War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2050
ตอนที่ 2,050 : ดาบอสุรา!
“ข้าเรียกว่า หลี่อัน…”
ประโยคเดียวของชายชรา ก็ได้เปิดเผยตัวตนของมันออกมาทันที
ที่แท้มันคืออาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาใช 1 ใน 3 ลัทธิอันยิ่งใหญ่!
นอกจากนี้มันยังเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
เหตุผลเดียวที่มันมาตำหนักเมฆาครามครั้งนี้ นั่นเพราะคิดใช้คนของที่นี่เพื่อจัดการศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟต้วนหลิงเทียน! มันคิดใช้ญาติของต้วนหลิงเทียน บีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนออกจากเขตลัทธิบูชาไฟ เพื่อที่มันจะได้มีโอกาสฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย!!
อันที่จริงหลี่อันสมควรมาถึงภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าและตำหนักเมฆาครามตั้งนานแล้ว
ทว่าหลังจากที่มันออกเดินทางจากวังอุดรไพศาล พร้อมกับคนที่อาวุโส 5 วังอุดรไพศาลหยางชงมอบให้ มันกลับบังเอิญได้รับทราบข่าวสารหนึ่งระหว่างทาง ทำให้การเดินทางจำต้องล่าช้าออกไป
และข่าวสารนั้นเป็นอะไรที่เหนือคาดคิดนัก เพราะมันคือเบาะแสของ ‘ดาบอสุรา’ ซึ่งเป็นยอดศาสตราเซียน ติดอันดับ 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!!
ดาบอสุราปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!
ในอดีตนั้นเท่าที่ทุกคนทราบ ยอดศาสตราเซียนมีเพียงผู้ถือครองอยู่แค่ 3 ชิ้นเท่านั้น และนั่นก็ล้วนเป็นคนของ 3 ลัทธิทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือล้วนไร้เบาะแสว่าเป็นผู้ใดครอบครองเอาไว้
‘ดาบอสุรา’ เป็นหนึ่งในนั้น
ถึงแม้หลี่อันจะอยากไปภูมิภาคเบื้องล่างเพื่อสืบหาภูมิหลังของต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อเทียบกับความเย้ายวนของ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนอย่าง ‘ดาบอสุรา’ เรื่องสืบค้นความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นเรื่องไม่รีบไม่ร้อนทันที!
ดังนั้นมันจึงส่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่ไดรับมาจากหยางชง ให้กระจายกำลังกันไปตามหาเบาะแส คนถือดาบอสุราที่ว่าก่อน
และตัวมันเองก็ไม่ได้อยู่ว่าง เร่งออกตามหาคนในเบาะแสเช่นกัน
ต้องกล่าวเลยว่าหลี่อันมีวาสนาไม่น้อย เพราะในที่สุดมันก็ตามหาตัวผู้ใช้ดาบอสุรานั่นจนพบ!
หลังจากฆ่าคนที่ครองดาบอสุราได้แล้ว มันก็ได้รับดาบเล่มนั้นมาอยู่ในมือจนได้!
แน่นอนว่ามีเพียงมันเท่านั้นที่รู้เรื่องราวของดาบอสุรา
เหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งหลาย เพียงถูกหลี่อันสั่งให้ไปหาเบาะแสของคนเท่านั้น ต่างไม่รับทราบเรื่องดาบแต่อย่างใด
เพราะหากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป แม้คนของวังอุดรไพศาลจะไม่มีทางกล้าแย่งชิงกับมัน ทว่าคนเหล่านี้ยังสามารถแพร่ข่าวลือเรื่องมันครองดาบออกไปได้…
หากข่าวแพร่กระจาย อาศัยคนอย่างหลี่อันไหนเลยจะเก็บดาบอสุราเอาไว้กับตัวได้อีก
หลี่อันหาได้มีพลังอำนาจอย่างเซี่ยจงที่ช่วงชิงตราผนึกมารไปจากมือต้วนหลิงเทียนโต้งๆไม่!
เซี่ยจงแม้จะเป็นเพียงชนชั้นอาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬ ทว่าบิดาของมันเป็นถึง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ!
