———-
บทที่ 758 ไม่อาจกอดได้นานไปกว่านี้
ซูอันตั้งสติ เขาพูดกับเพ่ยเหมียนหมาน “เราต้องรีบกลับไป”
“กลับไป? กลับไปที่ไหน?!” เพ่ยเหมียนหมานย้ำถาม
ซูอันตอบกลับ “กลับไปที่ที่เราตกลงมา น่าจะมีทางออกตรงนั้น”
เพ่ยเหมียนหมานตอบทันทีว่า “เราก็สำรวจหมดแล้วนี่! มันมีแค่เพียงผนังแนวตั้งเท่านั้น ไม่มีทางออก!”
พวกเขาวิ่งสำรวจไปทั่วและพบว่ามันไม่มีทางออกที่นั่น ตอนนี้พวกเขาเดินสำรวจมากได้เท่ากับระยะทางของสนามฟุตบอลหลายสนามแล้ว หากกลับไปก็มีแต่จะทำให้งูแปลก ๆ พวกนี้ตามพวกเขามามากยิ่งขึ้นไปอีก
ซูอันอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “สิ่งที่เจ้าเห็นไม่จำเป็นต้องเป็นจริงเสมอไป ใครจะไปรู้ อาจมีกลไกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ หรือภาพลวงตาที่ทำให้เราคิดว่ามันเป็นผนังแนวตั้ง!”
เพ่ยเหมียนหมานยังไม่มั่นใจ “แต่เราตรวจสอบทุกอย่างและทุกซอกทุกมุมแล้ว มันไม่มีกลไกอะไรเลย!”
นางไม่ใช่คนบื้อ ตรงกันข้าม นางเป็นคนฉลาดอย่างเหลือเชื่อ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดของหมู่คนรุ่นใหม่ นางตรวจสอบพื้นที่นั้นอย่างรอบคอบแล้ว และแน่ใจว่าไม่มีกลไกใด ๆ ซ่อนอยู่
ซูอันตอบว่า “ก่อนหน้านี้เราตรวจสอบเฉพาะส่วนที่ใกล้พื้นดินที่สุดเท่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากลไกอยู่บนผนังสูง?
เขาวิ่งนำเพ่ยเหมียนหมานเพื่อพยายามกลับไปที่จุดเดิมที่พวกเขาหล่นลงมาพลางฟันกระบี่ใส่งูที่เข้ามาในขณะที่คิดว่าจะเอายังไงต่อไป “อันที่จริง พอมาคิดดูดี ๆ แล้ว มันมีบางสิ่งที่ขัดแย้งกันซึ่งเห็นได้ง่ายมาก ทั้ง ๆ ที่มีม่านพลังผนึกอยู่ด้านบนแล้วทำไมคนสร้างที่นี่ยังต้องทำให้ผนังลื่นขนาดนี้”
“หะ?” ในตอนแรกเพ่ยเหมียนหมานสันนิษฐานโดยสัญชาตญาณว่าม่านพลังที่ผนึกด้านบนนั้นน่าจะมีไว้สำหรับจัดการกับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ผนังกำแพงที่ลื่นเอาไว้จัดการกับคนธรรมดา อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน นางก็ฉุกคิดได้ว่าการทำให้ผนังลื่นนั้นไร้เหตุผลอย่างแท้จริง
ซูอันพูดต่ออย่างรวดเร็ว “เราเห็นกันแล้วก่อนหน้านี้ว่าพวกโครงกระดูกไม่ได้ถูกมัด ซึ่งหมายความว่าตอนที่พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาสามารถพยายามหลบหนีได้ทุกเมื่อเช่นกัน หากม่านพลังที่ผนึกอยู่ด้านบนต้องเปิดออกทุกครั้งในระหว่างที่คนกลุ่มใหม่ตกลงมาที่นี่ บรรดาผู้คนที่ตกลงมาก่อนหน้านี้ย่อมต้องใช้จังหวะนั้นที่ม่านพลังเปิดออกแล้วพยายามกระโดดหนีออกไปแน่นอน
แต่เท่าที่เดาแล้วไม่มีใครในที่แห่งนี้หนีรอดออกไปได้ ดังนั้นมันจึงแสดงให้เห็นว่าม่านพลังที่ปิดกั้นด้านบนหลุมนี้ทำงานอยู่ตลอดเวลา
“นี่เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ถ้ามีผนึกปิดอยู่แล้วจะเข้ามาได้ยังไง? พวกเขาถูกนำเข้ามาโดยช่องทางอื่นแน่ ๆ ในระหว่างที่ยังคงหมดสติอยู่ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครรู้ว่ามีช่องทางสำรองในการเข้าและออกที่นี่อยู่อีก”
เพ่ยเหมียนหมานยังคงมีข้อสงสัย “แต่มันก็อาจจะเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอที่เหยื่อทั้งหมดอาจถูกโยนเข้ามาก่อน แล้วผู้สร้างที่นี่จึงสร้างม่านพลังผนึกเอาไว้ในภายหลัง?”
