บทที่ 751 ข้ออ้างที่ไร้ช่องโหว่

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 751 ข้ออ้างที่ไร้ช่องโหว่

บทที่ 751 ข้ออ้างที่ไร้ช่องโหว่

โรงเตี๊ยมภายในเมืองเล็ก ๆ นั้นเต็มไปด้วยกองทหารราชองครักษ์จากเมืองหลวง อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าก็อยู่ในนั้นด้วย พวกเขาได้ติดต่อกับกำลังเสริมที่ส่งมาจากเมืองหลวงแล้ว

อ๋องเหลียงและหลิวเหย่ามักมีความมั่นใจและหยิ่งผยอง เพราะพวกเขามักจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดและยังเป็นถึงญาติขององค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีอีกด้วย

แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายใจ พวกเขาแอบมองชายผู้หนึ่งเป็นครั้งคราวราวกับว่ากำลังพยายามคาดคะเนอารมณ์ของอีกฝ่าย

ไม่มีใครสามารถตำหนิทั้งสองที่แสดงอาการระมัดระวังแบบนี้ได้ แม้ว่าสถานะของชายตรงหน้าจะต่ำกว่าพวกเขา แต่ความแข็งแกร่งและตำแหน่งของชายตรงหน้านั้น ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องเกรงใจ แน่นอนว่าชายที่อ๋องเหลียงและหลิวเหย่ากำลังมองอยู่ไม่ใช่ใครอื่น

เขาคือจูเซี่ยฉือซิน ผู้บัญชาการสูงสุดของเหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรแห่งต้าโจว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีขุนนางมากมายนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงถูกจูเซี่ยฉือซินบดขยี้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ทั้งสองคนไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีโอหัง

พวกเขาได้รับมอบหมายงานใหญ่ในการจับซูอัน แต่พวกเขากลับทำพลาดแถมยังทำให้เหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งสิบคนตกตายจนหมด

ถ้าสามารถจับหลู่ซานหยวนได้ อย่างน้อยพวกเขาก็อาจจะสามารถชดเชยความผิดได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ระดับการบ่มเพาะของหลู่ซานหยวนนั้นสูงเกินไป และถึงแม้จะร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้

หลังจากนี้มีเพียงผลลัพธ์เดียวที่เป็นไปได้คือพวกเขาจะถูกปลดจากตำแหน่งและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ทั้งสองคนเป็นญาติของจักรพรรดิและจักรพรรดินี ดังนั้นพวกเขาคงไม่ประสบชะตากรรมที่น่าสังเวชเหมือนขุนนางคนอื่น ๆ แต่พวกเขาจะไม่มีโอกาสก้าวหน้าอีกต่อไป หากจูเซี่ยฉือซินพูดถึงพวกเขาในทางที่ไม่ดีเมื่อกลับไปที่เมืองหลวง

สีหน้าของจูเซี่ยฉือซินขณะนี้กำลังมืดหม่นอย่างหนัก เขาสังเกตเห็นท่าทางกระวนกระวายของอ๋องเหลียงและหลิวเหย่าเช่นกัน แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ

เหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรที่จูเซี่ยฉือซินส่งออกไปหาข่าวเริ่มพากันกลับมาทีละคน

“รายงานท่านผู้บัญชาการ! เราไม่พบตำแหน่งของแม่ชียุง”

“รายงานท่านผู้บัญชาการ! เราไม่พบตำแหน่งของซูอัน”

“ไม่มีวี่แววของคุณหนูตระกูลเพ่ยเช่นกัน”

เปลือกตาของจูเซี่ยฉือซินกระตุกถี่ยิบเมื่อได้รับรายงานที่น่าผิดหวังเหล่านี้ เขาเหลือบมองหญิงสาวที่งดงามเลิศล้ำด้านข้างและพูดว่า “คุณหนูใหญ่ฉู่ ข้าเกรงว่าเราต้องการคำอธิบายจากเจ้า!”

“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านจะให้ข้าอธิบายอะไร” ฉู่ชูเหยียนตอบกลับอย่างเฉยเมย

อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าตกตะลึง หญิงสาวคนนี้แสดงความองอาจอย่างชัดเจนเพราะความไม่รู้ของนาง

นางไม่รู้ว่าจูเซี่ยฉือซินนั้นน่ากลัวแค่ไหนในเมืองหลวง! แม้แต่เด็กยังไม่หย่านมแม่ก็ยังรู้ว่าต้องเกรงกลัวชายคนนี้!

