“โอเค งั้นก็ช่วงดึก”วารุณีพิงไปในอ้อมแขนเขา ให้เขาลูบก็รู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้เอง จู่ๆมารุตก็เข้ามา น้ำเสียงมีความตื่นเต้นเล็กน้อย“ประธานครับ มีข่าวดี เรดาร์ของเราตรวจพบว่ามีเฮลิคอปเตอร์บินมาทางเกาะ เดาว่าเป็นของนิรุตติ์”
พอได้ยิน วารุณียืนขึ้นมาทันที“จริงเหรอ?”
“น่าจะใช่ครับ”มารุตพยักหน้า
นัทธีหรี่ตา“ดีมาก แจ้งบอดี้การ์ดในคฤหาสน์ ว่าอย่าเปิดเผยความรัก”
“ครับ!”มารุตพยักหน้าตอบไป หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วเริ่มแจ้งคนทางคฤหาสน์
คนทางคฤหาสน์ได้รับข่าว ก็รีบหลบตามมุมคฤหาสน์ทันที เพื่อซ่อนตัวเองไว้
แป๊บเดียว เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็ลงมาจากบนท้องฟ้า ลงมาที่ลานจอดเครื่องบินด้านหลังคฤหาสน์
นิรุตติ์ลงมาจากเครื่องบิน ยืนอยู่ที่ลานจอดเครื่องบินมองคฤหาสน์ตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไม ในใจรู้สึกไม่สบายใจนัก
“เจ้านาย ผมไปก่อนนะ”คนขับของเฮลิคอปเตอร์พูดกับนิรุตติ์
นิรุตติ์ยกมือขึ้น“อย่าเพิ่งรีบร้อน ผมไปดูก่อนค่อยว่าอีกที”
เขามักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติ แต่พูดไม่ออก
และโดยสัญชาตญาณแล้ว ก็ยังทำให้เขารู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ
เขาเชื่อสัญชาตญาณตัวเองมาตลอด และสัญชาตญาณของเขา ก็รับรู้ได้ไวกว่าใครเสมอ
หลายครั้ง เขาก็จะพึ่งสัญชาตญาณ ถึงหลบหลีกอันตรายได้
ดังนั้นถ้าสัญชาตญาณเตือนแล้วเขาไม่ค่อยสบายใจ เขาก็จะระวังเล็กน้อย
นิรุตติ์หรี่ตา ก้าวเท้าขึ้นไปคฤหาสน์
เดินไปตรงหน้าคฤหาสน์ เขาก็ไม่เข้าไปในทันที แต่หยุดลง จ้องไปที่ประตูคฤหาสน์ ในใจนั้นไม่สบายใจ และก็ยิ่งรู้สึกคุกรุ่นขึ้นมา
ผิดปกติ ผิดปกติจริงๆ!
ในคฤหาสน์ รู้สึกเหมือนไม่มีใคร
ปกติเขามาถึง เมโรนาในฐานะคนใช้ ก็จะออกมาต้อนรับ
แต่ตอนนี้เขาลงมาจากเครื่องบินนานแล้ว เมโรนาก็ยังไม่ออกมา ชัดเจนว่าผิดปกติมาก
ไม่มีทางที่เมโรนาไม่ได้ยินเสียงเครื่องบิน นอกจากว่าเมโรนาจะไม่อยู่คฤหาสน์
แต่ไม่อยู่คฤหาสน์ แล้วจะไปไหนได้?
บนเรือสำราญที่อยู่ไกลด้านบนต้นมะพร้าวมีของซ่อนไว้ เป็นกล้องตัวเล็กที่กำลังหันเข้าหานิรุตติ์
ซึ่งนัทธีให้คนติดตั้งให้ ติดอยู่ใกล้ๆคฤหาสน์เยอะมาก ก็เพื่อรอนิรุตติ์กลับมา เฝ้าสังเกตทุกอย่างของนิรุตติ์
ตอนนี้เห็นนิรุตติ์ยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ไม่ยอมเข้าไปสักที มารุตก็ขมวดคิ้วพูด:“ประธาน เขาคงไม่จับอะไรได้หรอกใช่ไหม?”
