บทที่ 668 เตรียมกลับประเทศ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ทานข้าวเช้าเสร็จ วารุณีก็ตามนัทธีไปที่เรือสำราญ จากนั้นก็เตรียมพักบนเรือสำราญ ไม่กลับไปที่คฤหาสน์นั่น

ส่วนคฤหาสน์นั้น มีบอดี้การ์ดพวกนั้นเฝ้าพอแล้ว

ยังไงซะภารกิจต่อจากนี้ ก็คือรอนิรุตติ์ จากนั้นก็จับนิรุตติ์ เธออยู่บนเกาะไม่มีประโยชน์อะไร สู้ย้ายไปบนเรือสำราญดีกว่า

ยังไงเรือสำราญก็เป็นถิ่นของนัทธี และก็เป็นของเธอ อยู่ในถิ่นของตัวเองดีกว่าอยู่บนเกาะของคนอื่น

“สามี ตอนนี้นวิยาเป็นไงบ้าง?”วารุณีสำรวจเรือสำราญไป ก็ถามไปด้วย

นัทธีจูงมือของเธอ“ตอนนี้ไม่รู้สิ จะไปดูไหม?”

“ดู”วารุณีพยักหน้า

เธอจะไปดูนวิยา ดูสภาพตอนนี้ของนวิยา

นัทธีจูงวารุณีไปที่ที่เก็บเรือบรรทุกน้ำมัน

ไปถึงโกดัง วารุณีมองไปก็เห็นนวิยากับเมโรนาที่ถูกขังในสองห้อง

สองห้องนี้ เดิมทีเป็นโรงรถของเรือเครื่อง ตอนนี้เรือเครื่องถูกคนเอาออกมา จึงทำโรงรถเป็นที่กักขังเล็กๆสองห้องชั่วคราว มองไปแล้ว ไม่แย่เลย

วารุณีมองเมโรนาก่อน

เมโรนานั่งอยู่ในมุมโรงรถ เอาหน้าซุกไปที่เข่า ไม่รู้ว่าหลับหรือทำอะไร ไม่ตอบสนองเลยสักนิด

วารุณีมองเธอสักพัก แล้วจึงละสายตากลับ

เพราะว่าเมโรนา ไม่ใช่เป้าหมายที่เธอจะมาที่นี่ ดังนั้นเลยไม่สนใจนัก

ที่เธอสนใจจริงๆ คือนวิยาห้องข้างๆ

วารุณีเดินไปที่หน้าโรงรถของนวิยา มองนวิยาด้านในผ่านประตูรั้วเหล็ก

นวิยานอนอยู่ที่พื้น ตาสองข้างหลับอยู่ ใบหน้าซีดขาวสุดขีด ส่วนมือของเธอ ตอนนี้ก็ยังให้น้ำเกลือด้วย ด้วยสภาพเจียนตาย

“เกิดอะไรขึ้น?”นัทธีหรี่ตาถามบอดี้การ์ดสองคนข้างๆที่เฝ้านวิยา

บอดี้การ์ดตอบอย่างเคารพ“เธอเป็นไข้ เพราะว่าเจ็บปวดจนไข้สูง หมอบนเรือสำราญ มาตรวจเธอแล้วครับ”

ที่แท้ก็แบบนี้

นัทธีโบกมือ สื่อว่าเข้าใจแล้ว แล้วให้บอดี้การ์ดถอยไปได้

บอดี้การ์ดถอยไปข้างๆ

วารุณีก็มองนวิยาอย่างเย็นชา ชื่นชมสภาพอนาถของนวิยา

นวิยาในตอนนี้ เป็นคนพิการ คนพิการที่กำลังจะตาย ไม่ต้องพูดเลยว่าในใจเธอมีความสุขแค่ไหน

ตอนนั้น นวิยาจับอารัณไป ทำให้อารัณประสบอุบัติเหตุ แล้วยังจับไอริณขึ้นมา ทุ่มไอริณลงไปที่พื้นแรงๆ มองอารัณกับไอริณที่ทั้งตัวมีแต่เลือด นอนบนเตียงคนไข้ เธอก็แทบอยากจะฉีกนวิยาเป็นชิ้นๆ

