บทที่ 755 ทุกอย่างแปลก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 755 ทุกอย่างแปลก

บทที่ 755 ทุกอย่างแปลก

“ว้าย!” เพ่ยเหมียนหมานร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม นางตระหนักในทันทีว่านางไม่ควรสนใจตัวเองในตอนนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่แปลกและไม่คุ้นเคยเช่นนี้

นางจับแขนของซูอันโดยไม่รู้ตัว และกอดอีกฝ่ายราวกับว่าเป็นแหล่งความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวของนาง

ร่างกายของนางสั่นสะท้าน

ซูอันถอนหายใจ แม้ว่าปกติแล้วผู้หญิงคนนี้จะดูกล้าหาญและไม่สะทกสะท้านต่ออะไรได้ง่ายนัก แต่สุดท้ายแล้วนางก็ยังคงเป็นหญิงสาว เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่นางจะรู้สึกกลัวเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้

อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่ผู้ชายอย่างซูอันก็ยังกลัว ถ้าหากตัวเองอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว หัวใจของเขาคงเต้นรัวเป็นกลองไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เขามีหญิงสาวสวยเปี่ยมเสน่ห์อยู่ข้าง ๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ ซูอันก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป

ไม่น่าแปลกใจที่บริษัทในโลกก่อนหน้านี้ของเขาให้ผู้ชายและผู้หญิงทำงานร่วมกันในงานต่าง ๆ ผู้หญิงสามารถกระตุ้นฮอร์โมนเพศของผู้ชายและทำให้พวกเขากล้าหาญมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก

และแน่นอนว่าในทางกลับกัน ผู้หญิงเองก็ได้รับการกระตุ้นจากการมีผู้ชายทำงานร่วมกันเช่นกัน

เขากระแอมและพยายามปลอบนาง “อย่ากลัวเลย มันก็แค่โครงกระดูก พวกเจ้าของน่ะตายไปนานแล้ว”

เพ่ยเหมียนหมานหน้าแดง นางรู้สึกอายเล็กน้อย “ฮึ่ม ข…ข้าไม่ได้กลัวสักหน่อย…ว่าแต่ที่นี่เป็นสนามรบโบราณใช่หรือเปล่า?”

ซูอันนั่งยอง ๆ ลงเพื่อดูโครงกระดูกที่อยู่ใกล้เคียง เขาตรวจสอบสักครู่แล้วส่ายหัว “ไม่น่าใช่ ข้าไม่เห็นอาวุธสักชิ้นเลย”

“ถ้าอย่างนั้นที่นี่คือลานประหารขนาดใหญ่ที่ผู้ชนะสงครามนำตัวเหล่าเชลยศึกมาประหารหรือเปล่า?” เพ่ยเหมียนหมานกล่าว “มีข่าวลือเรื่องเทพปีศาจโบราณที่สังหารเชลยศึกสี่แสนนายที่ยอมจำนน ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าอ่านเรื่องราวนั้น ข้านอนหลับฝันร้ายไปหลายวันเลย”

ซูอันตกตะลึง นางกำลังพูดถึงไป๋ฉีเหรอ? เขาไม่คิดเลยว่าโลกนี้จะมีตำนานที่คล้ายกับโลกของเขาด้วย!

ชายหนุ่มเคยสงสัยมาโดยตลอดว่าโลกนี้เชื่อมโยงกับโลกก่อนหน้าของเขาในหลาย ๆ ทาง แต่หนังสือเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ที่สถาบันจันทร์กระจ่างระบุรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนว่าโลกแห่งการบ่มเพาะนี้ใหญ่กว่าโลกที่แล้วของเขามาก ซึ่งโลกนี้มันไม่น่าจะใช่โลกเดียวกับโลกที่แล้วแน่ ๆ

ซูอันส่ายหัวเพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วตอบว่า “ข้าไม่คิดว่าที่นี่คือลานประหารเช่นกัน มันดูไม่เหมือนว่าพวกเขายอมถูกฆ่าเฉย ๆ เพราะสภาพที่กระดูกเหล่านี้กองอยู่มันแสดงให้เห็นว่าก่อนที่คนเหล่านี้จะตาย พวกเขาไม่ได้ตายในท่าทางคุกเข่าลงกับพื้น พวกเขาดูไม่เหมือนผู้ที่ยอมจำนนและกำลังรอการถูกประหาร”

เขาสังเกตเห็นทุกอย่างนี้โดยการตรวจสอบเหล่าโครงกระดูกอย่างรอบคอบก่อนหน้านี้

“ถ้าอย่างนั้นคนพวกนี้ก็ถูกฝังทั้งเป็น? ข้าสังเกตเห็นว่าระหว่างที่พวกเราร่วงลงมาเจ้าไม่สามารถจับยึดผนังได้” เพ่ยเหมียนหมานเดินไปที่ผนังกำแพงแล้วใช้มือลูบ พื้นผิวมีความเหนียวและลื่นราวกับว่ามันถูกเคลือบด้วยน้ำมัน “ดูเหมือนว่าไอ้ที่ลื่น ๆ นี่จะเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ให้ผู้คนปีนกลับขึ้นไป”

“ฝังทั้งเป็น?” ซูอันแสดงสีหน้าแปลกประหลาด “เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า? โครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้ถูกฝังในดินสักหน่อย”

ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานแดงขึ้นทันที ตอนนี้นางเพิ่งรู้ว่านางพูดอะไรโง่ ๆ ออกไป

หากคนที่ตายเหล่านี้ถูกฝังทั้งเป็น กระดูกเหล่านี้จะต้องมีดินกลบฝัง

“แล้วถ้างั้นเจ้าคิดว่าเกิดอะไรขึ้น?” นางพูดด้วยสีหน้ารำคาญเพื่อปกปิดความอับอายของตัวเอง