“มีสามสิ่งที่บอกเป็นอย่างอื่น!” ซูอันกล่าว “ประการแรก ที่นี่มีกระดูกมากเกินไป การพาเหยื่อเหล่านี้มาที่นี่พร้อมกันทั้งหมดเป็นเรื่องที่ลำบากมาก และจากสิ่งที่ข้าเห็นระหว่างทาง โครงกระดูกทั้งหลายมีข้อสังเกตที่แปลกอยู่หลายอย่างคือ พวกมันไม่ได้กระจัดกระจายไปทั่วหลุมอย่างสม่ำเสมอ แต่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน และแต่ละกลุ่มก็เว้นระยะห่างกันอย่างชัดเจนซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้แต่ละกลุ่มไม่รู้จักกันมาก่อนแน่นอน และบางครั้งที่ข้าเหยียบกระดูกระหว่างทาง ข้ารู้สึกได้ว่ากระดูกบางโครงยังแข็งอยู่ แต่บางโครงอ่อนกว่ามาก ซึ่งหมายความว่าช่วงระยะเวลาที่พวกเขาตายนั้นห่างกันพอสมควร”
“ประการที่สอง ถ้าข้าเป็นผู้ออกแบบกับดักหลุมขนาดใหญ่เช่นนี้ ข้าคงไม่ต้องการให้มันเป็นกับดักแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งอย่างแน่นอน ข้าคงอยากให้มันใช้ซ้ำได้ สิ่งนี้เพิ่มความน่าจะเป็นที่จะมีช่องทางออกอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพูดถึงมาก่อนหน้านี้”
“ประการที่สาม และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือ เราตกลงมาตามทางลาด นี่คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุด”
ดวงตาของเพ่ยเหมียนหมานเปล่งประกายเจิดจ้าขณะที่นางฟังเรื่องทั้งหมด ก่อนหน้านี้นางเริ่มสิ้นหวังแล้ว แต่การวิเคราะห์ของซูอันได้ให้ความหวังใหม่แก่นาง “อาซู เจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ!”
การได้รับการยกย่องจากหญิงสาวสวยที่มองเขาด้วยสายตาชื่นชมทำให้หัวใจของซูอันเต้นระรัว “แน่นอนว่าข้าเยี่ยมเสมอ! อย่าเบื่อความยอดเยี่ยมของข้าก็แล้วกันหากเราอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ๆ!”
