บทที่ 685 หัวหน้าหมู่บ้านมาถึงแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 685 หัวหน้าหมู่บ้านมาถึงแล้ว

บทที่ 685 หัวหน้าหมู่บ้านมาถึงแล้ว

ถ้าเขารักเหลียงซิ่วจริง ๆ และปฏิบัติต่อเธอให้สมกับเป็นลูกสาว การจะช่วยเหลือพวกเขาก็ไม่มีอะไรแย่ แต่ว่าก็ว่าเถอะ การสั่งสอนของคนบ้านนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน ลูกชายหลานชายขี้เกียจตัวเป็นขน คนแบบนี้ต่อให้ช่วยไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

ไม่รู้ตายายคิดอะไรอยู่

มีลูกหลานเป็นผู้ชายแล้วไม่คิดจะสั่งสอนให้ดี แล้วดูสภาพตอนนี้สิ ถ้าไม่แก่ตายก็หิวตาย เป็นครอบครัวภาษาอะไรกัน? แต่เธอไม่คิดจะพูดหรอกนะ เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่ฟังเธอหรอก บางทีอาจคิดว่าทำให้เขาตีตนไปก่อนไข้ก็ได้

“เสี่ยวเถียน พวกเราหิวแล้วนะ!” คนเป็นยายพูดอย่างขมขื่น

เสี่ยวเถียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หิวก็หิวไปสิ! คนที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไม่สมควรได้กินหรอกนะ

“อย่าคิดว่าจะได้กินข้าวเลยค่ะ ถ้าสร้างปัญหาอีกเดี๋ยวจะไม่เหลือเงินสักแดง ไม่เชื่อก็ลองดูเถอะ!” ว่าจบก็เดินจากไปโดยไม่คิดรอคำตอบจากพวกเขา

และคนบ้านเหลียงก็ได้ยินประโยคนั้นเต็มสองรูหู

กินข้าวหรือจะรอเงินดี?

นี่แหละคือปัญหา!

“พ่อ แล้วเราจะทำยังไงกันดี?”

“ปีละ 60 หยวน! สามปี 180 หยวนนะ!” พ่อเฒ่าคำนวณ

คนบ้านนี้ก็คิดเลขเป็นเหมือนกันนะ เพื่อเงินแล้ว เรายอมหิ้วท้องทนหิวไม่ขอข้าวอีกฝ่ายกิน

เหลียงซิ่วไม่ได้รับแขกต่อ แล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง พอเห็นห้องหับที่โดนครอบครัวตัวเองรื้อจิตใจของเธอย่ำแย่ไม่ต่างกับมันเลย เธออึดอัดใจมาก แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องอดทนเอาไว้

ครอบครัวพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองดีกว่าครอบครัวเธอมาก!

ถ้าครอบครัวเธอดีกว่านี้ วันนี้ก็คงไม่ต้องเดือนร้อนอย่างนี้หรอก

ตอนเสี่ยวเถียนกลับเข้าห้องมาก็เห็นแม่กำลังร้องไห้

“แม่จ๋าไม่ต้องเสียใจไปนะ พวกเขาไม่รู้ว่าแม่ดีแค่ไหน แต่หนูกับพี่ชายรู้ พ่อก็รู้ พวกเราทุกคนรักแม่มากเลยนะ!”

เสี่ยวเถียนโผเข้าไปกอดมารดา เหลียงซิ่วไม่เคยได้ยินลูกบอกรักตนเองมาก่อน ตอนได้ยินจึงเกิดความสับสนเล็กน้อย

“เด็กคนนี้ รักไม่รักอะไรกัน ปกติพวกเราก็ไม่ได้เป็นแบบนี้เสียหน่อย” เหลียงซิ่วเอ่ยเคือง ๆ

“แม่ บนโลกใบนี้ทุกคนสมควรได้รับความรักนะคะ! แม่ก็เหมือนกัน แม่ต้องเชื่อว่าถ้าหากเสียไปหนึ่งอย่างก็จะได้รับอีกอย่างกลับมาค่ะ!”

เสี่ยวเถียนปลอบจนกระทั่งมารดารู้สึกดีขึ้น

หลังจากเช็ดน้ำตาและเก็บกวาดห้องจนเรียบร้อย เหลียงซิ่วก็เอ่ยขึ้น “เสี่ยวเถียน ลูกเอาของเก็บดีแล้วใช่ไหม วันนี้คนเยอะด้วย”

เธอพูดอย่างคลุมเครือ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรอีก

ถ้าคนพวกนั้นเจอ ลูกของเธอจะเดือดร้อนเอา

“ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูเก็บไว้อย่างดีเลย” เธอเก็บไว้ในช่องเก็บของของระบบ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็หาไม่เจอหรอก

เหลียงซิ่วพยักหน้า “งั้นไปบอกแม่รองแม่ใหญ่หน่อยไปว่าให้เก็บของด้วย”

เสี่ยวเถียนตอบตกลง

พอโล่งใจขึ้นก็ออกไปรับแขกต่อ ฉีเหลียงอิงจัดผมเผ้าคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่ เหลียงซิ่วจึงเข้าไปคุยด้วย ยกเว้นครอบครัวตัวเอง บอกตามตรง เธอไม่ชายตาแลพวกเขาเลยสักนิด!