และฐานะของมหาธรรมราชาทั้ง 4 ของลัทธิอารามทมิฬ ก็ไม่ต่างใดจากผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ของลัทธิบูชาไฟแม้แต่น้อย! พวกมันล้วนเป็นสุดยอดฝีมือระดับแนวหน้าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน!!
เซี่ยจงที่มีมหาธรรมราชาอยู่เบื้องหลังเช่นนี้ แม้เรื่องที่มันถือครองตราผนึกมารจะแพร่ไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าลองดี!
ยิ่งไปกว่านั้นคนนอกก็ไม่ทราบแน่ชัด ว่ายังเป็นเซี่ยจงแน่หรือไม่ที่ถือครองตราผนึกมารอยู่! หากเซี่ยจงมอบให้บิดาที่เป็น 1 ใน 4 มหาธรรมราชา ราชันราชสีห์ขนทองไปแล้วเล่า? เช่นนั้นผู้ที่คิดแย่งชิงจากเซี่ยจง…เกรงว่าไม่เพียงแต่จะจับไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ!!
ดาบอสุรานั้นก็คือยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับ1 ใน 10 ในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่ามันคือศาสตราหมื่นอาคมเซียนชิ้นหนึ่ง และยังเป็นศาสตราเซียนประเภทต่อสู้เต็มตัว! มีพลังอานุภาพเหนือศาสตราพันอาคมเซียนไปไกลลิบโลก!!
ยังมีผู้ใดไม่ต้องการยอดศาสตราเซียนเช่นนี้อีก?!
หลี่อันที่มีฐานะเพียงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แน่นอนว่าหากคิดถือครองย่อมไม่ใช่เรื่องราวอันง่ายดาย
บางทีมันอาจขู่ขวัญผู้ที่คิดแย่งชิงได้ว่ามันคือคนของลัทธิบูชาไฟ
ทว่าถึงวันที่ข่าวของดาบอสุราแพร่กระจายออกไปจริงๆ ไม่ต้องกล่าวถึงคนนอก กระทั่งชนชั้นอาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟก็ไม่อาจห้ามใจได้แน่นอน! สุดท้ายไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ทางหนึ่งมันต้องเสียดาบไปแน่!!
เช่นนั้นแล้วหลังจากที่ได้รับดาบอสุรามา หลี่อันก็ปกปิดเรื่องราวไว้อย่างมิดชิดนัก!
ก่อนที่มันจะมีพลังอำนาจมากพอจะถือครองดาบอสุราได้อย่างเปิดเผย มันไม่คิดใช้ดาบเล่มนี้ซี้ซั้วเด็ดขาดเว้นแต่จะตกอยู่ในห้วงคับขันเป็นตาย
เพราะสุดท้ายแล้ว ดาบอสุรา ก็มีอำนาจเย้ายวนใจผู้คนมากเกินไป!
แม้นี่จะเป็นเรื่องน่ายินดีที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ทำให้ใจของหลี่อันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขนัก และแน่นอนว่ามันก็ยังไม่ได้ลืมเลือนจุดประสงค์หลักของมัน
ไปภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อสืบหาความเป็นมาของต้วนหลิงเทียน
เช่นนั้นหลังได้ถือครองดาบอสุราแล้ว หลี่อันก็ย้อนไปกำจัดคนที่มีเบาะแสเรื่องดาบอสุราทั้งหมดอย่างลับๆ ก่อนที่จะเรียกระดมพลคนของอาวุโส 5 วังอุดรไพศาล ประกาศล้มเลิกตามหา ‘คน’ ที่มันสั่งให้ออกไปค้นหา และเดินทางไปยังภูมิภาคเบื้องล่างทันที
ทุกเรื่องราวล้วนราบรื่นนัก
กระทั่งทันทีที่มาถึงภูมิภาคเบื้องล่าง มันยังได้รับเบาะแสสำคัญเรื่องต้วนหลิงเทียนจากผู้เฝ้ามองทันที!
อาศัยเบาะแสสำคัญดังกล่าว หลี่อันพร้อมผู้ติดตามรับใช้ทั้งหลายจึ่งเร่งรุดมายังตำหนักเมฆาครามอย่างไม่รอช้า
สุดท้ายก็เกิดเรื่องราวอย่างในปัจุบัน
“หลี่อัน?”
