บทที่ 688 ใจแลกใจ

บทที่ 688 ใจแลกใจ

คนในหมู่บ้านดำเนินงานเลี้ยงต่อ

ตามกฎของเรา การรับแขกควรจะเริ่มจากแขกผู้มีเกียรติก่อน แขกที่เดินทางผ่านไปมา และสุดท้ายก็เป็นแขกในหมู่บ้าน

เราทำแบบนี้วนไปมากระทั่งถึงเย็น ในที่สุดก็รับแขกจนเสร็จ เหล่าคนในหมู่บ้านช่วยกันทำความสะอาดหลังจากอิ่มหนำสำราญ

คุณย่าซูเอาอาหารที่เหลือบางส่วนไปให้คนที่คอยให้ความช่วยเหลือเรา ไม่ว่าจะเป็นผัก เนื้อ หรือซาลาเปา

กว่าจะเสร็จฟ้าก็มืดสนิท

คนสุดท้ายที่กลับคือภรรยาของจู้จื่อ

“เมียจู้จื่อ เอากลับไปให้ลูก ๆ ที่บ้านกินเถอะ” คุณย่าซูหยิบถ้วยเนื้อสองถ้วยและจานซาลาเปาอีกใบออกมา นี่คืออาหารที่เธอเก็บไว้ให้พวกเขา

หญิงสาวอยากฏิเสธ ตอนนี้เราเองก็เปิดร้านขายอาหาร สามีก็ทำธุรกิจวิ่งส่งของ อีกทั้งตอนนี้ชีวิตของเรายังสุขสบายดี แต่เราจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ตลอดได้ยังไงกัน?

“คุณป้า ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!” เธอรีบปฏิเสธ

“จู้จื่อก็เหมือนลูกชายฉันอีกคน ส่วนนี้ฉันให้เธอเอง เอากับไปให้พ่อกับลูกกินสักหน่อยเถอะ!”

หญิงชราเอ่ยอย่างจริงจัง ครอบครัวเราปฏิบัติต่อจู้จื่ออย่างดี และอีกฝ่ายก็ตอบแทนเรามาอย่างดีเช่นกัน คนเราก็แบบนี้ล่ะ ถ้าดีมาดีกลับ ถ้าเลวมาก็เลวกลับเหมือนกัน!

ภรรยาของจู้จื่อรู้ว่าคุณป้าจริงใจและปฏิบัติต่อเธออย่างสะใภ้จึงรับไว้แต่โดยดี ก่อนขอบคุณด้วยรอยยิ้ม แล้วกลับบ้านพร้อมมัน

หลังจากวิ่งไปมาทั้งวัน คนบ้านซูต่างเหนื่อยกันมากจึงรีบกินข้าวแล้วแยกย้ายพักผ่อน

การเจอพ่อแม่วันนี้ทำให้เหลียงซิ่วรู้สึกอึดอัดใจ

เหล่าซานมองสีหน้าภรรยา และคิดว่าคงเพราะตนพูดจารุนแรงเกินไปเลยทำให้เธอไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร

“ซิ่วเอ๋อร์ วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าเธอนะ” เขาโอบกอดภรรยาเอาไว้

ถึงสิ่งที่เขาพูดในวันนี้นั้นเป็นการแสดงจุดยืนของผู้ชาย แต่ก็กลัวจะแตกแยกกับเหลียงซิ่วเพราะคำพูดนั้นเหมือนกัน ตอนนี้เห็นภรรยาหมดกำลังใจก็ยิ่งคิดว่ามันเกี่ยวกันแน่นอน

“ฉันรู้ว่าคุณพูดเพื่อฉัน พี่สาม พ่อแม่ และพี่ ๆ ฉัน ต่างมีนิสัยแบบนี้กันหมดเลย แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย!” เหลียงซิ่วยิ้ม

เธอหวังให้ครอบครัวตนเองเป็นเหมือนกับครอบครัวพี่สะใภ้ทั้งสองบ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแค่เรื่องฝันเฟื่อง ทว่าตอนนี้เธอโชคดีเหลือเกินที่แม่สามีไม่ใช่คนรับมือยาก ไม่งั้นเราคงได้หย่ากันแล้วขนข้าวของกลับบ้านจริง ๆ

เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงทำตัวแบบนั้น

ถ้าเหมือนพ่อแม่พี่สะใภ้สักหน่อย ก็คงจะได้รับผลประโยชน์เหมือนกันนะ

เห็นของขวัญที่แม่สามีมอบให้ในวันนี้ก็รู้เลยว่าแกใจกว้างขนาดไหน

คนที่คิดเช่นนี้ไม่ได้มีแค่เหลียงซิ่ว

หลาย ๆ คนในหมู่บ้านกำลังสนทนาเรื่องนี้อยู่ รวม ๆ แล้วก็คิดว่าคนบ้านเหลียงโง่มาก

คนตระกูลหวังและตระกูลฉีไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลย แถมยังได้ของดี ๆ กลับไปตั้งมากมาย มีแค่คนบ้านนี้เท่านั้นล่ะที่ทะเลาะกันบ้านแทบแตกเพราะลูกสาวคนเดียว

อันที่จริงก็ไม่ได้แตกหรอก แค่เหมือน ๆ จะแตกหัก

ได้เงินเดือนละ 5 หยวนหรือ

ไม่รู้ตอนนี้เสียใจหรือเปล่า

ภรรยาของซูฉางจิ่วกำลังพูดเรื่องนี้พอดี

“คุณว่าคนบ้านเหลียงคิดอะไรอยู่? บ้านเขยดีขนาดนี้ทำไมไม่สานสัมพันธ์กันเอาไว้ จะสร้างปัญหาไปทำไม?”