อย่างไรก็ตาม หัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมเช่นกัน พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่มาก่อน แต่พวกเขาเคยเห็นนางเพียงแวบเดียวจากที่ห่างไกล พวกเขาไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน ดังนั้นแม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะอยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่มีโอกาสเหมาะสมที่พวกเขาจะมีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับนาง

ตอนนี้พวกเขาได้เห็นแล้วว่านางเป็นอย่างไรในระยะใกล้ ตามที่คาดไว้ นางช่างดูสูงส่งเหนือคนสามัญจริง ๆ

เมื่อพิจารณาจากสถานะทางสังคมของพวกเขาแล้ว พวกเขาทั้งสองได้เห็นหญิงสาวมามากมาย แต่ผู้หญิงที่เฉียบแหลมและกล้าหาญเช่นนี้นั้นหายากจริง ๆ และสิ่งที่ทำให้นางโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีกก็คือความเย่อหยิ่งเย็นชาและบุคลิกอันสูงส่งของนาง

ตอนนี้ แม้นางกำลังเผชิญหน้ากับจูเซี่ยฉือซินซึ่งแข็งแกร่งเหนือกว่านางมาก แถมยังกุมชีวิตของผู้คนนับไม่ถ้วนไว้ในมือของเขา แต่นางกลับยังคงสามารถรักษาท่าทีไม่แข็งกร้าว แต่ก็ไม่อ่อนแออย่างไร้ที่ติ กิริยาที่สงบนิ่งขนาดนี้หาไม่ได้จากหญิงสาวผู้อื่นอย่างแน่นอน

บุคลิกที่เลิศล้ำเช่นนี้ย่อมทำให้ไม่ว่าชายใดมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะพิชิตนาง และผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรกับผู้ชายธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน

ทว่าก่อนหน้านี้นางดันกลายไปเป็นดอกไม้ที่ปักอยู่บนกองมูลวัวที่ชื่อว่าซูอันซะแล้ว!

ทั้งสองคนเกิดความคิดเดียวกันโดยบังเอิญ เพราะทั้งคู่จำได้ว่าซูอันทำตัวลามกอนาจารและไร้ยางอายเพียงใดระหว่างการเดินทาง

ในความเห็นของพวกเขา คนที่คู่ควรกับฉู่ชูเหยียนควรจะเป็นนายน้อยที่สูงศักดิ์สง่างามและหล่อเหลาสักคน และต้องเป็นอัจฉริยะในฐานะผู้บ่มเพาะตั้งแต่เกิด แต่ไอ้เด็กเวรซูอันนั้นไม่ต่างจากกุ๊ยข้างถนน ไม่ว่าพวกเขาจะมองจากมุมไหน พวกเขาก็ไม่รู้ว่าส่วนไหนของซูอันที่ดึงดูดใจของฉู่ชูเหยียนได้

เมื่อคิดถึงเสน่ห์ของซูอัน พวกเขาก็มองไปที่เจิ้งตานที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่รู้ตัว ลูกสะใภ้ของตระกูลซ่างปฏิบัติต่อซูอันค่อนข้างดีเช่นกัน นางไม่พูดอะไรมากแม้ว่าซูอันจะรังแกนาง และดูเหมือนทั้งสองจะสนิทชิดเชื้อกัน

แถมยังก็มีบุตรีสวรรค์ของสำนักมารและคุณหนูของตระกูลเพ่ยด้วย ทั้งสองคนนั้นก็ดูจะสนิทกับซูอันเช่นกัน

ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งงุนงง เดี๋ยวนี้พวกเด็กสาวสวย ๆ ชอบผู้ชายที่ดูเหมือนกุ๊ยข้างถนนกันหมดแล้วงั้นเหรอ?

จูเซี่ยฉือซินตัดความคิดเพ้อฝันของเขาด้วยการสูดลมหายใจเข้า “ข้าจำได้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่สัญญากับข้าว่า เจ้าจะไม่ช่วยซูอันหลบหนี เจ้าสาบานด้วยชื่อตระกูลฉู่ แต่แล้วทำไมตอนนี้เจ้าถึงทำให้ตระกูลฉู่ทั้งหมดตกอยู่ในอันตรายเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว??”

