บทที่ 574 หลี่ฉางโซ่วไม่แม้แต่จะเผยโฉมหน้าของเขา (2)
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็หันไปมองปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และถามผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ศิษย์พี่เสวียนตูกำลังพูดคุยกับฉางเกิงหรือ? ไยเราไม่หารือร่วมกันเล่าขอรับ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าพลางยิ้มในขณะที่นักพรตเต๋าตั๋วเป่าได้นำสมบัติวิญญาณที่ดูเหมือนหอยสังข์ออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้ว
สมบัติวิญญาณนี้ชี้ให้เห็นเสี้ยวอักขระเต๋าให้แก่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ หวงหลงเจินเหริน กวงเฉิงจื่อ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว และจ้าวกงหมิง แล้วพวกเขาไม่กี่คนเหล่านี้ก็ใช้ความคิดสื่อสารกันทันที มันเป็นความลับมาก
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วพลันเปล่งประกาย
สมบัติชิ้นเยี่ยม!
จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ถามคำถามซ้ำ และหลี่ฉางโซ่วก็อธิบายอีกครั้ง
จ้าวกงหมิงถามว่า“ แล้วมีการเคลื่อนไหวที่ฉลาดน้อยกว่านี้หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า“ พี่ชาย กลยุทธ์คือ การหาผู้รับผิดชอบและปล่อยให้เขาใช้ข้ออ้างว่าถูกพี่จ้าวรังแก เพื่อรอโอกาสแก้แค้น ปล่อยข่าวลือ และสร้างปัญหาและรับผิดชอบจัดการเรื่องทั้งหมด เพื่อให้เราไม่อาจกดดันภูเขาวิญญาณได้
แต่หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าสำนักบำเพ็ญประจิมยังคงเกรงกลัวสำนักบำเพ็ญเต๋าของเรา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อจิตใจของเหล่าปรมาจารย์ในสำนักของพวกเขาเอง มันจะทำให้ชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญประจิมเสื่อมเสียด้วยเช่นกัน”
“กลยุทธ์คืออะไร?” หวงหลงเจินเหรินขมวดคิ้วและถามว่า “แล้วเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะใช้ค่ายกลใหญ่ปิดผนึกภูเขาวิญญาณแล้วกลายเป็นแค่เต่าหัวหด?”
“ศิษย์พี่หวงหลงวิเคราะห์ได้ตรงประเด็น นี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะเลือกได้” หลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มเบาๆ ว่า “หากพวกเราโจมตีภูเขาวิญญาณด้วยกำลังรุนแรง พวกเราก็จะทำให้จอมปราชญ์ขุ่นเคืองใจ และจะถูกพวกเขาแว้งกัดกลับมาได้ง่ายๆ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและกล่าวว่า “ฉางเกิง หากคราวนี้ พวกเราไปภูเขาวิญญาณ พวกเราจะมีแผนแยบยลอะไรที่จะทำให้พวกเขาต้องเจ็บปวดสูญเสียและไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลยหรือไม่? และเรายังเผยพลังแผ่ศักดาบารมี สร้างชื่อให้ตัวเองได้โดยที่สำนักบำเพ็ญประจิมจะไม่เกลียดชังคั่งแค้น”
“ศิษย์พี่…”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็รีบกลืนคำว่า “ข้าเป็นมนุษย์” กลับไปในทันที!
แม้ว่าจะมีความยากลำบากในภารกิจที่ได้รับมอบหมายต่อหน้าผู้คนจากผู้ยิ่งใหญ่กว่าโดยตรง แต่เขาก็ต้องเอาชนะและเผชิญหน้ากับกับความยากลำบากนั้นให้ได้!
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดวงตาของจ้าวกงหมิงก็สว่างวาบขึ้น
เขารู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร
“เหตุใดพวกเราทุกคนไม่นอนลงไปให้หมด…”
“พี่ชาย!”
