บทที่ 574 เจียวเจียวและหลงอี (2)
ในคืนเดือนมืด ลมพัดแรง
รถม้าคันหนึ่งวิ่งออกตัวอย่างบ้าคลั่งบนถนนนอกประตูเมืองทางทิศตะวันตก พร้อมกับสายลับอีกเก้าคนที่คอยขี่ม้าประกบอยู่ทางหน้าหลัง
“องค์หญิง เข้าสู่เขตภูเขาชางเป้ยแล้วขอรับ และอีกห้าลี้ข้างหน้าคือสถานีเฟิ่งหวง เป็นสถานีเดียวในบริเวณนี้ เจ้าม้าตัวนี้ใกล้จะวิ่งไม่ไหวแล้ว พวกเราควรเปลี่ยนม้านะขอรับ”
ฉินฉู่อวี้ที่เหนื่อยล้ากับการร้องไห้ได้ผล็อยหลับไป และถูกจับไว้ในอ้อมแขนของเหลียนเอ๋อร์
“ข้าจะไม่เปลี่ยนม้า มุ่งหน้าต่อไป ข้างหน้ามีคนรอรับพวกเราอยู่”
แปลว่าต่อให้เจ้าม้าวิ่งจนเหนื่อยตายนางก็ไม่หยุดเป็นอันขาด
“ขอรับ!”
“แค่ก แค่ก แค่ก!” หวงฝู่เสียนไออย่างหนัก ก่อนจะค่อยๆ ลืมตา “ข้าปวดท้อง…อยากเข้าห้องน้ำ…”
“ทนไปก่อน”
“ทนไม่ไหวแล้ว…ข้า…แหวะ…” หวงฝู่เสียนยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็เผลออาเจียนออกมา
องค์หญิงหนิงอันขมวดคิ้ว มองกองอาเจียนบนพื้นด้วยอย่างขยะแขยง แล้วตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปสถานีพักม้า!”
รถม้าก็ได้มาจอดที่สถานีพักม้า
“เหลียนเอ๋อร์” องค์หญิงหนิงอันมองค้อนบ่าวรับใช้สาว
เหลียนเอ๋อร์จึงค่อยๆ เข็นรถเข็นของหวงฝู่เสียนลงจากรถม้า
ส่วนรถม้าต้องได้รับการทำความสะอาดโดยด่วน
องค์หญิงหนิงอันปลุกฉินฉู่อวี้ให้ตื่น พอตื่นปุ๊บก็เตรียมจะร้องไห้ต่อทันที ทว่าฉินฉู่อวี้ร้องไห้มาตลอดทางจนไม่มีเสียงแล้ว
ทุกคนลงจากรถม้า
“เจ้าก็ไปเข้าห้องน้ำด้วย ข้างหน้าไม่มีที่ให้เจ้าแวะทำธุระแล้ว!” องค์หญิงบอกกับฉินฉู่อวี้
ระหว่างทางที่ผ่านมาฉินฉู่อวี้ต้องฉี่ใส่ขวดน้ำ จนองค์หญิงหนิงอันแทบจะทนกลิ่นไม่ไหว
องค์หญิงสั่งให้สายลับหนึ่งคนติดตามพวกเขาไปที่ห้องน้ำ
“ท่านชาย กระหม่อมช่วยเองขอรับ” สายลับเอ่ยกับหวงฝู่เสียน
ห้องน้ำตามข้างนอกเช่นนี้ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือมากนัก หวงฝู่เสียนตัวคนเดียวมิอาจเข้าห้องน้ำได้อย่างราบรื่น
“อื้อ” หวงฝู่เสียนไม่ปฏิเสธ
จากนั้นสายลับก็อุ้มร่างของหวงฝู่เสียนเข้าห้องน้ำ
ส่วนเหลียนเอ๋อร์กับฉินฉู่อวี้ได้แต่ยืนรอตัวสั่นอยู่ข้างหน้า ที่ตัวสั่นไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนาวหรือกลัว
ไม่นาน ก็มีเสียงตะโกนร้องของหวงฝู่เสียนดังออกมาจากห้องน้ำ “อย่าจับตรงนั้นของข้านะ! ถ้าขืนยังจับมั่วซั่วข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
เหล่าสายลับที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกลเมื่อได้ยินต่างก็พากันส่ายหัว ท่านชายของพวกเขามีอารมณ์แปรปรวนฉะนี้แล
แต่หารู้ไม่ว่า เบื้องหลังเสียงตะโกนนั้นคือเสียงร่วงหล่นของวัตถุน้ำหนักมากรวมถึงเสียงร้องโอดครวญ
ร่างของสายลับล้มหมดสติลงบนพื้นในห้องน้ำ ร่างเปื้อนเลือดของหวงฝูเสียนค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนร่างของสายลับที่สลบอยู่
“เหลียนเอ๋อร์ เข้ามาเร็ว”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น
“เพคะ!”
