ตอนที่ 1393 คนพิษกลายพันธุ์ (1) / ตอนที่ 1394 คนพิษกลายพันธุ์ (2)
ตอนที่ 1393 คนพิษกลายพันธุ์ (1)
คนพิษที่สร้างความหวาดกลัวให้กับพวกผู้ลี้ภัยมาตลอด เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เยาว์กลุ่มนี้ก็ไร้ทางสู้อย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยสักนิด เป็นการฆ่าฝ่ายเดียวที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
ตอนนั้นเองพวกผู้ลี้ภัยก็เข้าใจแล้วว่า พวกเขาโง่เขลาขนาดไหนที่คิดจะดักปล้นคนกลุ่มนี้ แม้แต่คนพิษยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนกลุ่มนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกกระจอกอย่างพวกเขาเลย!
คนพิษยี่สิบกว่าคนถูกกำจัดในพริบตา ร่างของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วพื้น พร้อมกับกลิ่นเหม็นที่น่าสะอิดสะเอียน
จวินอู๋เสียค่อยๆ ก้าวออกไปจากกองเนื้อเน่าที่กระจัดกระจาย ชุดสีขาวของนางไม่เปื้อนเลยแม้แต่น้อย ยังคงขาวสะอาดเหมือนใหม่
“จิ๊ๆ คิดว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน ไม่เห็นจะสู้ยากเย็นอะไรเลย หมัดเดียวยังรับไม่ได้” เฉียวฉู่เก็บถุงมือเพลิง กวาดสายตามองพวกคนพิษอย่างไม่ค่อยพอใจ
“อ่อนแอ อ่อนแอเกินไปจริงๆ” เฉียวฉู่ส่ายหัว เขายังไม่ทันอุ่นเครื่อง พวกคนพิษก็ลงไปนอนกองบนพื้นหมดแล้ว
“ไม่ใช่ว่าพวกมันอ่อนแอเกินไป แต่พวกเราแข็งแกร่งขึ้นต่างหาก” ฟ่านจัวก้มหน้ามองมือตัวเอง ตอนอยู่ที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าพลังของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน แต่ตอนนี้พวกเขารู้ชัดเจนแล้วว่าพลังของพวกเขามันบ้าคลั่งขนาดไหน
คำพูดของฟ่านจัวได้พูดแทนใจของพวกผู้เยาว์กลุ่มนี้แล้ว ทำให้พวกเขายืดอกขึ้นด้วยความภูมิใจ
การฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งปี ได้ให้ผลตอบแทนแก่พวกเขาแล้ว
พวกผู้ลี้ภัยได้สติจากความหวาดกลัว พวกเขารีบคุกเข่าลงบนพื้นพลางร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา
“พวกข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักเขาไท่ซาน นายท่านได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตเราด้วย” พวกเขาหวาดกลัวจนตัวสั่น ได้เห็นการสังหารหมู่กับตาตัวเองเช่นนี้ พวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร
ขนาดคนพิษ พวกเขายังสู้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกของจวินอู๋เสียเลย
“ไสหัวไป” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา
คนกลุ่มนั้นรีบตะเกียกตะกายวิ่งหนีไป ไม่กล้าแม้แต่จะเก็บศพสหาย
“คนพิษพวกนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าพวกที่เราเคยเจอมานะ” เยี่ยเม่ยลูบคาง เมื่อครู่เขาก็รู้สึกว่าศพที่ถูกพวกคนพิษโจมตีดูแปลกๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกคนพิษได้เปลี่ยนไปจริงๆ