นัทธีจ้องโน้ตบุ๊กตรงหน้า ริมฝีปากบางๆเม้มแน่น ไม่พูดจา
มือวารุณีที่วางบนขาเขา ค่อยๆเก็บขึ้นมา กำไว้“ไม่หรอก บอดี้การ์ดพวกนั้นก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร”
“แต่เขายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ ไม่ปกติจริงๆนะครับ”มารุตพูด
คฤหาสน์นี้เป็นของนิรุตติ์ เขากลับบ้าน ก็ต้องเข้าไปเลยสิ
แต่นิรุตติ์กลับไม่ทำแบบนี้กลับไม่ทำแบบนี้ กลับยังจ้องมองไปที่คฤหาสน์อย่างระวังตัว คิดว่ายังไงก็มีปัญหา
วารุณีพยักหน้า“ก็ใช่ แต่ก็ไม่แน่ ดูต่อไปเถอะ”
มารุตไม่พูด จ้องดูคอมพิวเตอร์ต่อไป
ด้านหน้าคฤหาสน์ ดวงตานิรุตติ์ขยับไปมาหลายครั้ง แอบสังเกตความแปลกประหลาดของคฤหาสน์
แต่ดูอยู่สักพัก ก็ดูอะไรไม่ออก สุดท้ายจึงก้าวเท้าขึ้น เดินไปที่ประตูคฤหาสน์
แต่เขาเดินไป ก็เอามือเข้าไปในเสื้อผ้าไปด้วย อาการบนใบหน้าก็ยิ่งเยือกเย็น
วารุณีเห็นแบบนี้ ใจก็เต้นตึกตัก
เพราะว่าการเคลื่อนไหวของนิรุตติ์แบบนี้เธอเคยเห็น ในโทรทัศน์ มันเป็นท่าเตรียมหยิบปืนออกมา!
หมายความว่า นิรุตติ์พบสิ่งผิดปกติของคฤหาสน์จริง
“นัทธี!”วารุณีรีบตะโกน
นัทธีก็มองเห็น สีหน้าหม่นลง“มารุต ให้บอดี้การ์ดพวกนั้นระวังตัวทันที ในมือนิรุตติ์มีปืน!”
“ครับ!”มารุตไม่กล้าชักช้า รีบตะโกนไปที่เครื่องสื่อสาร:“ระวังตัว เป้าหมายมีปืน เป้าหมายมีปืน!”
ในคฤหาสน์บอดี้การ์ดพวกนั้นได้ยินเสียงที่เข้ามาในหูฟัง ในขณะเดียวกันใจก็หม่นลงไป
ปืน!
คำเดียวนี้ พวกเราคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกเขาก็เคยเล่น
แต่ว่าครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้เอาปืนมา
แต่คิดไม่ถึงก็คือ เป้าหมายดันมี
ทำไงดี?
บอดี้การ์ดสองสามคนที่อยู่ใกล้กันสบตากัน
สุดท้ายหัวหน้าก็กัดฟัน ทำสัญญาณมือ;งั้นก็ระวังกันนะ เป้าหมายมีแค่คนเดียว พวกเรามีสิบคน แค่ไม่ถูกยิง พวกเราจับเขาได้แน่
เหล่าบอดี้การ์ดคนอื่นเห็นแบบนี้ จึงพยักหน้า สื่อว่าเข้าใจ
อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างก็ไม่คิดว่า ตอนที่นิรุตติ์เดินมาถึงตรงทางเข้า ก็ไม่เดินอีก หยิบปืนออกมาจากในอ้อมแขน ดึงตัวนิรภัยออก ยิงหลายนัดไปยังบริเวณโดยรอบ
ตำแหน่งที่กระสุนยิงไปนั้น เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างซ่อนอยู่ในห้องโถงคฤหาสน์พอดี ซึ่งคนสามารถซ่อนได้
ถ้าไม่ใช่ว่าตรงหน้าบอดี้การ์ดพวกนี้ต่างมีที่กำบัง ก็กลัวว่าพวกเขาจะถูกยิงไปแล้ว
หัวหน้าบอดี้การ์ดหลบอยู่หลังโซฟา หลังจากเก็บขนนกบนลูกตาออก ก็แอบด่าอย่างโมโห
สมควรตาย ไอ้ระยำนี่ระมัดระวังตัวแบบนี้ แล้วยิงออกมาอีก และยังยิงมั่วไปทั่วด้วย โดยไร้กฎเกณฑ์ ทำให้พวกเขาไม่กล้าออกไป
ถึงแม้พวกเขาไม่ได้ถูกยิง แต่ก็ปรากฏความเคลื่อนไหว
เพราะเขาเพิ่งได้ยิน เพื่อนที่อยู่ภายใต้เขาคนหนึ่ง ด่าออกไปอย่างทนไม่ไหวว่า‘Shit’!
