หลังจากลี่หุยเจอผู้หญิงคนนั้นไม่กี่วัน เขาก็เอาแต่คิดถึงเธอ รู้สึกเสียใจมากที่วันนั้นไม่หน้าด้านพอที่จะขอช่องทางการติดต่อของผู้หญิงคนนั้น
ผ่านไปไม่ถึงสองวัน เที่ยงวันหนึ่งหลังจากเลิกงานเขากินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารข้างบริษัท เจอผู้หญิงคนนั้นกำลังไปกินข้าวกับเพื่อนของเธอ ทั้งยังเป็นผู้ชาย
หลังจากลี่หุยเจอเธอ เขาก็ยิ่งเสียใจ เขาเข้าใจผิดคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนของผู้หญิงคนนั้น ครุ่นคิดในใจว่าตนลงมือช้าไป ดูท่าผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ
ตอนนี้ตนไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ถ้าคิดจะไปแย่งเธอมาละก็ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง อีกทั้งตนก็ไม่ใช่พวกคนต่ำทรามแย่งแฟนของคนอื่น
ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นลี่หุยเหมือนกัน เธอทักทายนเขาด้วยความดีใจ แต่ลี่หุยดูไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่ เขาเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น หันไปมองสายตาพิจารณาของผู้ชายคนนั้น ลี่หุยรู้สึกประหม่ายิ่งกว่าเดิม
คิดไม่ถึงว่า ผ่านไปไม่กี่วัน ลี่หุยไปถึงหน้าประตูของแม่น้ำเซนแล้ว แต่เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนรอคนอยู่ตรงหน้าประตู ถึงแม้ภายในใจของเขาจะรู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังคงพยักหน้าให้เธอเงียบๆ แล้วเดินเข้าไป
ลี่หุยเพิ่งเดินไปสองก้าว มีแรงหนึ่งหยุดเขาเอาไว้ “คุณไม่อยากเจอฉันเหรอคะ?”
ลี่หุยหันกลับไป ยิ้ม “ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ผมจะไม่อยากเจอได้ยังไงครับ”
“แล้วทำไมทั้งสองครั้งที่คุณเจอฉัน สีหน้าของคุณจึงดูไม่สบอารมณ์เอามากๆด้วยคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นเหมือนมารอลี่หุยที่นี่โดยเฉพาะ แล้วถามคำถามนี้กับเขา
“เปล่าครับ คุณคิดมากไปแล้ว ผมแค่รู้สึกว่าเราเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นก็เท่านั้น”
ลี่หุยเห็นเธอเป็นฝ่ายเข้ามาพูดกับตน ภายในใจของเขารู้สึกดีใจอยากมาก แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันชื่อคินะ คุมิโกะ ฉันรู้ว่าคุณนามสกุลลี่ เมื่อคราวที่แล้วตอนที่คุณช่วยฉัน ฉันได้ยินพวกเขาเรียกคุณว่าคุณชายลี่”
คินะ คุมิโกะซุกซนอย่างมาก กะพริบตาให้ลี่หุย พร้อมกับยื่นมือออกไป
“ผมชื่อลี่หุย คุณบอกว่าคุณชื่อคินะ คุมิโกะ คุณเป็นคนญี่ปุ่นเหรอครับ? ทำไมถึงพูดภาษาพวกเราได้คล่องขนาดนี้”
ลี่หุยจับมือของเธอ จับไปสองวินาที ถึงแม้จะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ปล่อยมือเธอ
มือของเธอนุ่มมาก ผิวเนียนละเอียด นี่เป็นความรู้สึกแรกของเขาตอนที่จับมือของคินะ คุมิโกะ
“ตอนนี้ ถือว่าเรารู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ เอาไงดีคะ อยากจะเลี้ยงเครื่องดื่มฉันสักแก้วไหม”
“ถ้าสามารถเลี้ยงเครื่องดื่มสาวสวยอย่างคุณได้ ถือเป็นเกียรติของผมครับ”
สาวสวยบอกให้ลี่หุยเลี้ยงเครื่องดื่มเธอด้วยตนเองแล้ว แน่นอนว่าลี่หุยไม่มีวันพลาดโอกาสนี้
ทั้งสองเข้าไปในห้องที่ลี่หุยใช้ประจำ ลี่หุยสั่งให้พนักงานหยิบเหล้าชั้นดีที่ปกติตนดื่มออกมา ลี่หุยรินเหล้าสองแก้ว แล้วยื่นให้คินะ คุมิโกะหนึ่งแก้ว
“คินะ คุมิโกะ เชิญครับ!”
