บทที่ 684 พูดแล้วทำ

บทที่ 684 พูดแล้วทำ

คนบ้านเหลียงมองเหลียงซิ่วด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ จำเป็นต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยหรือ?

ใครบอก?

ครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ จะทำเรื่องนี้ให้วุ่นวายไปทำไม

“มีใครว่างช่วยฉันไปตามหัวหน้าเหลียงที่หมู่บ้านเหลียงบ้างคะ?” เหลียงซิ่วหันไปถามคนรอบ ๆ

เรื่องมาจนถึงขนาดนี้แล้ว เธอไม่กลัวโดนหัวเราะเยาะเย้ยแล้วล่ะ ตอนนี้ห่วงก็แต่ถ้าให้เงินไป แล้วอีกฝ่ายจะทำทีว่ายังไม่ได้ บอกเลยว่าเหลียงซิ่วรู้จักนิสัยพ่อแม่ของตนเองดี

พอได้ยินว่าลูกสาวจะตามหาหัวหน้าเหลียง หญิงชราพลันร้อนรนขึ้นมา แล้วถ้าเราทำเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากนี้จะขอเงินยังไงล่ะ?

“ทำไมแกต้องไปหาหัวหน้าเขาอีก ให้เงินฉันมาเลยซี่ จะไปรบกวนเขาทำไม!”

“แม่พูดแบบนี้แล้วกล้าพูดไหมล่ะ? ถ้าให้เงินแล้วจะยอมปล่อยฉันไปหรือ?” เหลียงซิ่วส่ายหัว

แม่เฒ่าเหลียงปิดปากฉับ

“ถึงฉันจะให้เงินบำนาญ และไม่ได้รับแบ่งมรดกก็จริง แต่ทำไมจะทำเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้ล่ะ?” คนเป็นลูกเอ่ยเสียงเย็นราวกับคุยกับคนแปลกหน้า

ฝ่ายแม่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ หากแต่ยังไม่รู้ว่าตรงไหน แต่มันมีความรู้สึกหนึ่งที่บอกว่า ตนได้เสียลูกสาวคนนี้ไปแล้วจริง ๆ อย่างที่คิด มีชายหนุ่มในหมู่บ้านเต็มใจช่วยเหลือ

สะใภ้หัวหน้าซู “ถีบจักรยานบ้านเราไปสิ เร็วกว่านะ!”

ก่อนอีกฝ่ายจะตอบรับแล้วรีบวิ่งจากไป

“พวกบ้านเหลียงนี่มันพูดทำตัวตลกจริง ๆ ให้ลูกดูแลตัวเอง แต่ไม่แบ่งมรดกให้เนี่ยนะ กล้าพูดเนอะ!”

“ฉันว่าไม่น่าใช่แค่นั้นด้วยมั้ง อาจจะอยากเอาข้าวของ ๆ ลูกไปหมดเลยก็ได้!”

“ฝันยังไวเสียกว่าอีก!”

“กลายเป็นเรื่องตลกของทุกคนแล้ว บ้านเราโชคร้ายจริง ๆ ที่มีญาติแบบนี้!”

คุณย่าซูอดกลั้นความโกรธ เธอไม่สบายใจสักนิด

คนอื่น ๆ ก็ด้วย

อ้าปากมาก็ขอเงินเลย โชคดีที่สะใภ้เหล่าซานมีเหตุผล ไม่งั้นชีวิตครอบครัวเราคงย่ำแย่กว่านี้เป็นแน่

หญิงชราไม่ค้านกับข้อเสนอลูกสะใภ้สักนิด

นี่ถือว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ขอแค่ไอ้บ้านนั้นมันไม่สร้างเรื่อง เดือนละ 5 หยวนก็คุ้ม!

ทุกคนรีบออกตัวทันทีว่ามีญาติที่นิสัยแย่ ๆ เหมือนกัน

ก่อนความวุ่นวายจะหยุดลงทันทีที่ครอบครัวฉีเหลียงอิงและหวังเซียงฮวามา

ต้องบอกเลยว่าเทียบกันไม่ติดสักนิด คนบ้านเหลียงมาร้องไห้คร่ำครวญถึงบ้าน ทำจิตใจเราไม่สงบ แต่กลับครอบครัวของสองสะใภ้เอาประทัดมาให้ ตอนมาถึงบ้านพวกเขาก็จุดมันอย่างคึกคัก

คนในยุคนี้มีชีวิตลำเค็ญ แล้วคนที่ยอมควักเงินเพื่อซื้อประทัดมาให้เราเนี่ยแหละถึงจะนับว่าญาติจริง ๆ

ปกติพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนบ้านซูอยู่แล้ว

มีผู้หญิงช่างจ้อคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับคนบ้านเหลียง “ดูสิ คนแบบนี้แหละถึงเรียกได้ว่ามาแสดงความยินดี แต่กับพวกคุณเนี่ย นั่งยองรออยู่หน้าบ้านก็แล้วกัน!”

คนบ้านเหลียงอยากจะสวนกลับ แต่คิด ๆ ดูแล้ว เราก็ไม่มีอะไรไปพูดกับเขา

ใครใช้ให้พวกเรามาสร้างเรื่องกันแต่เช้าล่ะ

แล้วใครที่ไหนคิดจะซื้อประทัดสองเชือก

ไม่อยากเจียดเงินออกมาใช้หรอก!