จวินอู๋เสียก้มลงตรวจสอบศพของคนพิษ
คนพิษที่ตายด้วยฝีมือของหรงรั่วอยู่ในสภาพที่เลวร้ายที่สุด หน้าอกของพวกเขาถูกปั่นจนเละเป็นเนื้อบด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงร่างกายของพวกคนพิษได้อย่างชัดเจนที่สุด
หลังจากยกระดับพลังวิญญาณ ฟ่านจัวก็ค้นพบบางอย่างจากในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่เหมาะสำหรับการปรับปรุงแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของพวกเขา เขาได้หลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของสหายใหม่เพื่อให้ภูติวิญญาณของพวกเขาร้ายกาจน่ากลัวยิ่งขึ้น
หลังจากภูติวิญญาณของหรงรั่วได้รับการเปลี่ยนสภาพแล้ว ผีเสื้อกลืนศพก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผงนรกที่กระจัดกระจายไปในอากาศ ถ้าศัตรูหายใจเอาผงนรกเข้าไปในปอด อนุภาคขนาดเล็กของผงนรกจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นใบมีดที่แหลมคมและเจาะทะลุหน้าอกออกมาภายใต้การควบคุมของหรงรั่ว
คนพิษที่หน้าอกถูกฉีกออกนั้น จะเห็นได้จากบาดแผลที่อ้ากว้างว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ไม่ใช่แค่สีผิวที่เปลี่ยน แต่เนื้อหนังและโลหิตของพวกเขาก็แตกต่างจากคนปกติ โลหิตของพวกเขาเป็นสีม่วงเข้ม เนื้อของพวกเขา รวมถึงอวัยวะภายในด้วย ทั้งหมดกลายเป็นสีดำหลังจากถูกแช่อยู่ในพิษ ตั้งแต่ผิวหนังไปจนถึงกระดูก
สถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างจากพี่ชายของเสี่ยวเจว๋อย่างสิ้นเชิง
ตอนที่ 1394 คนพิษกลายพันธุ์ (2)
จวินอู๋เสียเคยตรวจสอบของเหลวพิษที่พวกเขาใช้แช่คนเพื่อสร้างคนพิษในรัฐจิ้ว และนางสามารถระบุสมุนไพรที่พวกใช้ได้อย่างคร่าวๆ แต่เมื่อมองดูศพของคนพิษพวกนี้ พิษในร่างของพวกเขามีศักยภาพมากกว่าที่นางเคยเห็นในคนพิษที่รัฐจิ้ว
โลหิตของคนพิษที่ไหลลงบนพื้นได้ทำให้ดินใต้ร่างของเขาละลายหายไป ระดับของการกัดกร่อนนี้เทียบกับต้นกร่อนกระดูกที่ผาสุดขอบฟ้าไม่ได้ก็จริง แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว การจะให้โลหิตคนมีฤทธิ์กัดกร่อนสูงเช่นนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“พวกนี้แตกต่างจากคนพิษที่รัฐจิ้ว และยังแตกต่างจากโลหิตแดงด้วย นี่เป็นพิษชนิดใหม่” จวินอู๋เสียบอกคนอื่นๆ ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
“แตกต่างหรือ อย่างนั้น…นี่ก็ไม่ใช่ฝีมือของพวกเศษเดนจากรัฐจิ้วน่ะสิ” ฮวาเหยาคิดว่ามันค่อนข้างแปลก
ตอนที่จวินอู๋เสียล้มล้างรัฐจิ้ว ฮ่องเต้จากรัฐอื่นๆ ที่ถูกกักบริเวณได้บอกพวกเขาว่า ทหารรัฐจิ้วที่ถูกส่งไปยังรัฐของตนนั้นได้ออกเดินทางไปแล้ว และในมือของทหารพวกนั้นก็มีสิ่งของที่จำเป็นในการสร้างคนพิษ ตอนที่พวกเขารู้ข่าวว่าโลกเกิดกลียุคขึ้น สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือ ฮ่องเต้พวกนั้นหยุดยั้งทหารจากรัฐจิ้วไม่สำเร็จ ทำให้คนพิษแพร่กระจายในสามโลกเบื้องล่าง