เธอไม่เคยอาฆาตนวิยาก่อนเลย แต่ไหนแต่ไรมาเป็นนวิยาที่อาฆาตกับเธอเป็นฝ่ายเดียว

ดังนั้นเธอสู้กับนวิยาได้ แต่นวิยากลับดึงลูกสองคนของเธอเข้าไป และยังทำร้ายอย่างร้ายกาจขนาดนั้น เธอสาบานว่า ถ้าไม่ให้นวิยาชดใช้คืน เธอก็ไม่ใช่วารุณีอีกต่อไป

และตอนนี้ ความปรารถนาของเธอเป็นจริง จึงดีใจ ดีใจจนร้องไห้

เบ้าตาวารุณีแดงก่ำ ตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาคลอเบ้าไปมา

นัทธีกอดเธอจากด้านหลัง“อย่าร้องไห้”

“ฉันไม่ได้ร้องไห้ ฉันดีใจ”วารุณียกมือขึ้นเช็ดน้ำตา

นัทธีหัวเราะเบาๆ“อือ ผมพูดผิดไป คุณไม่ได้ร้องไห้”

วารุณีหันหน้ามองเขา“นัทธี นวิยาคุณจะเอาไงต่อไป?ส่งให้ตำรวจ หรือว่า……”

“ส่งตำรวจเธอก็ได้เปรียบไปสิ ผมจะจัดการเอง จากความสามารถของผม ทำให้คนๆหนึ่งหายไปจากโลกนี้ง่ายๆน่ะไม่ยากเลย”

นวิยาฆ่าพ่อแม่เขา ทำร้ายลูกทั้งสองของเขา แล้วยังเกือบฆ่าภรรยาเขาอีก

เอาตัวคนร้ายกาจแบบนี้ส่งให้ตำรวจ ก็เหมือนกับปล่อยเธอไป

คนแบบนี้ควรตกอยู่ในมือเขา ได้รับการทรมานจากเขา เป็นทุกข์ไปชั่วชีวิต

วารุณีมองนัทธี รู้ว่านัทธีต้องการลงประชาทัณฑ์นวิยา ถึงแม้ตามเหตุผลนั้น เธอจะรู้สึกไม่ถูกต้อง แต่จากทางอารมณ์แล้ว เขาทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว

ยังไงนวิยาก็ร้ายกาจและเลวมาก

ที่นวิยาทำกับเธอและลูก เธอก็อยากจะฉีกนวิยาเป็นชิ้น และนวิยายังฆ่าพ่อแม่ของนัทธีอีก นัทธีก็ต้องอยากเอาชีวิตของนวิยาอยู่แล้ว

นี่คือหลักธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องเจอ ถึงอย่างไรการฆ่าคนก็เป็นการชดใช้ด้วยชีวิตอย่างเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเป็นสองชีวิตด้วย

ดังนั้นถ้าส่งนวิยาให้ตำรวจ ตำรวจจะต้องไม่ตัดสินประหารนวิยาแน่ เพราะว่าตอนนั้นนวิยาแค่สิบขวบ และก็ไม่ได้ฆ่าพ่อแม่นัทธีเองกับมือด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินโทษประหาร อย่างมากก็ติดคุกไปตลอดชีวิต

แต่ว่าติดคุกไปตลอดชีวิต ก็หมายความว่านวิยาไม่ได้รับโทษอะไร

ดังนั้นเธอจึงสนับสนุนให้นัทธีทำแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ภายใต้เงื้อมมือนั้นจะใสสะอาดได้อย่างไร หากสะอาดก็คงไม่สามารถทำให้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปพัฒนาจึงจุดจุดนี้ได้หรอก

“ฉันสนับสนุนคุณ”วารุณีจับมือของนัทธี บีบเบาๆ สื่อว่าสนับสนุนความคิดเขา

นัทธีมองเธอ“คุณไม่รู้สึกว่าผมน่ากลัวไปเหรอ?”