ซูฉางจิ่วถอนหายใจ “ก็อย่างที่พูดไปไม่ใช่หรือไง? ถ้าไม่มีนิสัยแบบนี้คนอื่นเขาก็ไม่พูดอะไรหรอก ว่าไปบ้านเราก็มีคนนึงไม่ใช่หรือไง?”

ครั้งหนึ่งที่คนเกือบทั้งหมู่บ้านยกไปช่วยคุณย่าซูทะเลาะกับคนตระกูลฉาง

แต่สะใภ้รองอย่างเถียนเสี่ยวเหอก็ไม่ได้ไปร่วมด้วยตั้งแต่แรกเช่นกัน สามีเธอเองก็ไม่ไปเข้าร่วมเหมือนกัน ในใจซูฉางจิ่วหวังแต่จะให้ลูกชายทั้งสองสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับคนบ้านซูเข้าไว้ แต่พอเห็นสายตาเย็นชาพวกนั้นก็รู้ว่า คนบ้านนี้ไม่ใช่พวกที่ไม่มีความทะเยอทะยานอีกต่อไป พวกเขาโผบินไปไกลกว่านั้นตั้งนานแล้ว

ฝ่ายภรรยาหยุดพูดแล้ว ก็จริง บ้านเราก็มีคนนึงที่ยังหน้ามืดตามัวอยู่ไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ก็ยังอวดเบ่งอยู่ด้วย

“นิสัยสะใภ้รองแย่ลงเรื่อย ๆ ไม่รู้จะมีวันที่เสียใจกับสิ่งที่ทำหรือเปล่า!” เธอถอนหายใจ

บรรยากาศรอบข้างเย็นลง ฝ่ายสามีก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน

เช้าวันต่อมา หลังจากเก็บข้าวของ เราก็เดินทางไปยังตัวอำเภอ

เราซื้อตั๋วเดินทางเอาไว้รอบบ่าย มีเวลาเหลือเฟือเลย

ครอบครัวจู้จื่อก็อยู่ที่นั่นด้วย

ตอนเรามาถึงก็ตรงไปยังร้านของเขาทันที

ภรรยาจู้จื่อออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น ก่อนเราจะถามว่าทำไมช่วงนี้ไม่เปิดร้านเลย แต่อีกฝ่ายตอบด้วยรอยยิ้มแล้วเชิญเข้าไปข้างใน

ต้องบอกเลยว่าเธอเป็นคนที่เก่งจริง ๆ จัดการร้านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทีเดียว

“เมียจู้จื่อ ร้านเป็นระเบียบดีจังเลย!” คุณย่าซูเอ่ยด้วยความตื้นตันใจ

ธุรกิจร้านอาหาร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสะอาด!

“เราจะคิดแต่เรื่องหาเงินไม่ได้หรอกค่ะ ต้องทำให้คนมากินสบายใจด้วย!” อีกฝ่ายยิ้มแล้วจุดไฟต้มน้ำ

อากาศร้อนแบบนี้ต้องดื่มน้ำให้มาก ๆ จะดีกว่า แม้จะยังเช้าอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรมาหยุดรั้งพวกสะใภ้ออกตัวไปช่วยอีกแรง

ส่วนคนอื่น ๆ นั่งลงคุยกัน

ในห้องครัว ภรรยาของจู้จื่อถามพี่สะใภ้ทั้งสาม

“ตอนที่จะเปิดร้าน ลานบ้านหลังหนึ่งราคา 200 หยวนค่ะ พอซื้อได้ไม่เท่าไรราคาก็เพิ่มขึ้น ราคาในตอนนี้อย่างน้อยสองเท่าเลยค่ะ”

เรื่องนี้เธอภูมิใจมากที่ราคาบ้านมันเพิ่มขึ้นมาก ถือได้ว่าร้านเราได้เงินคืนเลยนะ

“จริงจ้ะ ราคาบ้านเดี๋ยวนี้สูงขึ้นมากเลย ตอนที่พี่หาเงินได้แล้วเอาไปซื้อบ้านในตัวเมืองมณฑล เรือนหลังนั้นตอนแรกทั้งทรุดโทรมตัวลานก็ไม่ได้กว้าง แต่ทำเลที่ตั้งดี แล้วราคาตั้ง 1500 หยวนแน่ะ” ฉีเหลียงอิงยิ้ม

ถ้าไม่ใช่เพราะเราต้องเปิดร้าน มีหรือจะยอมจ่าย

แต่หลังจากนั้นราคามันก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เธอเองก็ดีใจเช่นกัน

“สะใภ้สี่ เธอลองดูนะว่าตอนนี้มีเงินในมือหรือเปล่า รอหาซื้ออีกสักหลังไว้ เผื่อราคาเพิ่มขึ้นจะได้ขายเอามาทำเงินนะ!”

เหลียงซิ่วนึกเรื่องที่ลูกสาวเคยบอกไว้ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่เอ่ยออกมาหรอก แต่ตอนนี้เห็นครอบครัวจู้จื่อกำลังมีชีวิตที่ร่ำรวยขึ้นแล้วจึงบอกไป

แน่นอนว่าตัวภรรยาจู้จื่อเองก็ไม่ได้นับว่าไม่มีเงิน เธอจึงตอบตกลงทันที เห็นแบบนี้เธอก็มีเงินกับคนอื่นเขาเหมือนกันนะ