ฉู่ชูเหยียนรักษาท่าทีสงบนิ่งของนาง “ข้าให้สัญญาเช่นนั้นจริง และข้าไม่ได้ช่วยซูอันหลบหนี”

“แล้วทำไมตอนที่ข้ามาถึงซูอันถึงหายไปแล้ว!” จูเซี่ยฉือซินพูดเสียงเย็นชา รูปลักษณ์ที่งดงามของนางไม่ได้ส่งผลกับความคิดอ่านของเขาแม้แต่น้อย

ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของทูตยุทธ์เสื้อแพร เขาได้ฝึกฝนตนเองมานานแล้วเพื่อให้ไม่ได้รับผลกระทบจากเสน่ห์ของสตรีไม่ว่าจะงดงามเพียงใด

ฉู่ชูเหยียนตอบกลับ “ในตอนนั้นแม่ชียุงกำลังจะฆ่าทั้งเพ่ยเหมียนหมานกับอาซู และสมาชิกของสำนักมารก็ตั้งใจจะจับพวกเขาเช่นกัน ข้าไม่มีความสามารถที่จะปกป้องพวกเขาทั้งคู่ ดังนั้นข้าจึงสั่งให้พวกเขาหนีออกไปก่อนเพื่อเอาชีวิตรอด ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้ซูอันหนีไป”

“แล้วเหตุใดต่อมาสมาชิกของสำนักมารจึงตกลงร่วมมือกับเจ้า? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังปล่อยคนของสำนักมารไปเมื่อข้ามาถึง หรือว่าตระกูลฉู่ของเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับสำนักมารมานานแล้ว?”

จูเซี่ยฉือซินเอนตัวมาข้างหน้า สายตาของเขากดดันนางอย่างมาก และเสียงของเขาก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ

อ๋องเหลียงและหลิวเหย่ายืดหลังตรงโดยไม่รู้ตัวเพราะความเกรงกลัวต่อท่าทางที่กดดันของจูเซี่ยฉือซิน

ซ่างหง ซ่างเฉี่ยน และเจิ้งตานได้แลกเปลี่ยนสายตากัน นี่เป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่อย่างแน่นอน จักรพรรดิหาทางจัดการกับตระกูลฉู่มาตลอด และอาชญากรรมครั้งนี้จะเป็นจุดจบของตระกูลฉู่!

ฉู่ชูเหยียนตระหนักเรื่องนี้อย่างชัดเจนเช่นกัน นางขมวดคิ้ว “ท่านจูเซี่ยโปรดอย่าพูดคำที่น่ากลัวเช่นนี้ ตระกูลฉู่ของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักมาร สาเหตุที่ข้าและคนของสำนักมารร่วมมือกันก่อนหน้านี้เป็นเพราะแม่ชียุงแข็งแกร่งเกินไป ทุกคนล้วนไม่ใช่คู่มือของนาง”

หลังจากหยุดชั่วครู่ นางก็กล่าวต่อ “ท่านจูเซี่ยเองก็น่าจะตระหนักดีถึงความเก่งกาจของแม่ชียุง ด้วยความเคารพ แม้แต่ท่านเองก็ไม่สามารถจับกุมนางเอาไว้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับข้า ส่วนเรื่องที่สำนักมารถือโอกาสหลบหนีไปได้สำเร็จนั้น มันเป็นเพราะข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านจะให้ข้าเอาอะไรไปยับยั้งพวกเขากัน?”

จูเซี่ยฉือซินแทบจะสำลักลมหายใจของตัวเอง คำพูดของผู้หญิงคนนี้มีเหตุผลทุกอย่าง มันเป็นความจริงที่แม่ชียุงสามารถหนีรอดจากเขาไปได้ในท้ายที่สุด อันที่จริงหากเรื่องนี้ถูกตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เขาเองนั่นแหละที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

สีหน้าของเขายิ่งหม่นหมองมากขึ้น แม่ชียุงนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นนางคงไม่สามารถลอยนวลอยู่ได้หลายปีทั้ง ๆ ที่มีผู้คนมากมายตามล่านางเช่นนี้

สำหรับผู้คนของสำนักมารเหล่านั้นที่ฉวยโอกาสหลบหนีไปได้สำเร็จ

อันที่จริงตอนนั้นบุตรีสวรรค์ของสำนักมารได้วิ่งไปทางฉู่ชูเหยียนซึ่งอย่างน้อย ๆ ฉู่ชูเหยียนก็น่าจะรั้งอีกฝ่ายไว้ได้บ้าง แต่ท้ายที่สุดนางกลับไม่ทำอะไรเลย คล้ายกับว่าจงใจจะปล่อยให้อีกฝ่ายไปอย่างหน้าตาเฉย

แต่น่าเสียดายที่คำอธิบายของนางนั้นสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เขาไม่มีหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาได้

ใบหน้าของจูเซี่ยฉือซินเกือบจะดำเหมือนถ่าน แต่ทันใดนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาก็เข้ามาขัดจังหวะ “รายงาน! มีการค้นพบบางอย่างที่ลานด้านหลังโรงเตี๊ยม!”

รายงานนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่คาดฝัน ดังนั้นจูเซี่ยฉือซินจึงลุกขึ้นไปดูอย่างรวดเร็ว คนอื่น ๆ ก็ติดตามไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น