นอกจากคนที่เข้ามาพูดแหย่คนบ้านเหลียง ก็ไม่มีใครมาหาพวกเขาอีก ได้แต่ปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นและเมินเฉยกันหมด

สถานการณ์ต่างไปจากที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง

เพราะคิดว่าถ้าเรามาขอเงิน เหลียงซิ่วอยู่ไม่เป็นสุขแน่

ด้วยนิสัยของมัน ไม่มีทางเมินเฉยกับเราหรอก

หลังจากร้องไห้ใส่ มันก็คงจะเอาน้ำเอาอาหารมาเสิร์ฟเองนั่นล่ะ

มีทั้งพี่ชาย พี่สะใภ้ ไหนจะหลานชายอีก ไม่มีเหตุผลให้เมินต่อกันหรอก

แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายทำจิง ๆ

ไม่ใช่แค่นั้นนะ คนอื่น ๆ ในบ้านซูไม่คิดจะมาต้อนรับเราเช่นกัน

ส่วนผู้ชายบ้านซูก็เอาแต่จ้องเขม็งมาที่พวกเรา

ความหมายชัดเจน ไม่ต้องการให้เราเข้าไปในนั้น

“พ่อ แม่ เราจะทำยังไงกันดี?”

เหลียงเหล่าต้าคิดว่า ไม่ว่าจพูดอะไรยังไงเราก็ญาติกัน แต่การที่เราต้องมานั่งยองอยู่หน้าประตูแบบนี้มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก

เขามองสมาชิกบ้านหวังและบ้านฉีที่เข้าไปในนั้น ทั้งยังสนทนาพาคุยอย่างสนุกสนาน มันทำให้เราอิจฉามาก จากนั้นก็เห็นพวกหนุ่ม ๆ ในหมู่บ้านถือจานบะหมี่ขาวสีแดงที่อบอวลกลิ่นเนื้อมา และทำได้แต่จ้องด้วยความหิวโหย

เราเดินทางมาแต่เช้าและยังไม่ได้กินข้าวเลยสักนิด ตอนนี้ท้องส่งเสียงร้องไม่หยุด

พ่อเฒ่าเหลียงไม่รู้จะทำยังไง เพราะตอนนี้โดนเมินโดยสมบูรณ์แบบ จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ได้ เพราะเอาแต่คิดว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา เป็นความผิดของเหลียงซิ่วมันต่างหาก

นังโง่นั่น จิตใจอำมหิต เมินพ่อเมินแม่แบบนี้ได้ยังไง?

มีตั้งกี่คนมากินข้าวที่บ้านนี้ กะไอ้แค่บ้านตัวเองให้กินสักถ้วยสองถ้วยมันไม่ได้เลยหรือยังไง?

เสี่ยวเถียนยืนมองห่าง ๆ และได้ยินบทสนทนาพวกนั้นเต็มหู

“พ่อ เราสร้างปัญหาต่อดีไหม? เราเองก็บ้านสะใภ้ ทำไมปฏิบัติต่อกันแบบนี้ล่ะ?”

เหลียงเหล่าเอ้อร์ทนมองคนพวกนั้นกินอาหารไม่ไหวแล้ว

แค่ได้กลิ่นเนื้อ ความอยากในท้องเอาแต่กู่ร้อง

เหมือนจะร้องว่าอยากกินบะหมี่ อยากกินเกี๊ยวเนื้อ!

“ถ้าพวกคุณคิดจะทำแบบนั้น หนูจะให้พี่ ๆ ไล่พวกคุณออกไปให้หมดเลย และหนูก็เป็นคนพูดจริงทำจริงด้วย!”

เสี่ยวเถียนย่างเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยเสียงเบา

คนบ้านนี้ชอบผู้ชายมากกว่า จึงคิดดูถูกเสี่ยวเถียนเสมอ และตอนนี้เด็กสาวก็ปรากฏตัวออกมาเพื่ออวดเบ่งตัวเอง ไม่ว่ายังไงก็ทนไม่ได้

ยัยเด็กนี่มันกล้าดียังไงมาทำให้เราอับอายขายขี้หน้า?

“แกสิต้องไสหัวออกไป เราเป็นผู้อาวุโสนะ ไม่รู้จักกฏบ้างเลยหรือไง?”

“ลุงใหญ่ ถึงหนูจะไม่อยากเรียกแบบนั้น แต่ใครมันใช้ให้ลุงมาเป็นพี่ชายแม่ของหนูล่ะ?” เสี่ยวเถียนยิ้มเย็น

ไม่รู้เพราะอะไร เหลียงเหล่าต้ารู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกมาก

ยัยเด็กนี่มีกลิ่นอายแปลก ๆ อายุไม่เท่าไรกลับทำคนหวาดกลัวได้!

เหลียงเหล่าต้าไม่อยากพูดต่อ แต่ก็ไม่ยินดีจะก้มหัวด้วย จึงจ้องกลับไปที่เสี่ยวเถียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม

ถ้าดวงตาสามารถฆ่าได้ ป่านนี้เสี่ยวเถียนตายไปนานแล้ว!

ทว่ามันไม่ได้มีผลอะไรเลย!

เสี่ยวเถียนว่าต่อ “ลุงคงจะลืมไปว่าตัวเองทำตัวไม่มีกฎมารยาทก่อนเอง ถ้าไม่แหกมันมาก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกค่ะ”

จิตใจคนเราเปลี่ยนได้ แล้วถ้าคนบ้านเหลียงดีกับเหลียงซิ่วสักหน่อย คงไม่เป็นอย่างวันนี้หรอก