บทที่ 579 เรื่องเล็กน้อย (1)
“ตี้จั้ง ต่อจากนี้ไป หากเจ้าไม่ได้รับคำสั่งจากข้าอีก ก็ไม่ต้องทำอันใด”
ในมุมหนึ่งของภูเขาวิญญาณ เหล่าเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเพิ่งจากไป เมื่อนักพรตเต๋าชรา กลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นักพรตเต๋าหนุ่มที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
ตี้จั้งถอนหายใจเบาๆ และกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ปกป้องศิษย์ขอรับ”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วกลับไปที่ด้านข้างของสัตว์เทพตี้ทิง แล้วลงนั่งขัดสมาธิอย่างเชื่อฟัง
บัดนี้เรื่องได้จบลงแล้ว สำนักบำเพ็ญได้สูญเสียศิษย์ตัวเล็กๆ ที่ไม่สำคัญไปคนหนึ่ง จอมปราชญ์ปรากฏตัวด้วยตัวเองต่อหน้าผู้คน แต่บรรดาศิษย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าต่างก็โกรธเกลียดเขาทั้งแบบเปิดเผยและแอบแฝงลับๆ…
ในขณะนี้ ความเสียใจ หมดหนทาง และความขุ่นเคือง อารมณ์เหล่านี้ล้วนก่อตัวขึ้นในก้นบึ้งจิตใจของตี้จั้ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็เหลือเพียงความยินดีปรีดาที่ได้รอดชีวิตมาหลังจากเกิดภัยพิบัติ
จู่ๆ ตี้จั้งก็กล่าวขึ้นมาว่า “ฟังให้ดี จงคอยเฝ้าดูบรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเพื่อหาดูว่าพวกเขาคิดว่าใครเป็นคนวางแผนให้เกิดเรื่องขึ้นในวันนี้หรือไม่”
ขณะที่ตี้ทิงกำลังหูผึ่งตั้งใจฟัง ไฟสีเขียวก็ค่อยๆ สว่างขึ้นรอบๆ ตัวมันช้าๆ
ความคิดมากมายก็โลดแล่นเข้ามาอยู่ในใจของตี้จั้งในขณะที่ดวงตาของเขาค่อยๆ หรี่ลง
ในเวลานี้ เมื่อสำนักบำเพ็ญเต๋าชนะและกลับมา มันก็น่าจะเป็นเวลาที่เป็นไปได้มากที่สุดที่พวกเขาจะได้ผ่อนคลาย และผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้ก็ถูกเปิดเผยออกมาได้อย่างง่ายดาย…
เทพวารีแห่งศาลสวรรค์?
ความจริงแล้ว ตี้จั้งชื่นชมเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ที่ดึงเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์ได้และทำให้จินฉานจื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังบีบให้จอมปราชญ์ของเขาปรากฏตัวขึ้นมาได้
เขารู้สึกว่าหากเป็นเทพวารีแห่งศาลสวรรค์วางแผนอยู่เบื้องหลัง มันก็คงไม่ผิดที่เขาต้องพ่ายแพ้ไปในวันนี้
แต่เขาไม่แน่ใจว่า เทพวารีจะมี ‘อิทธิพล’ ถึงขนาดที่สามารถเชิญศิษย์พี่ใหญ่ของทั้งสามสำนักให้มาปรากฏตัวด้วยกันได้
ศิษย์พี่ใหญ่ทั้งสามแห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า…
ว่ากันตามตรงแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา ตี้จั้งก็รู้สึกหมดหนทางอย่างสิ้นเชิง และยังรู้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง
หนึ่งคือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูซึ่งเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของจอมปราชญ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ไท่ชิงเหล่าจื้อ เขาสามารถใช้สมบัติเซียนเทียนขั้นสูงสุดตามที่เขาต้องการได้แบบสบายๆ
อีกคนหนึ่งคือ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าซึ่งเป็นสมบัติวิญญาณที่ดีที่สุดแห่งโลกบรรพกาล นักพรตเต๋าผู้ที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ให้ความไว้วางใจมากที่สุดในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และเป็นนักพรตเต๋าที่ไปมาอย่างไร้ร่องรอย
และคนที่สามก็คือ กวงเฉิงจื่อแห่งวังอวี่ซวีผู้ตีระฆังทองคำที่สงวนท่าทีเอาไว้มากที่สุดในการดำเนินการครั้งก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความมั่นคงดั่งขุนเขา…
เบื้องหลังศิษย์พี่ใหญ่ทั้งสามของทั้งสามสำนักนั้น ยังมีจ้าวกงหมิง เทพธิดาจินหลิง ฉื้อจิ้งจื่อ และไท่อี่…
มีผู้ทรงพลังแข็งแกร่งอีกมากมาย!
