ตอนที่ 585 สามขั้นตอนและหนึ่งหลัก

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 585 สามขั้นตอนและหนึ่งหลักสูตรการรักษา (1)

นี่คือ นกยูงตัวแรกในตำนานของโลก?

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วยืนอยู่บนก้อนเมฆ และเฝ้ามองไปยังทิศทางที่ข่งเชวี่ยน พาเด็กสาว หายตัวไปพร้อมกัน ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นในใจของเขาระลอกแล้วระลอกเล่า

ประการแรก เขาต้องขออภัยปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างจริงจัง

เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งใช้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เป็นดั่งโล่กำบังเล็กน้อย

แต่แน่นอนว่า ความตั้งใจของเขาก็นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ!

นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้ให้สัญญาอะไรในนามของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน เขาเพียงเน้นย้ำถึงสถานะความเป็นอยู่ในยามนี้ของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น… เขากล่าวถึงสถานะความสัมพันธ์ของผู้เฒ่าหยางผู้บริสุทธิ์ได้อย่างงดงาม

จากบทสนทนาสั้นๆ เมื่อครู่นี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า ข่งเชวี่ยนยกย่องเลื่อมใสปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ตามบันทึกที่เขาเคยเห็นในตำราโบราณนั้น น่าจะเป็นเพียงฉบับย่อง่ายๆ เท่านั้น เขาคิดว่าสถานการณ์ในตอนนั้น มันน่าจะซับซ้อนกว่านี้อีกมาก…

ในฐานะศิษย์ไม่เป็นทางการของจอมปราชญ์ เขาย่อมไม่อาจพูดอะไรในเรื่องนี้ได้มากนัก

แต่จากการสนทนาเมื่อครู่นี้ หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องต้นกำเนิดของข่งเชวี่ยน เขายืนยันได้เพียงว่า ข่งเชวี่ยนมาจากเผ่าหงส์

และหลี่ฉางโซ่วก็ไม่อาจถามถึงที่มาของข่งเชวี่ยนตรงๆ ได้

เมื่อพิจารณาจากการปรากฏตัวของข่งเชวี่ยนในครั้งนี้ ปรมาจารย์จากเผ่าหงส์ผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่แน่นอนว่า เขาก็ไม่ได้มีเจตนาดีใดๆ เช่นกัน

เขาเป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนทั่วไป ความคิดที่มีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเขานั้นมาจากมุมมองที่แตกต่างออกไป เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สำคัญสำหรับเขาเลย และในความเห็นของเขา ไม่จำเป็นต้องมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ได้

เมื่อครู่ก่อนนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่ารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดที่นางอยากจะลงทัณฑ์ปีศาจนกยูงที่กินเนื้อและเข่นฆ่าผู้คน เป็นเพียงว่านางมีมุมมองต่อปัญหานั้นแตกต่างออกไป

“เฮ้อ…”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ แล้วร่อนลงไป หากข่งเชวี่ยนเลื่อมใสปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ แล้วเหตุใดปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงยอมเสียสละอัตตาของตัวเขาเองเพื่อรับสุดยอดอันธพาลที่ทรงพลังแข็งแกร่งยิ่งมาเป็นผู้ช่วยเหลือให้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินไม่ได้เล่า?

เหอะ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ออกอุบายทุกวี่วันเพื่อให้ข้าล่อลวงเทพธิดาอวิ๋นเซียวไป ทว่าตัวปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เองก็ยังปฏิเสธที่จะอยู่ห่างจากปรมาจารย์ผู้นี้ออกไปหลายพันลี้[1]…

การทำตัวให้เป็นแบบอย่างเป็นความรับผิดชอบของศิษย์พี่ใหญ่อย่างแท้จริง!