เหลียนเอ๋อร์และฉินฉู่อวี้เดินเข้าไปในห้องน้ำ
พอได้เห็นภาพตรงหน้า เหลียนเอ๋อร์ถึงกับเบิกตากว้าง ส่วนฉินฉู่อวี้ร้องอุทานด้วยความตกใจ “อ๊าก”
โชคยังดีที่ฉินฉู่อวี้แทบไม่เหลือเสียงแล้ว
“องค์ชาย เกิดอะไรขึ้นเพคะ” เหลียนเอ๋อร์คุกเข่าลงพลางมองหวงฝู่เจิงที่ตอนนี้ใบหน้าและมือของเขาเต็มไปด้วยเลือด
เขากุมมือของเหลียนเอ๋อร์แน่น พร้อมกระซิบ “เหลียนเอ๋อร์ เจ้าต้องพาเขาหนีออกไป”
“หม่อมฉัน…ทำไม่ได้เพคะ…หม่อมฉันไม่รู้ทาง…หม่อมฉันวิ่งหนีพวกมันไม่ได้…ไม่ได้เพคะ…”
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าต้องทำได้สิ…ไม่นานคนของวังก็จะมาที่นี่…พวกเจ้าหนีไปทางทิศตะวันออก…หากคนของวังกำลังสะกดรอยตามพวกเรามา…โดยที่ไม่ถูกจับได้…พวกเขาจะต้องใช้เส้นทางนั้นแน่ๆ …แล้วข้าจะบอกพวกมันว่า…เจ้าเป็นคนฆ่าเจ้าหมอนี่…แล้วเจ้าพาฉินฉู่อวี้หนีไปทางทิศตะวันตก…แน่นอนว่าพวกมันต้องตามหาเจ้า…ดังนั้น เจ้าต้องวิ่งให้เร็วที่สุด…”
“แล้วท่านชายล่ะ…”
“ข้าเป็นลูกนาง…ข้าไม่เป็นไรหรอก…เจ้ารีบไปเถิด…ขืนช้าเดี๋ยวจะไม่ทันการ…”
น้ำตาของเหลียนเอ๋อร์เริ่มไหลริน นางกัดฟันพร้อมกับแบกหวงฝู่เสียนขึ้นหลัง “ถ้าจะไปก็ไปด้วยกันเพคะ!”
“ไปด้วยกัน…คงไปได้ไม่ไกลหรอก…” หวงฝู่เสียนเอ่ยพร้อมกับหลับตาลง
ทันใดนั้น ฉินฉู่อวี้ก็วิ่งออกไปโดยไม่ให้สัญญาณ!
เหลียนเอ๋อร์ถึงกับหน้าเสีย!
