วารุณีกับนัทธีต่างไม่รู้ว่าตัวเองเป็นข่าว ตอนนี้อยู่บนท้องฟ้าสูงกว่าหมื่นเมตรแล้ว
สามชั่วโมงถัดมา เครื่องบินก็จอดลงบนลานจอดของคฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์
นัทธีเปิดประตูเครื่อง แล้วลงไปก่อน
พอลงไปแล้ว เขาก็ยื่นมือออกไปหาวารุณีบนเครื่องบิน“ผมประคองคุณเอง ระวังนะ”
วารุณีมองท่าทางชายหนุ่มที่เอาใจใส่ ก็ยิ้ม จากนั้นเอามือวางไป
ชายหนุ่มจับมือเธอไว้ ออกแรงที่แขน แล้วเอาเธอลงมาจากบนเครื่องบิน
วารุณีตกอยู่ในอ้อมแขนของนัทธี
นัทธีโอบเธอไว้ จากนั้นก็เอาเธอวางไว้ที่พื้น“เรียบร้อย”
วารุณีลงไปที่พื้นแล้ว ก็มองคฤหาสน์อันคุ้นเคยตรงหน้า เบ้าตาแดงทันที
ในที่สุดเธอก็กลับมา กลับมาถึงบ้านของเธอกับนัทธี และลูกอีกสามคน
ช่วงที่ถูกนิรุตติ์ขังไว้ เธอสะดุ้งตื่นจากฝันอยู่หลายครั้ง กลัวว่าตัวเองจะถูกจังบนเกาะไปชั่วชีวิต และไม่กลับมานี่อีก
แต่ไม่คิดว่า เธอจะกลับมาแล้ว
“หม่ามี๊”ตอนที่วารุณีกำลังถอนหายใจนั้นเอง
ด้านหลังก็มีเสียงเรียกที่แสนดีใจของลูกสองคน
วารุณีตัวแข็งทื่อ จากนั้นหันกลับไป มองเห็นเด็กทั้งสองที่วิ่งมาหาตัวเอง
และด้านหลังของเด็กทั้งสองคน ก็มีปาจรีย์ เชอรีน และลีน่าทั้งสามคนนี้ ก็กำลังเดินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
“หม่ามี๊!”เด็กทั้งสองมาถึงตรงหน้าวารุณี ก็เหมือนกับลูกกระสุนปืนใหญ่สองอัน ที่พุ่งตรงมาที่วารุณี เกาะขาเธอคนละข้าง
“หม่ามี๊ ในที่สุดหม่ามี๊ก็กลับมาแล้ว ไอริณคิดถึงหม่ามี๊มากฮือฮือฮือ……”ไอริณถูไถไปตรงขาของวารุณี แล้วร้องไห้ออกมา
ถึงแม้อารัณไม่ร้องไห้ แต่ก็กลั้นน้ำตาไว้ พยักหน้าไปมา“ใช่ครับหม่ามี๊ อารัณก็คิดถึงหม่ามี๊”
วารุณีมองเด็กทั้งสองคน ในใจก็ค่อนข้างรับไม่ได้
เธอนั่งลง กอดลูกทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขน ลูกหัวเล็กๆของลูกทั้งสองคน เสียงก็สะอื้นขึ้นมา“หม่ามี๊ก็คิดถึงพวกหนูนะ ขอโทษนะลูกรัก หม่ามี๊ทำให้พวกลูกเป็นห่วง ขอโทษจริงๆ!”
ในส่วนนี้ เธอที่เป็นหม่ามี๊ ช่างไร้คุณสมบัติจริงๆ จู่ๆก็ถูกคนพาตัวไป จะต้องทำให้เด็กทั้งสองตกใจไม่น้อยแน่
อารัณไอริณพิงไปในอ้อมกอดวารุณี ร้องไห้อย่างเสียใจ
พวกปาจรีย์สามคนหยุดลงตรงข้ามวารุณี ไม่พูดอะไร พวกเธออยากรอให้สามคนแม่ลูกใกล้ชิดกันให้พอแล้วค่อยพูด
นัทธีก็ยืนอยู่ข้างๆ ไม่รบกวนสามคนแม่ลูก
แต่หลังจากผ่านไปสองสามนาที เขาก็เข้ามา ย่อตัวไปเช่นกัน แล้วเอาสามคนแม่ลูกมาไว้ในอ้อมแขน“เอาล่ะ อย่าร้องไห้ หม่ามี๊กลับมาเป็นเรื่องที่น่ายินดี ไม่ใช่เหรอ?”