“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาตายได้ยังไง แต่ข้าสังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกมาก หัวของพวกเขาทั้งหมดชี้ไปในทางเดียวกัน” ซูอันกล่าวสีหน้าของเขาจริงจัง

เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึงกับคำบอกเล่าของเขา นางหันกลับไปมองและสำรวจโครงกระดูกรอบตัว จากนั้นนางเองก็รู้สึกผิดปกติเช่นกัน แม้ว่าโครงกระดูกทั้งหมดจะอยู่ในท่าทางที่แตกต่างกัน แต่พวกมันมีลักษณะที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง นั่นคือศีรษะของเหล่าโครงกระดูกทั้งหมดก้มลง ราวกับว่าพวกมันทั้งหมดกำลังมองดูบางสิ่งที่อยู่ข้างใต้

ซูอันตรวจสอบโครงกระดูกอีกเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “พวกเขาไม่ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ กระดูกคอของผู้ถูกแขวนคอจะหักไปข้างหลัง และไม่ควรก้มหัวลงเช่นนี้ ข้อสังเกตอื่น ๆ เช่นกัน โครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนัก แสดงว่าพวกเขาไม่ได้ถูกฆ่าด้วยอาวุธ แถมกระดูกของพวกเขาไม่เปลี่ยนเป็นสีดำด้วย ดังนั้นจึงดูไม่เหมือนถูกวางยาพิษเลย”

ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานเปลี่ยนเป็นซีดขาว “หยุดทำให้ข้ากลัวได้แล้ว! เจ้าพูดอะไรแปลกขึ้นเรื่อย ๆ…”

ซูอันถอนหายใจ “สถานที่แห่งนี้แปลก ๆ ตั้งแต่แรก การที่ข้าพูดจาแปลกแบบนี้มันไม่ปกติตรงไหน แต่ก็ช่างเถอะ เราไม่จำเป็นต้องรู้สาเหตุการตายของพวกเขาหรอก เราต้องหาทางออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”

เขาเดินไปที่ผนังหลุมแล้วมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็อุทานขึ้นอย่างงุนงง “หืม? ข้าจำได้ว่าขณะที่เราร่วงลงมา มันเหมือนกับเราไหลลงมาตามกำแพงที่เป็นแนวลาดยาว แต่ทำไมกำแพงเหล่านี้จึงดูเป็นแนวตั้งฉาก?”

“ที่นี่แปลกเกินไป” เพ่ยเหมียนหมานจำได้ว่าพวกนางตกลงมาในแนวลาดเช่นกันแต่ตอนนี้กำแพงทั้งหมดดูเหมือนจะตั้งฉากกับพื้น ไม่มีวี่แววของความลาดชันเลย

ซูอันสังหรณ์ใจ เขามองขึ้นไปข้างบน “หลุมนี้ดูเหมือนจะไม่ลึกเท่าไหร่…” เขาพึมพำกับตัวเอง

หลุมนี้มีความลึกประมาณสิบจั้ง นี่อาจลึกมากสำหรับคนธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับผู้บ่มเพาะ

“รอที่นี่ก่อน ข้าจะดูว่าจะกระโดดออกไปได้ไหม” ซูอันพูดกับเพ่ยเหมียนหมาน ปกติแล้วการไต่กำแพงสูงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่นั่นก็ต่อเมื่อตัวเองมีที่ยึดจับได้ตลอดทาง ทว่าผนังหลุมนี้ลื่นเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องกระโดดให้สำเร็จในครั้งเดียว

ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรถ้าเขาตกลงมา แต่เพ่ยเหมียนหมานกำลังได้รับบาดเจ็บ มันจะเป็นหายนะถ้าร่วงลงมาขณะอุ้มนาง

“ก็ได้ ระวังตัวด้วย!” เพ่ยเหมียนหมานถอยไปยืนให้ห่างอีกเล็กน้อยอย่างเชื่อฟังเหมือนภรรยาที่ดี

ซูอันพยักหน้าก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก เขางอเข่าแล้วกระโดดอย่างสุดแรง ร่างกายของเขาพุ่งออกไปเหมือนลูกธนู

“ข้าน่าจะทำได้” ซูอันพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงปากหลุมแล้ว หากเป็นเช่นนี้มันก็ไม่ยากเกินไปที่เขาจะพาเพ่ยเหมียนหมานออกจากหลุมด้วย

“ระวัง!” เพ่ยเหมียนหมานร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

เกิดเสียงดังขึ้น หัวของเขาแทบระเบิดด้วยความเจ็บปวด และจากนั้นหูของเขาก็ดังวิ้งราวกับว่าเขาเพิ่งวิ่งชนกับประตูกระจกเข้าอย่างจัง

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแรงของเขา หัวของซูอันคงระเบิดแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้ว

ชายหนุ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่ตกลงมาจากกลางอากาศ เพ่ยเหมียนหมานรีบพุ่งตัวไปหาและพยายามเข้าไปรับ แต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีกำลังพอที่จะอุ้มเขาไว้ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นทั้งคู่นอนกองอยู่บนพื้น

ซูอันเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นม่านแสงสีฟ้าระยิบระยับ

แน่นอนว่ามีผนึกโปร่งใสปรากฏขึ้นที่ด้านบนของหลุม อักขระบนพื้นผิวของมันแปลกมาก ไม่เหมือนกับอักขระที่เขาคุ้นเคยหลังจากมาถึงโลกนี้เลย

แต่อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มกลับคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด มันเป็นสัญลักษณ์ของอะไรกันแน่?