ขณะที่นางกำลังจะออกไปตามฉินฉู่อวี้ ก็พบว่าเขากำลังเข็นรถเข็นเข้ามาข้างใน
ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นไปทั่วลามไปถึงมือที่กำลังจับรถเข็น
หวงฝู่เสียนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “กลัวข้าจนตัวสั่นขนาดนี้…ยังอยากจะให้ข้าไปด้วยอีก…ไม่กลัวว่าข้าจะจับเจ้ากินระหว่างทางรึ…”
ฉินฉู่อวี้กัดฟันแน่น พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งปนสะอื้น “เจ้า…ถ้าเจ้าอยากกินจริงๆ…ก็…กินนิดเดียวพอ…อย่ากินเยอะ…ข้ากลัวเจ็บ”
“ไปกันนานเสียเหลือเกิน” องค์หญิงหนิงอันตรัสพลางกดหว่างคิ้วที่กำลังปวดตุ้บๆ “ไปดูหน่อยซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
สายลับนายหนึ่งเดินไปที่ห้องน้ำตามคำสั่ง
รถเข็นยังจอดอยู่ที่เดิม
ประตูห้องน้ำถูกปิดสนิท
สายลับจึงเปิดประตูเข้าไป “พวกท่านเสร็จกันแล้วหรือยัง”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
สายลับขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินดุ่มเข้าไปข้างใน แล้วเปิดม่านออก
“องค์หญิงขอรับ พวกเขาหายไปแล้ว!”
บนถนนภูเขาที่ขรุขระ เหลียนเอ๋อร์ย่ำเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับแบกร่างหวงฝู่เสียนไว้บนหลัง โดยมีฉินฉู่อวี้เดินหอบตามหลัง
“เดินไปข้างหน้า…ทางซ้าย…”
“ทางขวา …”
“ไปข้างหน้าต่อ…”
หวงฝู่เสียนบอกทางให้เหลียนเอ๋อร์ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เขาใกล้จะยื้อไม่ไหวแล้ว
“องค์ชาย ต้องไปทางไหนต่อเพคะ”
ทาง…ตะวันออก…
“องค์ชาย! องค์ชาย!”
“พวกเขาอยู่นั่น!”
คนขององค์หญิงหนิงอันตามพวกเขาทันแล้ว
“หนีเร็ว!” เหลียนเอ๋อร์คว้าตัวฉินฉู่อวี้แล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
แต่มีหรือที่พวกเขาจะไวสู้สายลับพวกนั้นได้
ขณะที่พวกเขาวิ่งผ่านสะพานแขวนที่ทำจากไม้ ก็พบว่าถูกคนพวกนั้นสกัดทางไว้ทั้งหน้าและหลัง
เบื้องล่างเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว
หากตกลงไปคงถูกสายน้ำพัดหายไปอย่างแน่นอน
หนึ่งในสายลับเอ่ยขึ้น “เหลียนเอ๋อร์ เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ลักพาตัวองค์ชายมาแบบนี้!”
“ข้า…” เหลียนเอ๋อร์หันไปมองรอบทิศ ก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วตอบกลับ “อย่าเข้ามานะ! ไม่อย่างนั้นข้าจะลากองค์ชายกระโดดลงน้ำ”
“บังอาจนัก!” หนึ่งในสายลับเอ่ยขึ้นพร้อมชี้ดาบไปทางเหลียนเอ๋อร์
จนนางตกใจจนตัวแข็งทื่อ
และในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เงาของร่างหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วปรากฏที่เบื้องหลังของพวกสายลับและจัดการถีบพวกเขาให้ตกลงไป!
ร่างที่ตกลงไปในแม่น้ำเชี่ยวยังไม่ทันจะได้ตะเกียกตะกายพ้นน้ำก็ถูกคลื่นซัดหายไป
พวกลูกสมุนขององค์หญิงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหลงอี ส่วนกู้เจียวพุ่งตรงไปช่วยเหลียนเอ๋อร์และเด็กอีกสองคน
เหลียนเอ๋อร์ตะโกนน้ำตาคลอ “ท่านหมอกู้!”
เหลียนเอ๋อร์รีบวิ่งเข้าไปหากู้เจียว แต่ไม่ทันระวังว่าบนสะพานไม้มีเศษน้ำแข็งเกาะอยู่จนเหลียนเอ๋อร์เกิดลื่นล้ม!
กู้เจียวยื่นมือคว้าร่างของเหลียนเอ๋อร์ไว้ ทว่าร่างของหวงฝู่เสียนที่อยู่บนหลังของเหลียนเอ๋อร์กลับพลิกตกลงจากสะพาน
กู้เจียวไม่รอช้า กระโดดลงไปคว้าร่างของหวงฝู่เสียนจนทั้งคู่ตกลงไปในสายน้ำที่ไหลเชี่ยว