แต่ข้อสรุปของจวินอู๋เสียก็ได้ปฏิเสธข้อสันนิษฐานนั้น
“ไม่รู้สิ” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา ตอนนี้ยังมีเบาะแสน้อยเกินไป นางจึงไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้
เสื้อผ้าของพวกคนพิษขาดรุ่งริ่งเป็นผ้าขี้ริ้ว กล้ามเนื้อของพวกเขาโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เสื้อผ้าที่สวมอยู่ฉีกขาด ใบหน้าบิดเบี้ยวจนไม่สามารถระบุตัวตนได้
จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืน “เพื่อให้รู้ความจริง พวกเราต้องกลับไป”
พวกผู้เยาว์พยักหน้าทันที พวกเขาค้นหาในเมืองเล็กๆ อีกครั้ง และพบพวกคนพิษอีกหลายคน หลังจากกำจัดพวกมันหมดแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางทันที
ท้องฟ้าของสามโลกเบื้องล่างเป็นสีเทาหม่น เช่นเดียวกับความกลัวที่เกาะกุมหัวใจของผู้คนในสามโลกเบื้องล่างในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
รถม้าของพวกจวินอู๋เสียค่อยๆ เคลื่อนขบวนจากสถานที่ที่ห่างไกลไปถึงด้านข้างของเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองหลายเมือง ซึ่งตอนนี้พังย่อยยับและทรุดโทรมหมดแล้ว ประตูเมืองเสียหายอย่างหนัก ถนนร้างว่างเปล่า เมื่อยืนอยู่นอกเมืองก็ได้ยินแต่เสียงลมพัดหวีดหวิวผ่านหูเท่านั้น ไม่สามารถสัมผัสถึงร่องรอยของผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เลย
ระหว่างทาง พวกของจวินอู๋เสียได้เจอกับผู้ลี้ภัยอีกกลุ่มซึ่งมีทั้งบุรุษและสตรี ทุกคนเหนื่อยล้ากันมาก แต่เฟยเยียนก็ยังรวบรวมข่าวสารจากพวกเขาได้ คนกลุ่มนี้หลบหนีมาจากรัฐฉู รัฐฉูเป็นรัฐเล็กๆ แต่ใหญ่กว่ารัฐชีในตอนแรกอยู่เล็กน้อย
พวกเขาเป็นคนรัฐฉู แต่คนพิษได้เข้าโจมตี และความกลัวก็ปกคลุมไปทั่วทั้งรัฐ บ้านเกิดของพวกเขาถูกเหยียบย่ำ พวกเขาจำเป็นต้องทิ้งบ้านหนีไปให้ไกลเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด
ความจริง นอกจากชาวบ้านรัฐฉูพวกนี้ ทั่วทั้งสามโลกเบื้องล่างยังมีรัฐเล็กๆ อีกมากมายที่ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของกองทัพคนพิษได้ จำต้องถอยหนีไปด้วยความพ่ายแพ้ ไม่สามารถปกป้องประชาชนของตัวเองได้ สิ่งเดียวที่น่าดีใจก็คือ ฮ่องเต้ยังไม่ยอมแพ้ที่จะปกป้องรัฐของพวกเขา พวกเขานำกองทัพเข้าหยุดยั้งและชะลอการรุกของกองทัพคนพิษ เพื่อให้ประชาชนของพวกเขาอพยพหนีไปให้เร็วที่สุด พวกเขาต้องหนีออกจากรัฐที่คุ้นเคยไปซ่อนตัวในภูเขาที่มีป่ารกทึบ
ได้แต่ภาวนาให้ภัยพิบัตินี้จบลงโดยเร็ว
เมื่อเห็นคนแก่ที่มีผมขาวทั้งหัวและเด็กๆ ที่ดูเหนื่อยล้าผอมโซ พวกเฉียวฉู่ก็กำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ
สิบสองตำหนักต้องทำแค่ไหนถึงจะพอ
“ไปที่แนวหน้าของรัฐฉูกัน” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงและตัดสินใจทันที ทุกอย่างจะเริ่มต้นที่นี่!