“ไม่ ไม่น่ากลัวสักนิด อีกอย่าง ฉันก็สนับสนุนคุณด้วย หมายความว่าฉันก็เป็นคนน่ากลัวด้วยไม่ใช่เหรอ?สองคนน่ากลัวอยู่ด้วยกัน เหมาะสมกันสุดๆ!”วารุณีหัวเราะเบาๆ

ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้น“อือ”

“พวกเราออกไปดีกว่า อากาศที่นี่ไม่ค่อยดี ฉันเห็นความอนาถของนวิยาแล้ว ที่เหลือ ก็รอนวิยาฟื้นมาค่อยว่ากันอีกที”วารุณีพูด

นัทธีไม่คัดค้าน โอบเอวเธอออกไป

สองวันนี้ ทางคฤหาสน์ก็ไม่มีข่าวนิรุตติ์กลับมาเลย

ทำให้วารุณีอดคิดไม่ได้ว่า นิรุตติ์รู้ว่าวันนั้นนัทธีจะมาจริงๆหรือเปล่า จึงได้หนีไป

ส่วนนัทธีก็เริ่มคิดเช่นนี้

ยังไงก็สองวันแล้ว นิรุตติ์ก็ไม่มีข่าวคราวเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่โทรหานวิยาเลย

นิรุตติ์กับนวิยาสองคนนี้สมคบคิดกันมาตั้งนานแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไร จะต้องติดต่อนวิยาแน่ แต่ก็ยังไม่มีข่าว

ดังนั้นนิรุตติ์รู้ว่านวิยาถูกพวกเขาจับไปแล้วหรือเปล่า ดังนั้นเลยไม่ได้ติดต่อมา

“ประธาน ไม่งั้นพวกเรากลับประเทศเลยดีไหมครับ?”มารุตแนะนำ

นัทธีเม้มริมฝีปากบางๆ“อารัณกลับประเทศแล้วเหรอ?”

“กลับแล้วครับ พวกคุณปาจรีย์พาอารัณขึ้นเครื่องแล้ว น่าจะถึงจังหวัดจันทร์คืนนี้”

พวกปาจรีย์รู้แล้วว่าหาคุณหญิงเจอ ก็เลยไม่ได้อยู่ประเทศนั้นต่อแล้ว จึงพาอารัณกลับประเทศครับ

ถึงอย่างไร ในประเทศก็ปลอดภัยที่สุด

“ภรรยา คุณล่ะ?อยากกลับประเทศตอนนี้ไหม?”นัทธีมองวารุณีที่อยู่ตรงข้าม

วารุณีเงยหน้าขึ้นจากแท็บเล็ต“ฉันอยากสิ ฉันคิดถึงอารัณ คิดถึงไอริณแล้ว”

“โอเค งั้นกลับประเทศก่อน แต่ที่นี่ก็ยังทิ้งคนไว้กลุ่มหนึ่ง คนที่คฤหาสน์ไม่ต้องเรียกกลับ ยังคงเฝ้าอยู่ที่นี่ รออีกสักพัก ดูว่านิรุตติ์กลับมาหรือไม่ ถ้าอีกสักพักนิรุตติ์ยังไม่กลับมา ค่อยถอนพวกเขาออก”นัทธีหรี่ตาลงอย่างโมโห

มารุตพยักหน้า“วิธีนี้ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปกำชับ”

พูดจบ เขาก็ออกไปจากดาดฟ้า

ใต้ร่มบนดาดฟ้านั้น มีแค่วารุณีกับนัทธีสองคน

นัทธีมองวารุณี ในรูม่านตาสีน้ำตาลนั้น แฝงด้วยคำขอโทษ“ขอโทษนะ ที่ครั้งนี้ไม่ได้ให้ฮันนีมูนที่สมบูรณ์แบบแก่คุณ”

วารุณีวางน้ำผลไม้แล้วหัวเราะ“ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่ความผิดคุณ ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และฮันนีมูน ก็ทำตอนไหนก็ได้ ครั้งนี้ถูกทำลาย ครั้งหน้าค่อยจัดอีกทีก็ได้”

นัทธีจับมือเธอไว้ ดึงเธอไปในอ้อมแขน“โอเค ต่อไปก็จะชดเชยให้คุณหลายเท่า”

“อือ”วารุณีพิงไหล่เขา พยักหน้าเบาๆ จากนั้นถามว่า:“พวกเรากลับประเทศเมื่อไหร่?”

“ช่วงดึก แบบนี้พอถึงในประเทศ ก็สว่างพอดี”นัทธีลูบผมเธอแล้วพูด

ผมของเธอ ยาวมากแล้ว เพราะว่าตั้งท้องสุขใจ ดังนั้นจึงตัดถึงไหล่

และตอนนี้ ก็เลยไหล่มาแล้ว