“ฮึ่ม! เจ้ามันหน้าด้าน!” เพ่ยเหมียนหมานบุ้ยปาก แต่นางค่อนข้างประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้สามารถมองโลกในแง่ดีได้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และการมองโลกในแง่ดีของเขาก็ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีมากขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนไม่อาจพูดคุยกันได้มากในตอนนี้ งูปรากฏตัวขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดินกลับ และยากที่จะหาจุดคุยที่เหมาะสม
ในตอนแรก สถานการณ์ยังคงสามารถจัดการได้ ต้องขอบคุณเปลวไฟสีดำของเพ่ยเหมียนหมาน ดูเหมือนว่าพวกงูจะกลัวเปลวไฟ และไม่กล้าเข้ามาใกล้มากนัก
อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของเพ่ยเหมียนหมานยังคงมีอยู่มาก และนางก็ไม่สามารถใช้เปลวไฟสีดำของนางได้อย่างไร้ขีดจำกัด ในที่สุดนางก็ต้องพัก
ซูอันใช้กระบี่ไท่เอ๋อร์กำจัดงูที่ขวางทาง โชคดีที่เพลงกระบี่ปราบมารของตัวเองไม่ใช่วิชาที่ต้องใช้พลังชี่ในการใช้งาน ดังนั้นรูปแบบการต่อสู้ของเขาจึงเหมาะมากกับสถานการณ์เช่นนี้ที่มีศัตรูอยู่ทุกหนทุกแห่ง
น่าเสียดายที่วิชาร่างก้าวทานตะวันของเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ทักษะนี้ดีสำหรับการหลบหลีกศัตรูในการสู้แบบตัวต่อตัว แต่ขณะนี้มีงูอยู่รอบตัวพวกเขา ดังนั้นเพียงแค่หลบเลี่ยงการโจมตีจึงไม่เป็นผลดีกับเขามากนัก
เมื่องูจำนวนมากรุกรานมาจากทุกทิศทุกทางและไม่มีทางเลือกอื่น ซูอันจึงพยายามกระโดดเหยียบโครงกระดูกจากโครงหนึ่งไปอีกโครงหนึ่ง แต่โครงกระดูกเหล่านี้มีงูซ่อนอยู่แทบทั้งหมด พวกมันจึงเลื้อยออกมาในทันทีเมื่อถูกรบกวน ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเขาหรือเปลวไฟสีดำของเพ่ยเหมียนหมาน พวกเขาคงตายไปแล้ว
เมื่อเผชิญกับปัญหาที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ซูอันจึงค้นพบวิธีอื่น คือการกระโดดไปที่กำแพง แม้ว่ากำแพงจะลื่นและยากต่อการยึดเหนี่ยว แต่เขาสามารถยึดตัวเองไว้กับกำแพงด้วยกระบี่ไท่เอ๋อร์และแท่งพิษ จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ โหนตัวเองเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ ด้วยมีดและดาบในมือทั้งสองด้วยการแทงผนังไปเรื่อย ๆ
ไม่ว่ากำแพงจะแข็งแกร่งขนาดไหน มันก็ไม่สามารถทานทนต่อความคมของกระบี่ไท่เอ๋อร์หรือแท่งพิษที่ฟันเหล็กขาดได้ราวกับตัดหญ้า
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาปลอบเพ่ยเหมียนหมานซึ่งกำลังเกาะเขาอยู่และพูดว่า “ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้พักหายใจ”
เขาตัดสินใจปีนกลับขึ้นไปจนเกือบจะสุดปากหลุมด้วยการใช้กระบี่ไท่เอ๋อร์และแท่งพิษต่างกรงเล็บ
เพ่ยเหมียนหมานทำเสียงเออออ ใบหน้าแดงเล็กน้อย แขนของนางเกี่ยวพันรอบคอของเขา และร่างกายของนางก็แนบชิดกับเขา ทั้งสองสัมผัสได้ถึงความร้อนในร่างกายของกันและกันผ่านเสื้อผ้า
ปกตินางค่อนข้างจะกล้าหาญ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเขินอายอย่างไม่น่าเชื่อ
ซูอันไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันนัก ร่างกายของเขาร้อนรุ่มเมื่อได้กลิ่นหอมของหญิงสาวและสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของหน้าอกนาง แม้ในตอนนี้พวกเขาจะยังอยู่ในหลุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอันตราย แต่บัดนี้มันก็ดูไม่เลวร้ายนัก…
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าสาวงามค่อย ๆ ปล่อยมือจากเขา ด้วยความตกใจเขาปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อคว้านางไว้ในทันที “เหมียนหมานใหญ่ อย่าปล่อย! ถ้าร่วงลงไปเจ้าจบแน่!”
งูทั้งหมดที่ด้านล่างเงยหัวขึ้นจ้องมองมาที่พวกเขาและส่งเสียงฟ่อ มันเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เพ่ยเหมียนหมานกัดริมฝีปาก “ข้าไม่มีพละกำลังเหลือแล้ว ข้ากอดนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว…”