ดูเหมือนรอยยิ้มเปล่งประกายของลี่หุยจะดึงดูดคินะ คุมิโกะแล้ว เธอจับจ้องไปที่หน้าของเขา แม้แต่แก้วที่ลี่หุยยื่นให้เธอก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น
พูดตามตรง ถึงแม้ลี่หุยจะไม่ใช่คนที่ดีอะไร แต่อย่างนั้นก็เป็นพี่น้องคนละแม่ของลี่จุนถิง เป็นธรรมดาที่หน้าตาของเขาต้องดี แค่เขาไม่มีความเป็นผู้ชายเหมือนลี่จุนถิงก็เท่านั้น หน้าตาของเขาเหมือนจ้าวเฟยเฟยมากกว่า เป็นผู้ชายประเภทหน้าตาสวย
“คุณคินะ คุณคินะ?”
ลี่หุยโบกมือไปมาตรงหน้าเธอ แล้วร้องเรียก
ในที่สุดคินะ คุมิโกะก็ดึงสติกลับมา รับเหล้าจากลี่หุย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ยิ้มด้วยความเขินอาย
“ขอโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้ฉันมองเพลินไปหน่อย คุณอย่าแต่เรียกฉันว่าคุณคินะเลยค่ะ เรียกฉันว่าคุมิโกะก็พอแล้ว อีกเรื่องหนึ่งฉันขอเรียกคุณว่าคุณลี่ได้ไหมคะ?”
“ทำไมต้องเรียกผมว่าลี่จุนด้วยครับ? คุณเรียกผมว่าลี่หุยก็ได้” ลี่หุยรู้สึกแปลกใจ
“ฉันเป็นคนญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่น ในกลุ่มคนอายุเท่ากันที่สนิทสนมกัน เราจะเรียกว่าคุณ”
คุมิโกะอธิบายให้ลี่หุยฟังด้วยความร่าเริงสดใส
“ที่นี่คือประเทศจีน คุณเรียกผมว่าลี่หุยเถอะครับ ส่วนผมก็เรียกคุณว่าคุมิโกะ”
“ได้ค่ะ” คุมิโกะยิ้ม ลี่หุยมองด้วยความหลงใหล
ค่ำคืนนี้ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข ตอนกลางคืนลี่หุยส่งคุมิโกะกลับไปที่พักของเธอ ยังคงรู้สึกไม่อยากจากกัน
จากกันพูดคุยกันตลอดทั้งคืน ลี่หุยรู้ว่าคินะ คุมิโกะเป็นใครมาจากไหน เขาพอใจอย่างมาก
คินะ คุมิโกะไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นลูกสาวของตระกูลคินะที่เกียวโต ตระกูลคินะที่เกียวโตนี้เป็นตระกูลใหญ่ ตำแหน่งของพวกเขาในญี่ปุ่นไม่น้อยไปกว่าบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
ก่อนที่จะเปลี่ยนเมืองหลวงเป็นโตเกียว เกียวโตคือเมืองหลวงของญี่ปุ่นมาโดยตลอด เป็นเมืองด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น แต่ก็ยังเป็นเมืองที่มีความยิ่งใหญ่ด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมายาวนานทำให้เกียวโตเป็นเมืองที่มีร่องรอยทางด้านประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งยังเป็นหนึ่งในเมืองวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่น