นี่คือ สำนักบำเพ็ญเต๋าหรือ?
แท้จริงแล้ว เมื่อเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ เขาก็อดจะรู้สึกหายใจไม่ออกไม่ได้…
เวลานี้ที่ด้านข้างของตี้จั้งนั้น ดูเหมือนว่า ตี้ทิงจะสามารถได้ยินความคิดของเขา จึงกระซิบว่า “ท่านกลัวหรือไม่?”
“ไม่หรอก ข้ากลับดีใจ” มุมปากของตี้จั้งโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย
“เมื่อข้าคิดถึงความจริงที่ว่า สำนักบำเพ็ญเต๋าที่ข้ากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ไม่มีอะไรอื่นที่จะสามารถเพิ่มโชคได้
นอกจากพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาสถานะที่เป็นอยู่แล้ว ก็ไม่อาจทำอันใดได้อีก ความเจริญจะต้องเสื่อมถอยลงไปสู่ความตกต่ำอย่างแน่นอน และมันย่อมจะเป็นพรอันน่ายินดีที่ได้เห็นสำนักบำเพ็ญเต๋าที่ทรงพลังเช่นนี้ค่อยๆ ถูกฝังลงไปแล้วหายไปในฝุ่นของโลกบรรพกาลใช่หรือไม่?”
ตี้ทิงหลับตาลงและเม้มปากพลางกล่าวว่า “อย่าพูดเหลวไหลเลย ตอนนี้ข้าแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะความหวาดกลัวแล้ว ข้าไม่อาจวางแผนทำร้ายเขาได้ สำนักบำเพ็ญเต๋าไม่ได้โจมตีข้าโดยตรง”
ในขณะนั้นเส้นเลือดบนหน้าผากของตี้จั้งก็ปูดโปนออกมา แล้วเขาก็กล่าวว่า “จงตั้งใจฟังให้ดี!”
“ข้ากังวล ดูสิ นายท่าน ท่านกำลังกำลังอยู่สภาวะจิตยุ่งเหยิงวุ่นวาย มันล้วนเป็นข้อบกพร่องทั้งหมด”
“เหอะ!”