ได้ยินวาจาประกาศนามของหลี่อัน เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬได้แต่ชักสีหน้าว่างเปล่า ทั้งหมดไม่มีใครทราบอะไรเกี่ยวกับนามนี้เลย ไม่รู้จัก!
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ใจของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพราะเมื่อพิจารณาจากพลังฝีมือของคนกลุ่มนี้ เห็นได้ชัดว่าร้ายกาจเหนือจินตนาการ! ไหนเลยจะเป็นชนชั้นไร้ชื่อเสียงเรียงนามได้? และชายชราที่เรียกตัวว่า หลี่อัน สมควรเป็นสุดยอดฝีมือที่เก่งกล้าที่สุด! เพราะจากทีท่าของกลุ่มคนที่พลังฝีมือร้ายกาจสุดที่มันจะจินตนาการได้เหล่านี้ ล้วนบอกชัดว่ามันคือผู้นำ!!
ทว่าพวกมันกลับไม่เคยได้ยินนามหลี่อันจากที่ใดมาก่อน…
เรื่องนี้กล่าวบอกความจริงให้พวกมันทราบประการหนึ่ง…
อีกฝ่ายสมควรเป็นตัวตนจากภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งอาจเป็นชนชั้นยอดฝีมือของภูมิภาคเบื้องบน!
“ใต้เท้า มิทราบท่านมาเยือนตำหนักเมฆาครามของพวกเราเช่นนี้ ที่แท้มีวัตถุประสงค์อันใดกันแน่?”
สุดท้ายองครักษ์เกราะทมิฬยศไป่ฟูฉางคนหนึ่ง ก็กล่าวถามออกไปตามตรง
“มิได้มีใด…”
เผชิญหน้ากับคำถามของหัวหน้ากององครักษ์เกราะทมิฬ หลี่อันกล่าวออกเสียงเรียบ “ข้ามาที่นี่เพียงคิดรับตัวคนในครอบครัว ‘นายน้อย’ ของพวกเจ้าไปดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนกับข้าสักครา…”
คนในครอบครัวนายน้อย?
ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน?
ได้ยินวาจาดังกล่าวของหลี่อัน เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ถึงแม้หลี่อันจะกล่าววาจาออกมาเสียงเรียบไม่ก้าวร้าว แต่พวกมันรู้ดีว่าหลี่อันไม่คิดพาคนไปจิบน้ำชาสนทนายามบ่ายแน่นอน…
หากพวกมันมาด้วยไมตรีหวังเชื้อเชิญคนจากใจจริงๆ ไฉนถึงได้เข่นฆ่าผู้คนอย่างอำมหิตมาตลอดทาง?
“พวกมันเป็นยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนจริงๆ!”
“บัดซบ! ตามหาครอบครัวนายน้อยเช่นนี้…ที่แท้พวกมันเป็นศัตรูของนายน้อยเรา!!”
“สวรรค์! ไฉนนายน้อยไปเป็นศัตรูกับยอดฝีมือระดับนี้ได้! สมแล้วที่เป็นนายน้อย!!”
“มิคิดเลยว่ายอดฝีมือระดับนี้ถึงกับต้องคิดช่วงชิงตัวท่านจ้าวตำหนักกับครอบครัวไปภูมิภาคเบื้องบนเพื่อเล่นงานนายน้อย! มันจนปัญญาทำอะไรนายน้อย ต้องกระทำต่ำช้าถึงขั้นคิดใช้ท่านจ้าวตำหนักกับครอบครัวบีบคั้นนายน้อยเลยงั้นหรือ!?”
“ฮ่าๆ เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างอีกหรือไร! นายน้อยเพียงขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบนได้ไม่นาน ก็ทำให้ยอดฝีมือระดับนี้ถึงกับต้องอาศัยการจับครอบครัวไปข่มขู่…สมแล้วที่เป็นนายน้อยของพวกเรา! กระทั่งไปภูมิภาคเบื้องบนแล้วยังคงเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้าน!!”