นอกจากนี้ หากไม่ปรารถนาจะมีความสัมพันธ์รักชายหญิง ก็ยังรับเป็นมิตรภาพแบบพี่น้องได้เช่นกัน

ดังนั้น จะเซวียนหรือเซวี่ยนล้วนไม่สำคัญ มันล้วนใช้ได้ทั้งสิ้น …

หลี่ฉางโซ่วยิ้มกริ่มอยู่ในใจ แล้วจู่ๆ เขาก็นึกถึงพาดหัวข่าวบทความหนึ่งที่จะเผยแพร่ออกไปในโลกบรรพกาลในอนาคต

“ตื่นตะลึงสุดๆ! แตกระเบิดครั้งใหญ่! ข่าวชิ้นมหัศจรรย์สะเทือนสวรรค์ลั่นปฐพี! ในระหว่างการแสดงธรรมกถาแห่งเต๋าครั้งที่สี่ในวังเมฆม่วง จู่ๆ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงและข่งเซวี่ยน สองผู้เหี้ยมโหดแห่งโลกบรรพกาลได้ทำการต่อสู้กันอย่างโหดร้ายรุนแรงครั้งใหญ่เพื่อชิงตำแหน่งที่นั่งเคียงข้างปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู!”

ล้อเล่นน่า ล้อเล่น

เมื่อหลี่ฉางโซ่วคิดถึงปัญหาต่างๆ โดยปกติแล้ว เขาก็มักจะพยายามเต็มที่เพื่อคิดอย่างรอบด้าน ซึ่งมักจะสามารถนำไปสู่มุมมองและข้อสังเกตที่น่าสนใจได้

อย่างเช่น สาวน้อยนกยูงก่อนหน้านี้

หยินและหยางของข่งเชวี่ยนยังไม่แน่ใจ และเขายังเป็นนกยูงตัวแรกของโลกอีกด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วแม่สาวน้อยนกยูงผู้นี้… มาได้อย่างไร?

ว้าว คำถามนี้มีมุมมองเป็นปรัชญาแห่งบรรพกาลทีเดียว

เมฆขาวเคลื่อนคล้อย และแสงจันทร์สาดประกาย

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วมองไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่าซึ่งยังคงก้มหน้านิ่งเงียบ ความคิดของเขาก็โลดแล่นรวดเร็วเมื่อกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้นางได้รู้ว่า เหตุการณ์วันนี้ อันตรายมากเพียงใด…

อย่างไรก็ตาม เมื่อยามที่เขาส่งข้อความเสียงไปยังโหย่วฉินเสวียนหย่าก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ต้องการปรากฏตัวเพราะเขาตระหนักได้ว่า ข่งเชวี่ยนหาได้มีเจตนาจะสังหารบรรดาผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์ที่นี่เหล่านี้

ทว่าเพื่อทำให้โหย่วฉินเสวียนหย่าเงียบเสียง เขาจึงต้องใช้เสียงของตัวเอง

แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่า ข่งเชวี่ยนจะสกัดกั้นสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา และภายในช่วงเวลาอันแสนสั้นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ทำได้เพียงเลือกทางที่จะยอมรับความสูญเสียที่น้อยที่สุด

เขาใช้ตัวตนของเขาในฐานะปรมาจารย์เต๋าน้อยเพื่อยืนหยัดและให้ศิษย์น้องหญิงจอมพิษตัวอันตรายของเขาเก็บรักษาความลับเอาไว้ในภายหลัง

เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายแห่งสำนักตู้เซียน ก้าวออกไปข้างหน้าแล้วโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “ผู้ฝึกบำเพ็ญแห่งสำนักตู้เซียน ขอน้อมพบท่านผู้อาวุโส ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยพวกเราเอาไว้ขอรับ!”

“เรามาจัดการพวกมนุษย์เหล่านี้กันก่อนเถิด”

หลี่ฉางโซ่วมองไปยังร่างที่อยู่ในกรงขังเหล็กและกล่าวเตือนว่า “อย่าลืมชี้แจงให้พวกผู้ดูแลรับผิดชอบมนุษย์เหล่านั้นรู้ด้วย พวกเขาหวาดกลัวและจำเป็นต้องพักผ่อน”

เหล่าผู้อาวุโสต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอรับ!”