นอกจากนี้เกียวโตยังเป็น “เมืองแห่งการศึกษา” ของญี่ปุ่นตะวันตก ในเขตพื้นที่เคฮันชิงมีคำกล่าวที่ว่า “เรียนหนังสือที่เกียวโต หาเงินที่โอซาก้า ใช้ชีวิตในโกเบ” เห็นการพัฒนาด้านการศึกษาของเกียวโตได้อย่างชัดเจน
เหล่านักศึกษาที่เรียนในเกียวโต หลังจากเรียนปริญญาตรีหรือปริญญาโท บริษัทที่พวกเขาอยากจะเข้าไปทำงานที่สุดก็คือบริษัทของครอบครัวคินะ คุมิโกะ
ธุรกิจในเครือบริษัทคินะ คุมิโกะได้แก่บริษัทผลิตแอนิเมชั่นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งยังมีบริษัทการบันเทิงที่มีชื่อเสียงระดับโลก เกมของบริษัทนี้คือหนึ่งในสามบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมเกมอิเล็กทรอนิกส์
แค่คิดก็รู้แล้วว่า ตระกูลคินะร่ำรวยมากเท่าไหร่ อีกทั้งธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดของบริษัทเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
จากการพูดคุยกันในคืนนี้ ลี่หุยรู้สึกได้ว่าคุมิโกะมีใจให้เขา เขาสามารถยืมแรงจากคุมิโกะ โจมตีลี่จุนถิงอีกครั้ง
ดูท่าสวรรค์ไม่ได้บีบให้เขาจนตรอก ทั้งยังให้ความหวังสุดท้ายกับเขา
ครั้งนี้ถ้าหากสำเร็จ เขาจะมีทั้งหญิงงามและเงินทอง
ระหว่างทางกลับบ้าน ลี่หุยขับรถไปด้วยและหัวเราะออกเสียง เขาดูมีความสุขอย่างมาก แต่ภายในใจก็ยังคงความหวาดระแวง เขาต้องสืบตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้น ถ้าเป็นเรื่องจริงละก็ เธอคือของขวัญที่สวรรค์ส่งมาให้ลี่หุยชัดๆ
หลังจากคุมิโกะกลับไปที่ห้อง วางของลง แล้วกดโทรออก
“หัวหน้าคะ เหยื่อติดกับแล้วแล้วค่ะ”
“เยี่ยม!เยี่ยมมาก!ทำตามแผนของเราต่อ”
ถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้คือคนของอาเธอร์ เธอคือจารชนที่อาเธอร์ส่งไป เพื่อยั่วยวนลี่หุย ทำให้เขาติดกับ จากนั้นลักพาตัวเขา แล้วใช้เขาเป็นตัวล่อเจียงหยุนเอ๋อออกมา
ในเวลาเดียวกันที่อาเธอร์ส่งผู้หญิงคนนี้ไปยั่วยวนลี่หุย เขาก็หาโอกาสลักพาตัวเจียงหยุนเอ๋อ ตลอดเวลา
แต่ว่า ลี่จุนถิงรักษาความปลอดภัยอย่างดี คนของพวกเขาไม่สามารถเข้าไปใกล้เจียงหยุนเอ๋อได้เลย แม้แต่ช่วงวันที่เจียงหยุนเอ๋อฝึกขับรถ ก็มีคนคอยปกป้องเธออย่างลับๆ
ตอนที่พวกเขาไปเก็บสตรอว์เบอร์รี คนของอาเธอร์คอยสะกดรอยตามอยู่ด้านหลังตลอดเวลา แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ลี่จุนถิงจับได้ จึงไม่กล้าบุกไป
อาเธอร์เป็นกังวลอย่างมาก ตอนนี้ความหวังเดียวของเขาอยู่ที่คุมิโกะแล้ว