“หึ! พวกสารเลวสมควรตายพวกนี้…สมควรสิ้นไร้ไม้ตอกแล้วจริงๆ! น่ากลัวว่านายน้อยของพวกเราจะไปวาดลวดลายสำแดงพลังสามารถทะยานฟ้า! หาไม่แล้วศัตรูเยี่ยงพวกมันไหนเลยจะต้องถ่อลงมาจับครอบครัวนายน้อยถึงที่นี่!!”
…
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬตอนกล่าวถึง ‘นายน้อย’ อย่างต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงไม่ตำหนิที่ชักนำเภทภัยมาถึงตำหนักเมฆาคราม กระทั่งยังเผยความชื่นชมและความภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทุกคน ล้วนเป็นชนชั้นยอดฝีมือในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน! ทั้งหมดผ่านการคัดกรองเข้าร่วมอย่างเข้มงวด ไหนเลยจะมีชนชั้นขลาดเขลา!!
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทุกนาย…หากเพื่อตำหนักเมฆาครามแล้ว ถึงตายล้วนไม่เสียดาย!
“นายน้อยของพวกเรายอดเยี่ยมที่สุด!!”
ท่ามกลางเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬ ไม่ทราบเป็นใครแต่มันชูดาบขึ้นฟ้าร่ำร้องออกมาอย่างสาสมใจ!
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ล่ะก็ คงจดจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็น ถงจ้ง อดีตสุดยอดฝีมือไร้ผู้ต้านภายใต้ขอบเขตเซียนนภาของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง!
ขณะเดียวกันมันยังเป็นศิษย์ส่วนตัวของ กู่มี่ มือขวาของต้วนหรูเฟิงที่ถูกเซี่ยจงสังหารไปวันนั้น!
หลังจากที่กู่มี่ถูกเซี่ยจงฆ่าตาย หลังความโศกเศร้าถงจ้งก็อาศัยความแค้นเป็นแรงผลักดัน เร่งบ่มเพาะฝึกปรืออย่างเอาเป็นเอาตายหมายล้างแค้นศัตรูของอาจารย์ให้ได้ในสักวัน! ในที่สุดมันก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีได้สำเร็จ และกลายเป็นสุดยอดฝีมือคนหนึ่ง ที่เพียงเป็นรองก็แต่แม่ทัพใหญ่ขององครักษ์เกราะทมิฬเท่านั้น!!
นอกจากนั้นมันยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นว่าที่แม่ทัพใหญ่คนต่อไปขององครักษ์เกราะทมิฬอีกด้วย!
และเหล่าองครักษเกราะทมิฬทั้งหลาย เมื่อได้ยินคำกล่าวด้วยความสะใจของถงจ้ง ทั้งหมดพลันฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต่างชูศาสตราขึ้นฟ้ากล่าวร่ำร้องออกมาอย่างคึกคัก
“นายน้อยจงเจริญ!”
“นายน้อยจงเจริญ!”
……
ในขณะที่เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมดร่ำร้องออกมาอย่างคึกคักอัพโข สีหน้าของหลี่อันลู้ติดตามรับช้ทั้งหมดพลันเปลี่ยนไปทันที
ตอนแรกพวกมันคิดใช้ ‘ความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง’ ครอบงำมดปลวกเหล่านี้เพื่อให้ศิโรราบแต่โดยดี ทว่าตอนนี้พวกมันไม่เพียงทำไม่สำเร็จ กลับโดนเหล่าผู้ที่ไม่ต่างจากมดปลวกในสายตามองมาด้วยความดูแคลน
“เฮอะ! พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่านายน้อยของพวกเจ้าจักมีปัญญาสามารถทำให้ข้าหวาดกลัว ถึงขั้นต้องลดตัวมาใช้ครอบครัวเพื่อบีบคั้นมันจริงๆ?”
หลี่อันที่ได้ยินคำร่ำร้องยินดี และเห็นสายตาที่มองมาด้วยความดูแคลน ในใจพลันบังเกิดโทสะลุกโหมขึ้นมา แค่นคำสบถเย็นเยือก กล่าวตวาดออกมาด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด
ตอนนี้โทสะในใจของมันลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟที่พร้อมแผดเผาสรรพสิ่ง!
