บทที่ 583 หยินหยางไม่ตัดสินใจ (2)
การอยู่ในแดนมนุษย์ที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจนั้น ความจริงแล้ว นับเป็นประสบการณ์รูปแบบหนึ่งของการฝึกบำเพ็ญเช่นกัน ทว่ามีเซียนน้อยคนนักที่สามารถกลับคืนสู่วิถีเดิมของพวกเขาได้
หลังจากได้เป็นเจ้าหน้าที่ในแดนมนุษย์แล้ว หัวใจเต๋าและฐานเต๋าของพวกเขาจะเสียหายซึ่งส่งผลต่อการลดทอนอายุขัย ซึ่งเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะฟื้นตัวได้
ปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ได้รักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างผลประโยชน์ที่ได้มาและการสูญเสียไป
ประการที่สอง เป็นอาณาจักรที่มีภูมิหลังของสำนักเซียนที่แข็งแกร่ง สำนักเซียนขนาดใหญ่จะส่งศิษย์ของพวกเขาเพื่อให้รับใช้อาณาจักรโดยตรง
สถานการณ์เช่นนี้ จะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ส่วนภาคกลางของดินแดนเทวะทักษิณเป็นหลัก
อาณาจักรมนุษย์หลายแห่งเป็นตัวแทนของสำนักเซียนอยู่แล้ว พวกเขาได้จัดหา “ความมั่งคั่ง” และ “เมล็ดพันธุ์อมตะ” ที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุดให้กับสำนักเซียน
ประการที่สาม พวกเขาต้องการเข้าสู่เส้นทางของการเป็นศิษย์และการฝึกบำเพ็ญก่อนที่จะกลับสู่แดนมนุษย์เหมือนที่หยวนชิงทำ
สถานการณ์ทั้งสามประการนี้ก็ได้เริ่มปรากฏขึ้น นับตั้งแต่จักรพรรดิต้าอวี่กลับมาที่ถ้ำเมฆไฟ และตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นบรรทัดฐานในแดนมนุษย์แล้ว
ในอาณาจักรขนาดใหญ่ในดินแดนเทวะทักษิณและดินแดนเทวะบูรพา ราชวงศ์อาจพัฒนาฝ่าย “กองกำลังพิทักษ์กษัตริย์” ที่ทรงพลัง หรือกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกฝ่ายขั้วอำนาจเซียนควบคุมอยู่เบื้องหลัง
ราชวงศ์มนุษย์ที่ทรงอำนาจมากกว่าจะใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้ตนเองได้รับการสนับสนุน สำนักตู้เซียนเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของอาณาจักรหงหลิน และเพลิดเพลินกับการบูชาอย่างต่อเนื่องของอาณาจักรหงหลินเช่นกัน
ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะดูแลศิษย์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าด้วยการสร้างเส้นลมปราณวิญญาณอย่างจำกัดภายในสองพันลี้รอบๆ สำนักได้อย่างไร?
เมื่อระเบียบแบบแผนของมนุษย์ถูกวิถีเซียนควบคุม มันย่อมโกลาหลวุ่นวาย
ความปรารถนาส่วนตัวของบรรดาเซียนนั้นได้ขยายออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดในแดนมนุษย์ พวกเขาได้ถูกปีศาจรบกวนมาตั้งแต่แรกแล้ว
หลี่ฉางโซ่วยังมีแนวคิดที่ชัดเจนหนึ่งหรือสองข้อสำหรับเรื่องนั้นเช่นกัน เป็นเพียงว่ายังไม่ถึงเวลาสุกงอมเท่านั้น หากเขา “ปฏิรูป” อย่างรุนแรง มันอาจจะสั่นคลอนรากฐานและโชคชะตาของสำนักบำเพ็ญเต๋าได้ …
“สังหารปีศาจตนนี้เสีย!”
หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นและเห็นเซียนเทียนสองสามคน กำลังออกโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา ในขณะนั้น มีลำแสงมากกว่าสิบสายพุ่งออกมาเพื่อโจมตีปีศาจนกยูง
ปีศาจนกยูงกรีดร้องและร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าทันที โหย่วฉินเสวียนหย่าชี้กระบี่ของนางออกไปข้างหน้าและพุ่งถลาออกไปในขณะที่กระบี่บินหลายสิบเล่มมารวมตัวกันต่อหน้านางก่อนจะก่อตัวขั้นเป็นกระบี่ยาวขนาดสามจั้ง แล้วฟันไปที่คอของปีศาจนกยูง!
ชั่วเวลานั้น ปีศาจนกยูงพยายามดิ้นรนสุดกำลัง มันหันหัวไปจ้องมองโหย่วฉินเสวียนหย่า แล้วเสี้ยวเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมัน จากนั้นร่างของมันก็ถูกเปลวเพลิงลุกท่วมอย่างรวดเร็ว มันร่วงลงมากระแทกกับบนพื้นราวกับดาวตก ทำให้เกิดคลื่นไฟสาดกระเซ็นเปลวเพลิงออกมา
โหย่วฉินเสวียนหย่าแตะแขนดุจหยกของนางด้วยมือซ้าย และนิ้วกระบี่ที่มือขวาของนางก็สั่นเล็กน้อย ร่างของนางหยุดทันที แล้วนางก็บินถอยหลังไปในขณะที่พลังเซียนรอบกายนางหมุนวนราวกับบุปผาสีฟ้าเย็นยะเยือกที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี
ทันใดนั้นกระบี่ขนาดใหญ่ก็สะบั้นคลื่นเปลวเพลิงนั้นออกไป มันถูกห่อหุ้มด้วยแสงเซียนสีฟ้าเย็นยะเยือกขณะที่มันมุ่งตรงไปที่หัวปีศาจนกยูง!
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วใจเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาฉับพลัน
กระบี่ขนาดใหญ่ฟันฉับลงมา แล้วปีศาจนกยูงซึ่งถูกเปลวเพลิงเผาผลาญท่วมตัวก็ไม่อาจต้านทานได้ มันได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม และชั่วเวลาต่อมา ก็ดูเหมือนว่า หัวของมันจะปลิวกระเด็นออกไป และปีศาจใหญ่ก็ถูกปลิดชีพลง
ณ เวลานี้!
จู่ๆ คลื่นเปลวเพลิงก็หยุดลง และกระบี่ใหญ่ที่ร่วงหล่นลงมาก็ถูกแช่แข็ง ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ในขณะนั้น มีแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วปีศาจนกยูงก็หายไปทันที
ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักได้ทันทีว่าความสงบนิ่งของคลื่นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงและความนิ่งของกระบี่ขนาดใหญ่นั้น ล้วนเป็นภาพลวงตา ทว่าแสงสีเขียวนั้นรวดเร็วเกินไปจริงๆ
เมื่อกระบี่ขนาดใหญ่ตัดผ่านอากาศ เปลวเพลิงก็สลายไป โหย่วฉินเสวียนหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่ผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนล้วนตกตะลึง ส่วนแม่ทัพแห่งอาณาจักรหงหลินที่อยู่ด้านล่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
“เหอะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงแค่นคำรามเย็นชาดังขึ้นมาจากฟากฟ้า เขามองตามเสียงนั้นไปและเห็นร่างหนึ่งลอยอยู่เงียบๆ บนท้องนภาภายใต้แสงจันทรายามราตรี
จากนั้นคนที่เพิ่งปรากฏตัวก็ก้าวออกมาข้างหน้า มีแสงห้าสีกะพริบวิบวับอยู่บนร่างของเขาในขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าโหย่วฉินเสวียนหย่าและผู้อาวุโสแห่งสำนักตู้เซียน
ก่อนที่เขาจะทันได้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างชัดเจน ก็มีแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นและปีศาจนกยูงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเขา…
คนผู้นั้นยกมือขึ้นแล้วแตะเบาๆ ต่อหน้าบรรดาเซียนแห่งสำนักตู้เซียน ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่อยู่รอบๆ ร่างของปีศาจนกยูงก็หดกลับคืนสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว และร่างของปีศาจก็หดตัวลงอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลายเป็นรูปลักษณ์ของเด็กสาวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนเมฆ
ผู้อาวุโสก้าวออกไปข้างหน้าทันทีและปกป้องโหย่วฉินเสวียนหย่าให้อยู่ข้างหลังพวกเขา
ในขณะนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าได้โบกนิ้วกระบี่มือขวาของนาง จากนั้นกระบี่ใหญ่ก็แยกตัวออกเป็นกระบี่บินมากกว่าสิบเล่มแล้วเข้าล้อมรอบร่างของนาง นางเฝ้าดูการปรากฏตัวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้อย่างระมัดระวัง…
บุรุษ?