เขาได้ยิน ดังนั้นจึงไม่สมเหตุสมผลเลยที่บุคคลผู้เป็นเป้าหมายจะไม่ได้ยิน
คิดไป หัวหน้าบอดี้การ์ดก็ยื่นหน้าไปมองอย่างระมัดระวัง ก็เห็นรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของเป้าหมาย
จากนั้น เป้าหมายก็ยกมือขึ้นอีก
หัวหน้าบอดี้การ์ดเห็นแบบนี้ ก็ไม่สนอีกต่อไป ยังไงซะก็เปิดเผยไปแล้ว จึงรีบร้องออกไปว่า:“ระวัง เขาจะยิงอีกแล้ว!”
พูดจบ กระสุนก็ลอยมาอีก และเสียงวัตถุที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
นิรุตติ์ยิงไป ก็ถอยหลังไปด้วย แน่ใจว่าบอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าตามออกมา จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความไปว่า:“ออกเฮลิคอปเตอร์ ปล่อยบันไดเชือกมารับผม!”
พอส่งข้อความออกไป นิรุตติ์ก็ถอยหลังไปต่อ แป๊บเดียวก็ถอยถึงด้านนอกคฤหาสน์
จากนั้น เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นมา จากบนหัวเขา
นิรุตติ์เงยหน้ามอง บันไดเชือกลงมาจากช่องประตูเฮลิคอปเตอร์ที่เปิดออก ตกลงมาตรงหน้า
นิรุตติ์ดึงบันไดเชือกแล้วเหยียบขึ้นไป เฮลิคอปเตอร์ก็เริ่มบินขึ้น
ตอนที่นิรุตติ์ลอยขึ้นไปถึงระดับความสูงตรงระเบียงชั้นสามของคฤหาสน์ ก็มองไปในห้องนั้น
ในห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีสักคน ชัดเจนว่า วารุณีก็ไม่อยู่แล้ว
นิรุตติ์กำปืนในมือแน่น แววตามีความดุเดือดแวบมา ตะโกนเสียงดัง:“นัทธี นายนี่เยี่ยมเลย แป๊บเดียวก็หาที่นี่เจอแล้ว แล้วยังพาเธอไปอีก และยังเอาคนมาซุ่มโจมตีพยายามจะจัดการฉันด้วย ใช้ได้เลยนะ แต่นายก็ยังจับฉันไม่ได้อยู่ดี!”
บนเรือสำราญ นัทธีที่เดิมทีรู้สึกโกรธ เพราะว่านิรุตติ์ขึ้นเครื่องบินไปและกำลังจะหนี พอตอนนี้ได้ยินคำพูดยั่วยุของนิรุตติ์ ในใจก็ยิ่งเดือดดาล
“ไอ้ระยำ!”นัทธีกำหมัดแน่น กัดฟันพูดสามคำนี้ออกมา
วารุณีวางมือบนมือของเขา พูดปลอบเสียงอ่อนโยน“เถอะน่ะนัทธี อย่าโกรธ เขาจงใจยั่วโมโหคุณ”
ถึงแม้นิรุตติ์ไม่เห็นนัทธีตรงคฤหาสน์ แต่คฤหาสน์มีคนที่นัทธีส่งมา พอคิดดูก็รู้ว่านัทธีต้องดูเขาอยู่ใกล้ๆแน่
ดังนั้นนิรุตติ์ถึงพูดแบบนี้ไป
มารุตก็พยักหน้าพูดโน้มน้าว:“ใช่ครับประธาน อย่าโกรธ ครั้งนี้พวกเราต่างก็คิดไม่ถึงว่านิรุตติ์จะพกปืนติดตัว ดังนั้นจึงให้เขาหนีไปได้อย่างราบรื่น ถ้ารู้แบบนี้ ตอนที่พวกเรามา ก็น่าจะไปยื่นขอใบอนุญาตพกปืนด้วย ไม่อย่างนั้นครั้งนี้จะต้องได้เขามาแน่นอน”