คนบ้านเหลียงเห็นอีกฝ่ายออกมา ก็อยากจะเข้าไปคุยด้วย

ใกล้จะเที่ยงแล้ว กลิ่นอาหารอบอวลเต็มลานบ้าน แล้วตอนนี้พวกเราก็หิวมากเลยด้วย

แต่เหลียงซิ่วไม่ปลายตามองพวกเราด้วยซ้ำ ทำให้พ่อเฒ่าอยากสร้างเรื่องอีก แต่พอเห็นสีหน้าถมึงทึงของเสี่ยวเถียนข้างหลัง ก็ล้มเลิกแผนการไป

ถ้ายัยโง่นั้นพูดจริงทำจริงแล้วโยนเราออกไปข้างนอก ทุกสิ่งที่ทำมาจะไม่สูญเปล่าเอาหรือ?

“พ่อ พ่อว่านังนั่นมันมีเงินไหม? เราค้นห้องเธอแล้วแต่มันมีแค่ 12 หยวนเอง!” เหลียงเหล่าซาน

ถ้าไม่มีเงิน หลังจากนี้เราก็คงไม่ได้เหมือนกัน แล้วถ้าตอนนี้ไม่กินข้าวกลับไปก็ต้องควักเงินจ่ายเองอีก แบบนี้จะไม่เป็นการขาดทุนครั้งใหญ่เลยเรอะ?

พ่อเฒ่าครุ่นคิด ก่อนเอ่ยอย่างแน่วแน่ “มันมีเงินแน่ ๆ ได้ยินคนบอกว่าค่าเดินทางจากเมืองหลวงมาที่นี่แพงหูฉี่!”

พวกมันต้องมีเงินสำหรับค่าเดินทางไปกลับแน่นอน แต่ปัญหาคือเราหาเงินนั้นไม่เจอเลย เขาคิดว่าเหลียงซิ่วอาจจะซ่อนไว้ในที่มิดชิด เลยหาเท่าไรก็ไม่เจอ

คนที่ไปรับหัวหน้าเหลียง กลับมาตอนเวลาบ่ายโมง

งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นเวลานี้เช่นกัน โต๊ะเจ็ดแปดตัวที่กางอยู่ในลานบ้านมีอาหารรสเลิศวางเรียงกัน ทุกอย่างใส่ในจานใหญ่ หม้อใหญ่ เต็มไปด้วยน้ำมันฉ่ำ ๆ น่าอร่อยมาก!

น้ำลายคนบ้านเหลียงแทบจะไหลออก เทียบกับบะหมี่เส้นยาวในตอนเช้า อาหารมื้อนี้กลิ่นหอมกว่ามากถึงจะไม่ได้ปรุงอะไรมากมาย ส่วนเนื้อก็มีรสชาติอร่อยแล้ว ยิ่งเป็นฝีมือคุณย่าซูก็ยิ่งเรียกความสนใจได้ไม่ยาก

“พ่อ พ่อว่าชีวิตพวกเขาดีจริงไหม? ทำไมทำอาหารได้เยอะขนาดนั้นน่ะ?”

เหลียงเหล่าต้ากำลังจะเป็นลมเพราะความหิว

แล้วบนโต๊ะตอนนี้ก็มีทั้งหมู ไก่ แล้วก็เนื้ออะไรอีกไม่รู้ แต่มันทั้งหมดล้วนเป็นเนื้อ ปกติหลี่ชุ่ยฮวาเป็นพวกโลภมากและขี้เกียจ ตอนนี้เธอทนรอเข้าไปร่วมวงกินข้าวไม่ไหวแล้ว แต่คนบ้านซูก็ขวางเราไว้อย่างดี… จนไม่อาจหาโอกาสได้เลย

เธอได้แต่ลูบท้องว่าง ๆ และคิดว่าวันนี้โชคร้ายจริง ๆ

ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงกินข้าวมาก่อนแล้ว

“นังโง่นั่นเอาเงินตั้งมากไปเลี้ยงไอ้พวกไม่ใช่พ่อใช่แม่ด้วยซ้ำ ใจจืดใจดำจริง ๆ!”

แม่เฒ่าเองก็หิวแต่ทำอะไรไม่ได้ จึงเอาแต่ด่าลูกสาวแทน ถ้าพูดดังไปก็กลัวจะซวยอีก

หัวหน้าเหลียงเห็นคนตระกูลเหลียงนั่งอัดกันอยู่ตรงมุมเป็นมด ก็ได้แต่มองด้วยสายตารังเกียจโดยไม่พูดอะไรมาก

ระหว่างทางเขาได้ยินเรื่องราวจากคนหนุ่มที่มารับแล้ว!

น่าขายหน้าจริง ๆ ไม่เคยเห็นบ้านไหนมันสร้างเรื่องในวันรื่นเริงแบบนี้เลย คนบ้านซูเห็นหัวหน้าเหลียงกำลังเดินมาก็เชิญเขามาร่วมดื่มด้วยกัน

“หัวหน้าเหลียงมาแล้วหรือ รีบเข้ามากินข้าวกันครับ” คุณปู่ซูเอ่ยทักทายเขาอย่างอบอุ่นแล้วชวนมาร่วมโต๊ะด้วยกัน

แรกเริ่มก็รู้สึกขายหน้าอยู่หรอก แต่พอเห็นงานเลี้ยงก็ทนไม่ไหว ใครไม่กินก็โง่แล้ว เขาไม่ได้กินของดี ๆ แบบนี้มานานแล้วนะ ขอลองสักหน่อยสิแล้วค่อยให้ซองแดงพวกเขาทีหลังก็ได้ จะได้ไม่ถือเป็นการมากินเฉย ๆ

ส่วนคนบ้านเหลียงทนไม่ไหวที่หัวหน้าของเราได้กิน และในตอนที่เคลื่อนไหวตัวก็ได้ยินเสียงน่ากลัวดังขึ้น