คนผู้นั้นไม่ได้แผ่พลังสะกดข่มของเขา เขามีรูปร่างผอมเพรียวและเส้นผมยาวสลวยของเขาแผ่สยายกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบ เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวมรกต แต่ใบหน้าของเขาค่อนข้างดูเหมือนสตรีซึ่งดูงดงามทีเดียว
สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือ เขาไม่มีกลิ่นอายของบุรุษเพศเลย และปราศจากกลิ่นอายของสตรีด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่า หยินและหยางจะผสมผสานกันอย่างลงตัวในร่างกายของเขา มันได้อธิบายความงามที่ไม่อาจพรรณนาได้อย่างหมดจดครบถ้วน…
เมื่อคนผู้นั้นกล่าวออกมา น้ำเสียงของเขาก็ไม่อาจบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นบุรุษหรือสตรี และยังมีความหยิ่งทะนงแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นอีกด้วย
“นางสังหารคนไปมากเท่าใดแล้ว?”
“สหายเต๋า เจ้าหมายความอันใด?” ผู้อาวุโสจากสำนักตู้เซียนขมวดคิ้ว
“ตัดกรรม” คนผู้นั้นกล่าวอย่างสงบ “จะให้ข้าสังหารคนที่นี่ทั้งหมด หรือเจ้าจะบอกข้าว่านางสังหารมนุษย์ไปมากเท่าใด แล้วข้าจะช่วยชีวิตมนุษย์ตามจำนวนที่สอดคล้องกัน เมื่อทำเช่นนี้ พวกเราก็จะไม่เป็นหนี้กรรมต่อกัน”
ผู้อาวุโสแห่งสำนักตู้เซียนหรี่ตา พลังเวทเคลื่อนย้ายที่คนผู้นั้นเพิ่งใช้ในการปรากฏตัวเมื่อครู่นี้ ได้เปิดเผยให้เห็นถึงขอบเขตเต๋าที่ไม่ธรรมดาของเขา
โหย่วฉินเสวียนหย่าแค่นเสียงและกำลังจะปฏิเสธเขาทันที ทว่าจู่ๆ ก็มีข้อความเสียงที่ส่งเข้ามาในใจของนาง
“อย่าพูด เจ้าล่วงเกินเขาให้ขุ่นเคืองใจไม่ได้”
โหย่วฉินเสวียนหย่าขมวดคิ้วและกัดริมฝีปากล่าง
คนผู้นั้นเลิกคิ้วและกล่าวอย่างสงบว่า “ออกมาเถิด คนที่อยู่ใต้ดิน”
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปากสองสามครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้หลบซ่อนตัวมากนัก ทันใดนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็บินสูงขึ้นไปสามร้อยจั้ง ปลดปล่อยการใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย แล้วไปปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มแม่ทัพเซียน
เขาใช้รูปลักษณ์ของนักพรตเต๋าวัยกลางคน ‘ปรมาจารย์เต๋าน้อย’ ในขณะนั้นเขายืนเอามือไพล่หลังและเชิดหน้ามองท้องฟ้าด้วยท่าทางสูงส่งสง่าผ่าเผย
………………………………………………………………..