หลี่ฉางโซ่วรีบขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว
ต่อหน้าบรรดาเซียนจำนวนมากจากสามสำนัก และยิ่งไปกว่านั้น จอมปราชญ์ทั้งหกในโลกต่างก็ให้ความสนใจกับสถานที่แห่งนี้ เขาย่อมไม่กล้าจะหลอกต้มคนตามต้องการอย่างลวกๆ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ฉางเกิงคิดตื้นๆ ว่าความสำเร็จของการกระทำของเราในวันนี้นั้น ขึ้นอยู่กับการควบคุมระดับของเรา ครั้งนี้เราไปที่ภูเขาวิญญาณด้วยข้ออ้างในการสะสางเรื่องข่าวลือ มันดูเหมือนว่าพวกเรากำลังไปทวงถามเอาความกับเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้ว เป็นการเผยพลังแผ่ศักดาบารมีของพวกเรา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักบำเพ็ญประจิมได้ก่อปัญหาขึ้นและเริ่มไร้การควบคุมกับการกระทำของพวกเขามากขึ้น พวกเขาทำเรื่องสกปรกที่น่ารังเกียจมากมายกับสามสำนักของเราทั้งอย่างเปิดเผยและลับๆ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะหยุดพวกเขาได้
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำต่อไปหลังจากนี้ คือ การทำให้ศิษย์ของจอมปราชญ์ของพวกเขาก้มศีรษะ[1]ลงเพื่อให้พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวและโจมตีอย่างผลีผลามต่อไปในภายหน้า”
กวงเฉิงจื่อยิ้มและถามว่า “แล้วพวกเราจะทำให้พวกเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“ขอบคุณศิษย์พี่ที่สอบถามขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวต่อว่า “เรายังต้องดูปฏิกิริยาของพวกเขาก่อนจะวางแผน โดยทั่วไปแล้ว… หากพวกเขาโหดร้ายและหนังหนา[2] พวกเราก็ต้องเด็ดขาดและยับยั้งพวกเขา เราสามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้
หากพวกเขาใช้แพะรับบาป เช่นนั้นพวกเราก็จะยืนยันหนักแน่นว่า ต้องมีคนวางแผนอยู่เบื้องหลังพวกเขามากกว่านี้ และให้พวกเขาส่งมอบตัวคนบงการที่อยู่เบื้องหลังมากขึ้น
หากพวกเขาหลบเลี่ยง ไม่ยอมออกมา ก็เป็นเรื่องง่าย พวกเราเพียงแค่ต้องเยาะเย้ยเหน็บแนมพวกเขาและกระจายข่าวให้แพร่สะพัดออกไปในโลกบรรพกาล พวกเราไม่ต้องทำอะไรมาก พวกเราก็บรรลุเป้าหมายในการเผยพลัง แผ่ศักดาบารมีของพวกเราแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานะที่ต้องยอมรับเรื่องนี้แล้ว
และยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถกล่าวหาพวกเขาได้มากกว่านี้ สาดน้ำสกปรกทำลายชื่อเสียงที่มีเมตตาของพวกเขา ซึ่งจะส่งผลต่อโชคชะตาของสำนักบำเพ็ญประจิมของพวกเขาด้วย!”
หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวถ้อยคำเหล่านี้จบ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ กวงเฉิงจื่อและนักพรตเต๋าตั๋วเป่าต่างก็พยักหน้า
กวงเฉิงจื่อยกย่องว่า “สมควรแล้วที่เป็นเทพเซียนที่อาจารย์อา องค์เง็กเซียนไว้วางใจมากที่สุด เพียงแค่ด้วยคำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำเท่านั้น เขาก็สามารถจัดการเรื่องทุกอย่างของสำนักบำเพ็ญประจิมได้อย่างเหมาะสมแล้ว”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายิ้มและกล่าวว่า “เมื่อพูดถึงเจตนาชั่วร้าย ฉางเกิง เจ้าเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุด เพียงเพราะความผิดของการเผยแพร่ข่าวลือออกไป เจ้าก็ยืนกรานที่จะบังคับให้สำนักบำเพ็ญประจิมต้องเสียหน้าและกระทั่งเปิดเผยมือมืด[3]ที่อยู่เบื้องหลังออกมา”
“เฮ้ ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านกล่าวเช่นนั้นไม่ได้นะ!”
ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงก็ยืนขึ้นทันทีและกล่าวว่า “ฉางเกิงกำลังทำเรื่องนี้เพื่อศักดิ์ศรีของสำนักบำเพ็ญเต๋า!
นอกจากนี้ ตามความเข้าใจของข้าที่รู้จักฉางเกิง วิธีการเหล่านี้ล้วนนับว่า เป็นวิธีที่ถูกยับยั้งแล้ว เขายังไม่ได้เปิดเผยวิธีการอื่นที่โหดเหี้ยมกว่านี้อีก
ใช่หรือไม่ ฉางเกิง?”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
จอมปราชญ์!
ตอนนี้ไม่ว่าจะไปที่ใด ก็มีจอมปราชญ์อยู่ที่นั่น!