พวกเขาหาได้โง่เขลาไม่ จากบทสนทนากันระหว่างหลี่ฉางโซ่วและข่งเชวี่ยน พวกเขาเข้าใจว่า หลี่ฉางโซ่วเป็นปรมาจารย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

หลี่ฉางโซ่วได้สั่งให้ผู้อาวุโสเหล่านี้ทำทุกอย่างเต็มกำลังให้ดีที่สุดและจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง

“เสวียนหย่า” หลี่ฉางโซ่วจงใจเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “ตามข้ามา ข้าจะสอนวิชาเวทให้เจ้า”

โหย่วฉินเสวียนหย่ารู้ว่าศิษย์พี่ฉางโซ่วไม่อยากให้ใครมองเห็นตัวตนของเขา นางจึงพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”

หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆอีกครั้งและพาไปที่หน้าผาซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลมากนัก จากนั้นเขาก็หยิบเบาะนั่งสมาธิออกมาสองใบและผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญอย่างสุภาพ

โหย่วฉินเสวียนหย่าโค้งคำนับให้เล็กน้อยแล้วลงนั่งขัดสมาธิ จากนั้นนางก็ก้มศีรษะลงมองไปที่นิ้วเรียวของนางแล้วเริ่มหรี่ตาลง…

หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นแล้ววางข่ายอาคมพลังเซียนเอาไว้รอบๆ กายเขา จากนั้นเขาก็หยิบแผ่นหยกสีฟ้าออกมามอบให้กับโหย่วฉินเสวียนหย่าและสั่งนางว่า “ศิษย์น้องโหย่วฉิน จงเก็บสิ่งนี้ไว้กับตัวเจ้า อย่าให้ผู้ใดมาสอดแนมความคิดจิตใจของเจ้าได้”

เขาเรียกขานนางว่า ‘เสวียนหย่า’ ต่อหน้าผู้อื่นเพราะอยากเน้นย้ำถึงสถานะที่เหนือกว่าของเขาในฐานะปรมาจารย์และปรมาจารย์เต๋าน้อย โดยส่วนตัวแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกล่าวกับนางเช่นนั้น

นางถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลดใจ แล้วพึมพำว่า “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว… ข้าทำอันใดผิดไปอีกแล้วหรือ?”

“โอ้?”

หลี่ฉางโซ่วนั่งลงข้างๆ นางและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าทำอันใดผิดไปหรือ?”

“เห็นได้ชัดว่า เขาเป็นผู้ดำรงอยู่ที่เราไม่อาจต่อกรได้” โหย่วฉินเสวียนหย่ามองไปที่ด้านข้างและอยากจะกล่าวโพล่งบางอย่างออกไป “แต่เสวียนหย่ารู้สึก…รู้สึกว่า…”

ทว่าในท้ายที่สุด นางก็กลืนถ้อยคำเหล่านั้นกลับเข้าไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววโศกเศร้าและกล่าวโทษตัวเอง

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวต่อว่า “เจ้ารู้สึกว่า ต่อให้เจ้าจะถูกฆ่าตายตรงนั้น เจ้าก็จะเรียกร้องออกมาให้ได้ตามที่เจ้าต้องการ เจ้าอยากให้คนที่สมควรถูกลงโทษ ต้องได้รับโทษ…เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่?”

ขั้นตอนแรกของการรักษาพิษ[2]นี้คือ การสั่นที่ทำให้เกิดเสียงก้อง[3]

………………………………………………………………..

[1] คือไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ ด้วยเลยและปฏิเสธผู้อื่นอย่างไม่แยแสผู้คน ประหนึ่งกีดกันผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ให้เข้าใกล้ได้จากสถานที่ห่างไกลนับพันลี้

[2] หมายถึงการจัดการแก้ไขปัญหา ซึ่งในเรื่องนี้ผู้เขียนก็ยังเปรียบโหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นพิษคือเป็นตัวปัญหา ตัวอันตรายเช่นกัน

[3] หมายถึงการกระตุ้นให้เกิดความคิดเดียวกัน หรือมุมมองเดียวกัน