ตอนที่ 686 ตายอย่างมีคุณค่า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 686 ตายอย่างมีคุณค่า

“ทานข้าวเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนคีบอาหารใส่จานของไป๋จิ่นจื้อ “ทานเสร็จจะได้รีบเดินทางกลับซั่วหยาง เราจะพยายามเร่งเดินทางให้ไปถึงที่นั่นก่อนบ่ายวันพรุ่งนี้ให้ได้”

เมื่อคุยเรื่องสำคัญจบ เสิ่นชิงจู๋ยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ ข้าไม่อยู่ทานข้าวแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอตัวไปดูอิ๋นซวงก่อนเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นจื้อหน้าเปลี่ยนสีทันที นางหันไปมองพี่หญิงใหญ่ของตัวเองอย่างระมัดระวัง

“อิ๋นซวงยังหลับอยู่ เจ้าทานข้าวก่อนเถิด…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเสิ่นชิงจู๋

ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้บอกเรื่องที่อิ๋นซวงได้รับบาดเจ็บให้เสิ่นชิงจู๋รับรู้ เมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งให้ชุนเถาไปดู ท่านหมอหงกล่าวว่าอิ๋นซวงผล็อยหลับไปขณะทานของว่างอยู่ หากไม่ถึงสองชั่วยาม สาวน้อยคงไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ แน่นอน

“เจ้าค่ะ” เสิ่นชิงจู๋พยักหน้า

เมื่อทานอาหารเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนจึงบอกเรื่องที่อิ๋นซวงได้รับบาดเจ็บให้เสิ่นชิงจู๋รู้

เมื่อรู้ว่าอิ๋นซวงสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง มีอาการง่วงซึมและนอนหลับเกือบทั้งวัน เสิ่นชิงจู๋นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยปลอบใจไป๋ชิงเหยียน

“อิ๋นซวงได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องเจ้านายถือเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ ในเมื่อตอนนั้นพวกเราตัดสินใจเข้ามาในตระกูลไป๋ ตัดสินใจติดตามคุณหนูใหญ่ พวกเราก็เต็มใจและดีใจที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อตระกูลไป๋และคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

เสิ่นชิงจู๋กล่าวถ้อยคำนี้ออกมาอย่างจริงจังและจริงใจ

พวกนางที่ติดตามรับใช้คุณหนูใหญ่มาตั้งแต่เล็กไม่เคยกลัวตาย ทว่า กลัวตายอย่างไร้คุณค่ามากกว่า

“เมื่ออิ๋นซวงตื่นแล้ว เจ้าค่อยไปหานาง นับจากนี้ข้าตั้งใจจะให้อิ๋นซวงติดตามท่านหมอหง ท่านหมอหงจะได้ช่วยรักษาอาการของนางได้ตลอดเวลา อาการของนางอาจดีขึ้นได้ ที่สำคัญนางจะได้เรียนรู้วิชาจากท่านหมอหงด้วย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“เช่นนี้ก็ดีเจ้าค่ะ นางง่วงซึมตลอดเวลาเช่นนี้ ไม่ควรรับใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ มิเช่นนั้นอาจเสียเรื่องได้เจ้าค่ะ” เสิ่นชิงจู๋พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ก่อนออกเดินทางต่อ ไป๋ชิงเหยียนเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง จากนั้นสั่งให้หลูผิงส่งคนนำจดหมายไปมอบให้ท่านน้าชายที่เติงโจว บอกให้ท่านทราบว่าอีกไม่นานไป๋จิ่นจื้อจะไปอยู่ที่ค่ายทหารผิงอัน ฝากให้ท่านช่วยดูแลไป๋จิ่นจื้อด้วย

เมื่อต่งซื่อรู้ข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังจะกลับมาซั่วหยาง นางจึงให้คนเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแต่เนิ่นๆ

สั่งให้คนจุดไฟในหลุมใต้ดิน เตรียมถ่านและเตาผิงให้เรียบร้อย ตอนนี้รอแค่ไป๋ชิงเหยียนกลับมาเท่านั้น

เมืองหลวงเกิดความวุ่นวายขึ้นที่ประตูอู่เต๋อ ต่งซื่อรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางอยู่เฉยอย่างแน่นอน ไป๋จิ่นจื้อถึงใจกล้าทิ้งจดหมายไว้เพียงฉบับหนึ่ง จากนั้นขี่ม้าไปเมืองหลวงคนเดียวเพราะกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะปิดบังเรื่องอาการบาดเจ็บของตัวเองกับคนในครอบครัว