“เฮอะ! แล้วยังมิใช่หรือไรไอ้แก่?”
ได้ยินคำตวาดของหลี่อัน ถงจ้งพลันหัวเราะเยาะกล่าวปรามาส!
“ยังมิใช่หรือไร ไอ้แก่!?”
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬเสมือนนัดกันมาอย่างไรไม่ทราบ ต่างตะโกนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันรับคำถงจ้งออกมาอย่างพร้อมเพรียง สายตาที่เคยกริ่งเกรงยอดฝีมือ คงเหลือเพียงสายตารังเกียจและสมเพช
“เหอะ! หากมิใช่เพราะนายน้อยพวกเจ้าทำได้แค่เป็นเต่าหดหัว หนีหน้าข้าเยี่ยงมุสิกขลาดเขลาข้าคงฆ่ามันทิ้งไปเนิ่นนานเยี่ยงมดปลวกแต่แรก! ข้ายังจะลำบากมาตำหนักเมฆาครามอันต่ำต้อยของพวกเจ้าเพื่อจับคนทำอะไร!?”
หลี่อันกล่าววาจาเย้ยเยาะออกมาด้วยความชิงชัง
“ฮ่าๆๆๆ…!!!”
ทว่าทันทีที่สิ้นคำของหลี่อัน สิ่งที่ตอบรับมันคือเสียงหัวเราะที่ระเบิดขึ้นมาดังลั่น เป็นถงจ้งที่หัวเราะเยาะ ยังมองกล่าวกับหลี่อันด้วยสายตาสมเพชอย่างถึงที่สุด “ไอ้แก่ นายน้อยมิอยู่ที่นี่เจ้าจะผายลมอันใดก็ย่อมกระทำได้…เจ้าอยู่มาจนชราใกล้ลงโลงแล้วเช่นนี้ไม่คิดเลยว่ายังไม่มีปัญญาทำอะไรนายน้อยข้าได้! ถึงขั้นเกรงกลัวนายน้อยถึงขั้นต้องก่อการอุบาทว์!!”
“หากข้าเป็นเจ้า…ข้าคงไม่กล้าบากหน้าชราน่าสมเพชเช่นนั้นออกมาสู้หน้าผู้ใดแล้ว! คงขุดหลุมแล้วซุกหน้าไว้จนกว่าจะลงโลง!”
“แต่ไม่คิดเลยว่าผู้ชราเช่นเจ้ากลับสำเร็จวิชาหน้าหนา กล้าประพฤติตัวต่ำช้าไม่ละอายผู้คน! ลงมาจับครอบครัวนายน้อยเพื่อใช้ข่มขู่นายน้อยอย่างหน้าไม่อาย ช่างน่าสมเพชเสียนี่กระไร!!”
สำหรับถงจ่งแล้วในเมื่ออีกฝ่ายเป็นศัตรู ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวสุภาพอะไรกับมัน
อย่างดีก็แค่ตาย จะกลัวอะไร!
“หาที่ตาย!!”
ได้ยินวาจาจี้ใจของถงจ้ง เพลิงโทสะในใจของหลี่อันไม่อาจสะกดไว้ได้อีกต่อไป มันปะทุระเบิดออกมาอย่างเดือดดาล มวลพลังทั่วร่างแผ่พุ่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เตรียมลงมือเข่นฆ่าสังหารหมู่!
ทว่าทันใดนั้นเอง
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ปรากฏร่าง 3 ร่างเหินบินตัดฟ้าออกมาจากทางตำหนักด้วยความเร็วสูงล้ำ
“หืม? ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภา?”
ถึงแม้ในสายตาหลี่อันความเร็วของทั้ง 3 ร่างจะไม่สูงล้ำอะไร แต่ก็ยังทำให้มันเบนความสนใจจากการฆ่าฟัน หันไปมองชมด้วยความแปลกใจทันที
เพราะมันตระหนักได้ว่า
ความเร็วของร่างทั้ง 3 บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาแล้ว!
เท่าที่มันรู้มา ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ตัวตนขอบเขตเซียนนภาเป็นดั่งเขามังกรขนหงส์!
ทว่าตำหนักเมฆาครามแห่งนี้กลับมีผู้บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาถึง 3 คน!