เขายังมีวิธีการที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้!
เขาฉวยโอกาสสั่งสอนบทเรียนให้สำนักบำเพ็ญประจิมในครั้งนี้ ก็ไม่เป็นไร แต่หากเขาโค่นล้มภูเขาวิญญาณจริงๆ เขาซึ่งเป็นขุนนางธรรมดาแห่งศาลสวรรค์ก็ย่อมจะต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน!
ในขณะนั้นเขายังคงอยู่ห่างจากภูเขาวิญญาณ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เริ่มเดินไปหานักพรตเต๋าหวงหลงก่อน และปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน มันย่อมสะดวกกว่าที่เขาจะคิดวางแผนเสนอแนะต่างๆ อยู่ข้างๆ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่…
เมื่อเทพธิดาจินหลิงเห็นเช่นนั้น นางจึงถามนักพรตเต๋าตั๋วเป่าผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ศิษย์พี่ พวกท่านกำลังพูดคุยกันอยู่ลับๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงง่ายๆ โดยเล่าสั้นๆ ในสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งพูดเกี่ยวกับการจัดการภูเขาวิญญาณ
เทพธิดาแห่งวิญญาณทองคำ จินหลิง ครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นนางก็ถามนักพรตเต๋าตั๋วเป่าสองสามคำถามที่สำคัญ เช่น หากพวกเขาปรากฏตัวแล้ว พวกเขาต้องจัดการกับจอมปราชญ์อย่างไร นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ตอบตามแผนของหลี่ฉางโซ่ว
ในเวลาต่อมา เทพธิดาจินหลิงก็กล่าวชื่นชมว่า “ว่าที่คู่บำเพ็ญเต๋าของศิษย์น้องอวิ๋นเซียวนั้นช่างละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ เมื่อเขาจัดการเรื่องต่างๆ เช่นนั้น เหล่าสหายศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยน่าจะไปคบหากับเขาให้มากกว่านี้”
“แน่นอน” ตั๋วเป่าหรี่ตาและยิ้ม เขาส่งข้อความเสียงไปว่า “หากมีโอกาส ข้าจะล่อเขาให้ไปเยี่ยมเยือนท่านอาจารย์ของเราที่วังปี้โหยว
จากที่ข้าคาดเดา เขาเพียงกราบบูชาคำนับเหล่าจื้อเท่านั้น แต่ยังไม่เคยไปที่วิหารไท่ชิง”
“โอ้?” เทพธิดาจินหลิงพยักหน้าเบาๆ และไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ แล้วมองไปที่แขนเสื้อของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก่อนจะส่ายศีรษะและหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ในขณะนั้น ดวงตางดงามของนางเต็มไปด้วยความเข้าใจฉับพลันทันที
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าถามว่า “มีอันใดผิดไปหรือ?”
เทพธิดาจินหลิงตอบช้าๆ ว่า “ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ จู่ๆ ข้าก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเทพวารีในศาลสวรรค์ก็เป็นคนมีลักษณะนิสัยเยี่ยงนี้เช่นกัน
เขาได้ปกป้องเผ่ามังกรโดยนำเผ่ามังกรไปทำงานที่ศาลสวรรค์ ก่อนหน้านี้สำนักบำเพ็ญประจิมได้ลงมือโจมตีดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาจนแตกสลาย และเผ่ามังกรก็ได้รับความเสียหายและบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก ย้อนกลับไปในตอนนั้น ศิษย์น้องเทพวารีช้าไปเพียงก้าวเดียวที่จะหยุดพวกเขาได้ทันการณ์”
“เพียงเพิ่งผ่านไปไม่กี่วันท่านั้น เขาก็พลิกกลับมาและถือหลักฐานบางอย่างที่ต่อต้านสำนักบำเพ็ญประจิมได้ อีกฝ่ายมีเพียงกลอุบายแพร่กระจายข่าวลือ แต่เขาสามารถสร้างปัญหาวุ่นวายและวางแผนการได้
เมื่อทั้งสามสำนักตื่นตระหนก ศิษย์พี่ทั้งสามคนที่รับผิดชอบกิจการของสำนักก็ได้ยืนขึ้นและมาจัดการภูเขาวิญญาณในสำนักบำเพ็ญประจิม…”
………………………………………………………………..
[1] ลดศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจและความหยิ่งทะนงลง
[2] ไม่แยแสสิ่งใด
[3] ผู้บงการ