แม้การกระทำเอาแต่ใจของไป๋จิ่นจื้อจะทำให้ต่งซื่อและหลี่ซื่อผู้เป็นมารดาแท้ๆ ของไป๋จิ่นจื้อโมโห ทว่า ไม่อย่างไรนางก็ทำลงไปเพราะเป็นห่วงพี่สาวของตัวเอง พี่น้องรักใคร่ผูกพันกันถึงเพียงนี้ ต่งซื่อและหลี่ซื่อต่างรู้สึกดีใจมาก

พรุ่งนี้เด็กทั้งสองคนกำลังจะเดินทางกลับมาแล้ว ต่งซื่อกำลังเกลี้ยกล่อมให้หลี่ซื่อลงโทษไป๋จิ่นแค่สถานเบาก็พอ อย่าได้ต่อว่านางไม่เลิกรา

แม้หลี่ซื่อจะรับปาก ทว่า ในใจกลับคิดว่าเมื่อไป๋จิ่นจื้อกลับมานางจะตีบุตรสาวให้ขาหักไปเลย ต่อให้ไม่หัก นางก็บังคับให้บุตรสาวคัดลอก ‘เตือนหญิง’[1] สักพันรอบเป็นการดัดนิสัย

อาเป่าฝากซั่วหยางให้ไป๋จิ่นจื้อดูแลก่อนอาเป่าจะจากไป ทว่า นางกลับทิ้งซั่วหยางไปเช่นนี้ ไม่มีความรับผิดชอบสักนิด หากอยู่ในสนามรบแล้วอาเป่าฝากให้นางดูแลเบื้องหลัง ทว่า นางกลับวู่วามขึ้นมาเช่นนี้คงต้องเสียเรื่องแน่ๆ

เสิ่นชิงจู๋ขี่ม้ามารายงานล่วงหน้าว่าขบวนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนจะมาถึงซั่วหยางในช่วงบ่ายของวันนี้

ต่งซื่อดีใจมาก บอกให้ฉินหมัวมัวสั่งให้โรงครัวทำของชอบของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเตรียมไว้ให้พร้อม จากนั้นถามเสิ่นชิงจู๋ต่อ “อาเป่าได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันที่ประตูอู่เต๋อหรือไม่”

เสิ่นชิงจู๋กำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น “ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทว่า มิเป็นอันใดมากเจ้าค่ะ”

หน้าของต่งซื่อซีดเผือด พยายามข่มความกังวลที่มีในใจแล้วเอ่ยกับเสิ่นชิงจู๋ “เจ้าปกป้องอาเป่ามาตลอดทาง ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าเองก็คล้ำลงไม่น้อย รีบไปพักผ่อนก่อนเถิด!”

เสิ่นชิงจู๋กำหมัดรับคำ จากนั้นเดินออกไปจากห้อง

เมื่อเสิ่นชิงจู๋จากไป ต่งซื่อกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นพลางเอนกายพิงหมอนอิง จากนั้นบ่นกับฉินหมัวมัว

“ข้ารู้อยู่แล้ว ข้าคิดไว้แล้วว่าอาเป่าต้องได้รับบาดเจ็บ! หากอาเป่าไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อสงบลง ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทต้องพระราชสมรสให้อาเป่าเพื่อรั้งให้อาเป่าอยู่ที่เมืองหลวงต่อแน่ พวกเขาจะปล่อยอาเป่ากลับมาซั่วหยางง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”

ตอนแรกต่งซื่อนั่งไม่ติดที่ นางกลัวว่าเมื่ออาเป่าเผยความสามารถของตัวเองออกมา ฮ่องเต้จะทรงหวาดระแวงในตัวอาเป่าและใช้การแต่งงานผูกมัดอาเป่าเอาไว้

ทว่า ต่อมาได้ยินว่าอาเป่ากำลังจะเดินทางกลับมาซั่วหยาง นางก็ยิ่งกังวลกลัวว่าบุตรสาวจะได้รับบาดเจ็บหนัก มิเช่นนั้นราชวงศ์จะยอมปล่อยตัวบุตรสาวนางกลับมาง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

“ฮูหยินอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ ขอเพียงคุณหนูใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัย มีท่านหมอหงอยู่ คุณหนูใหญ่ไม่มีทางเป็นอันใดไปหรอกเจ้าค่ะ” ฉินหมัวมัวปลอบต่งซื่อ จากนั้นส่งผ้าเช็ดหน้าสะอาดให้