ตี้ทิงส่ายหัวและดักฟังต่อไป และมันก็ตอบได้อย่างรวดเร็วว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ทั้งสามคนน่าจะเป็น ผู้นำเหตุการณ์ในวันนี้ ไม่มีผู้ใดวางแผน
ผู้ฝึกบำเพ็ญของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่มีระดับฐานพลังอ่อนแอกว่าล้วนกำลังคิดถึงศิษย์พี่ใหญ่ทั้งสามคน พวกเขาไม่ได้กล่าวถึงเทพวารีแห่งศาลสวรรค์”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตี้จั้งก็พยักหน้าช้าๆ และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาเริ่มคิดคำนึงและตริตรองถึงข้อบกพร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงโอกาสในการโจมตีที่พลาดไปสองสามครั้งนั้น
ครั้งหน้าจะไม่เกิดเรื่องพลาดเช่นนี้ขึ้นอีกอย่างแน่นอน
“ศิษย์น้องชายหญิงทั้งหลาย หลังจากกลับไปที่สำนักแล้ว พวกเจ้ายังต้องฝึกบำเพ็ญให้ดีต่อไป… ”
ในถ้ำหลัวฝูของภูเขาเอ๋อร์เหมย
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้แนะนำบรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่อยู่รอบๆ ตัวเขาอย่างอบอุ่น หลังจากที่บรรดาเซียนทั้งหมดโค้งคารวะให้เขาแล้ว พวกเขาก็บินกลับไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทางตะวันตกเฉียงเหนือขณะที่พูดคุยและหัวเราะกันไปด้วย
หลังจากที่บรรดาเซียนทั้งหมดจากไปแล้ว บัดนี้ก็เหลือเพียงปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ นักพรตเต๋าตั๋วเป่า จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหริน ทั้งสี่คนก็กลับเข้าไปในถ้ำหลัวฝู จากนั้นจ้าวกงหมิงก็นำไหสุราชั้นเลิศสองไหออกมาเปิดเพื่อดื่มเฉลิมฉลองกัน
ในขณะนี้ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าจ้องมองไปที่แขนเสื้อของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เขาคลี่ยิ้มและถามว่า “ฉางเกิงอยู่ที่ใด? เจ้าออกมาเร็วเข้า ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วซึ่งมีสติอยู่ข้างๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงตอบกลับมา
จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็บินออกมาจากแขนเสื้อของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม ยืนอยู่ข้างหลังปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
จ้าวกงหมิงเชิญให้หลี่ฉางโซ่วนั่งลง หลี่ฉางโซ่วจึงยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเป็นพียงแค่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ การดื่มย่อมเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเสียเปล่า เช่นนั้น ข้าจะไม่ขอร่วมวงดีกว่าขอรับ”
จากนั้นผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็ไม่ได้ยืนกรานต่อไป
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “เหตุใดเจ้าถึงหยุดการส่งข้อความเสียงกลางคันเล่า?”
“คำโต้ตอบของศิษย์พี่เหมาะสมกว่าคำพูดที่ข้าเตรียมไว้ขอรับ” จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็บ่นว่า “ศิษย์พี่ ท่านเพียงแค่คุ้นชินกับความเกียจคร้านเท่านั้น การลงมือของข้าจะมีประโยชน์จริงๆ ได้อย่างไรขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หรี่ตาพลางแย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “หากเจ้ารู้จักพูด ก็พูดมากขึ้น ทั้งยังเยินยอศิษย์พี่ของเจ้าอีกด้วย”
“ก็แค่นั้นเอง ช่างเถิด ช่างเถิด!” ตั๋วเป่ากล่าพลางโบกมือของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ข้าทนรับคำเยินยอเล็กน้อยนี้จากฉางเกิงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องล่องลอยไปถึงชั้นสวรรค์ทั้งเก้าแน่ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้ามีความสุขจริงๆ! ก่อนหน้านี้ สำนักบำเพ็ญเต๋าประจิมได้วางแผนร้ายมาหลายครั้งแล้ว แต่ในท้ายที่สุด ข้าก็ได้ระบายไฟโทสะที่ยากจะควบคุมได้ในวันนี้เสียที! ”
จ้าวกงหมิงกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว วันนี้ข้ายังไม่ค่อยพอใจนัก ข้ายังจับผู้วางแผนร้ายตัวจริงไม่ได้ ถึงเราจะลงโทษเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เราก็ต้องรู้ว่าเขาเป็นใคร เราถึงจะกำหนดเป้าหมายไปที่เขาได้ในภายหน้า”
หลี่ฉางโซ่วงกล่าวอย่างจริงจังว่า “คนๆ นี้วางอุบายเก่งและยังเป็นคนเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมที่สร้างปัญหาได้มากทีเดียว หากเดาไม่ผิด เขาน่าจะเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์ที่มีนามว่า ตี้จั้ง
………………………………………………………………..