฉวียนอวี๋เงยหน้ามองไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ

“ขอรับ เฉวียนอวี๋บังอาจเตรียมของว่างเล็กน้อยมาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ด้วยขอรับ หวังว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่จะไม่รังเกียจขอรับ”

“เฉวียนอวี๋กงกงมีน้ำใจแล้ว!” ไป๋จิ่นจื้อยกมือคารวะเฉวียนอวี๋

เมื่อเห็นรถม้าขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้ามาใกล้ เฉวียนอวี๋ที่ถือกล่องอาหารสีดำจึงรีบทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นก้าวไปหยุดอยู่หน้ารถม้าของไป๋ชิงเหยียน เมื่อทำความเคารพด้วยความนอบน้อมเสร็จ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้รถม้าพลางกล่าวขึ้น

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว องค์ชายทรงทราบว่าองค์หญิงจะเสด็จกลับซั่วหยางในวันนี้ พระองค์จึงรับสั่งให้บ่าวมาส่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงมีรับสั่งให้องครักษ์จวนองค์รัชทายาทคุ้มกันองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปส่งถึงซั่วหยางหยางปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเตรียมของว่างมาให้องค์หญิงจำนวนหนึ่ง หวังว่าองค์หญิงจะไม่รังเกียจพ่ะย่ะค่ะ”

ชุนเถาหันไปมองไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพยักหน้าจึงรีบรับกล่องอาหารมาจากเฉวียนอวี๋

ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออกไปมองเฉวียนอวี๋

ไป๋ชิงเหยียนไม่ลืมเรื่องที่ไป๋จิ่นจื้อเล่าให้นางฟังว่าเฉวียนอวี๋เอ่ยเตือนไป๋จิ่นจื้อ หญิงสาวยิ้มให้เฉวียนอวี๋

“ลำบากเฉวียนอวี๋กงกงแล้ว ข้าคงไม่พาองครักษ์ของจวนองค์รัชทายาทไปด้วย เพิ่งผ่านเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อมา แม้เมืองหลวงจะดูสงบลงแล้ว ทว่า แท้จริงยังไม่ปลอดภัยนัก องครักษ์เหล่านี้ควรอยู่คุ้มกันองค์ชายถึงจะถูก ฝากเฉวียนอวี๋กงกงขอบพระทัยองค์ชายแทนข้าด้วย ทว่า หากอยากให้ข้าสบายใจ กงกงพาองครักษ์เหล่านี้กลับไปคุ้มกันจวนองค์รัชทายาทเถิด”

หากมีองครักษ์ของจวนองค์รัชทายาทติดตามไปด้วย ไป๋ชิงเหยียนคงทำสิ่งใดไม่ค่อยสะดวกนัก

ที่สำคัญเสิ่นชิงจู๋ต้องมารวมตัวกับพวกนาง หากมีองครักษ์จวนองค์รัชทายาทอยู่ด้วยคงไม่สะดวกสักเท่าใด

ไม่รอให้เฉวียนอวี๋กล่าวสิ่งใด ไป๋ชิงเหยียนรีบกล่าวขึ้นก่อน “ขอบคุณเฉวียนอวี๋กงกงมากที่ช่วยเตือนเสี่ยวซื่อเอาไว้ในคราวก่อน ไป๋ชิงเหยียนจะจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ไม่ลืม”

เฉวียนอวี๋แสดงสีหน้าหวั่นวิตกออกมา “องค์หญิงเจิ้นกั๋วตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เฉวียนอวี๋…เฉวียนอวี๋ไม่กล้ารับคำขอบคุณขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”

“เฉวียนอวี๋กงกงสมควรได้รับมัน ไป๋ชิงเหยียนขอบคุณเฉวียนอวี๋กงกงจากใจจริง หากวันหน้าเฉวียนอวี๋มีเรื่องต้องการให้ข้าช่วย เฉวียนอวี๋กงกงไม่ต้องเกรงใจตระกูลไป๋ พวกเรายินดีช่วยเต็มที่”