“ตอนที่คุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บหนักกลับมาในปีนั้น ทุกคนล้วนกล่าวว่าคนหนูใหญ่คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงอายุสิบแปด ทว่า ฮูหยินดูสิเจ้าคะ พรุ่งนี้ก็จะถึงวันเกิดของคุณหนูใหญ่แล้ว คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นคนมีวาสนา มีบรรพบุรุษตระกูลไป๋คอยปกป้องคุ้มครอง นางย่อมปลอดภัยแน่เจ้าค่ะ”

ต่งซื่อรับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของหมัวมัว ก้มหน้าลง น้ำตาไหลอาบหน้า นางพับผ้าเช็ดหน้าแล้วใช้ซับน้ำตาเบาๆ

“พวกเราจัดเตรียมเรือนปัวอวิ๋นให้พร้อมที่สุด ให้คุณหนูใหญ่ได้พักรักษาตัวอย่างสุขสบายที่สุดเถิดเจ้าค่ะ กำชับให้ถงหมัวมัวและบ่าวรับใช้คนอื่นๆ รับใช้คุณหนูใหญ่ให้ดี เช่นนั้นคุณหนูใหญ่ต้องดีขึ้นในเร็ววันแน่นอนเจ้าค่ะ”

ต่งซื่อพยักหน้าทั้งน้ำตา “คงทำได้เพียงแค่นี้”

“ฮูหยินอย่าร้องไห้อีกเลยเจ้าค่ะ อย่าให้คุณหนูใหญ่เห็น มิเช่นนั้นนางจะเป็นห่วงเอาได้นะเจ้าคะ” ฉินหมัวมัวกล่าวกับต่งซื่อ “คุณหนูใหญ่ชอบน้ำแกงที่ฮูหยินทำมากที่สุด บ่าวให้คนเตรียมของไว้แล้ว หากฮูหยินลงครัวตอนนี้ คุณหนูใหญ่กลับมาจะได้ทานพอดีเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงผิงได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลับมาถึงซั่วหยางวันนี้ เมื่อชายหนุ่มจัดการเรื่องในค่ายฝึกซ้อมเสร็จ เขาจึงขี่ม้าไปรอต้อนรับไป๋ชิงเหยียนที่นอกประตูเมืองซั่วหยาง

ยิ่งใกล้ซั่วหยางมากเท่าใด ไป๋ชิงเหยียนก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น หญิงสาวคิดถึงมารดาที่อยู่ที่จวน อยากบอกข่าวดีเรื่องที่อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ให้มารดารับรู้ ดังนั้นเมื่อรถม้าห่างจากเมืองหลวงได้สักระยะหนึ่ง ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นทันที ขบวนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนไปถึงประตูเมืองซั่วหยางในช่วงบ่ายของวันที่ยี่สิบแปด เดือนสิบ

เมื่อใต้เท้าเสิ่นผู้เป็นเจ้าเมืองของซั่วหยางและนายอำเภอโจวที่นั่งอยู่ในกระโจมมองเห็นขบวนรถม้ามาแต่ไกล พวกเขาจึงรีบลุกขึ้นยืน ไป๋ชิงผิงควบม้าเข้าไปใกล้ขบวนของไป๋ชิงเหยียนทันที

จากกันนานสองเดือน ไป๋ชิงผิงได้ยินว่าญาติผู้พี่คนนี้ของเขารบชนะแม่ทัพหน้ากากผีแห่งหนานหรงที่เติงโจว จากนั้นคุ้มกันองค์รัชทายาทไปส่งยังเมืองหลวงและปราบปราบเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อจนสงบลงได้ ไป๋ชิงผิงรู้สึกนับถือและชื่นชมไป๋ชิงเหยียนมาก เขาควบม้าทะยานเข้าไปหาขบวนของไป๋ชิงเหยียนอย่างควบคุมตัวไม่ได้ กล่าวทักทายหลูผิงและไป๋จิ่นจื้อที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุด จากนั้นมุ่งหน้าไปยังรถม้าของไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิง!”

ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอ่านตำราอยู่ในรถม้าเอื้อมมือแหวกม่านของรถม้าออก หญิงสาวเห็นไป๋ชิงผิงนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เมื่อไป๋ชิงผิงเห็นที่ใบหน้าซีดเซียว ร่างผอมซูบลงกว่าครึ่งของไป๋ชิงเหยียน รอยยิ้มของชายหนุ่มชะงักค้างทันที “พี่หญิง…”

[1] เตือนหญิง บทเรียนสำหรับผู้หญิง