ได้ยินคำนี้ อารัณก็รีบสูดจมูก หยุดร้องไห้“พ่อพูดถูก ไอริณ อย่าร้องไห้ พวกเราควรจะยิ้ม หม่ามี๊กลับมาแล้ว ต้องยิ้มสิถึงจะถูก”
ไอริณตอบกลับอย่างสะอึกสะอื้น:“หนูเข้าใจแล้วค่ะพี่ หนูไม่ร้องไห้แล้ว”
เธอเงยหน้าขึ้น มองวารุณีกับนัทธีแล้วร้องไห้เบาๆ ฉีกยิ้มให้ทั้งสอง“พ่อหม่ามี๊ ดูสิคะ หนูไม่ร้องไห้แล้ว”
“อือ หม่ามี๊เห็นแล้ว เป็นเด็กดีมาก!”วารุณีจูบหน้าผากของสาวน้อย
แน่นอนว่า ก็ไม่ลืมอารัณ จูบลงไปด้วย
ในฐานะแม่ ความยุติธรรมนี้ เธอทำได้ดีมาตลอด
นัทธีก็เช่นกัน จูบลูกชายลูกสาวไปคนละที
ปลอบเด็กทั้งสองเสร็จ วารุณีก็ถูกนัทธีประคองขึ้นมา
วารุณีมองเพื่อนรักสามคนตรงหน้า แล้วปรากฏรอยยิ้ม
เพื่อนรักสามคนก็ยิ้มไปที่เธอ จากนั้นแป๊บหนึ่ง ทั้งสามก็วิ่งมาทางวารุณี กอดวารุณีไว้ตรงกลาง
“วารุณี ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”ปาจรีย์มองวารุณี พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
เชอรีนกับลีน่าก็เช่นกัน พูดต้อนรับ
นัทธีจูงเด็กทั้งสองคนยืนมองพวกเธอสี่คนอยู่ข้างๆ
เห็นวารุณีถูกผู้หญิงทั้งสามคนนี้ทั้งหอมทั้งกอด ก็เป็นครั้งแรกที่ไม่รู้สึกไม่พอใจ
เพราะเขารู้ว่า หลายวันนี้ที่วารุณีไม่อยู่ พวกเธอเป็นห่วงเธอมาก และก็พยายามหาเธอ
มิตรภาพส่วนนี้ คุ้มค่าที่ให้เขายอม
วารุณีคบกับพวกเธอ เขาก็วางใจ
ตอนนี้เอง ป้าส้มก็เดินเข้ามา มองเห็นวารุณี เบ้าตาก็แดง“คุณหญิง”
วารุณีได้ยิน ก็ปล่อยพวกปาจรีย์ หันไปมองป้าส้ม จากนั้นจึงเดินเข้าไป กอดป้าส้มไว้“ป้าส้ม ฉันกลับมาแล้วค่ะ”
“กลับมาก็ดีค่ะ กลับมาก็ดีค่ะ”ป้าส้มตบหลังของเธออย่างดีใจ
วารุณีก็ยิ้ม“หลายวันนี้ ทำให้ป้าส้มเป็นห่วงเลย”
“ไม่ค่ะ ป้าโอเค คุณผู้ชายกับเด็กทั้งสองต่างหากที่เป็นห่วงที่สุด”ป้าส้มปล่อยวารุณี เช็ดหางตาแล้วพูด
วารุณีพยักหน้า“ฉันรู้ค่ะ ต่อไปไม่มีแบบนี้อีกแล้ว จะไม่ให้พวกเขาวิตกกังวล”
“เอาล่ะคุณหญิง พวกเราเข้าไปในบ้านก่อนดีกว่า มีเรื่องอะไร ค่อยคุยในบ้าน ด้านนอกหนาวค่ะ”ป้าส้มเช็ดน้ำตา แล้วยิ้มออกไปอีกครั้ง
วารุณีตอบอือ“พูดถูก งั้นพวกเราทุกคนเข้าไปดีกว่าค่ะ”
“ใช่ๆๆ ควรเข้าไป วารุณี เธอบอกพวกเราหน่อยว่าหลายวันนี้ เธอเจออะไรมาบ้าง”ปาจรีย์คล้องแขนของวารุณี
“ใช่วารุณี พูดให้พวกเราฟังหน่อยสิ”เชอรีนก็คล้อยตาม
ถึงแม้ลีน่าไม่พูด แต่ก็คิดแบบนี้เช่นกัน อยากรู้อยากเห็นสิ่งที่วารุณีเจอมาในช่วงนี้
วารุณีพยักหน้า“ได้สิ ฉันจะบอกพวกเธอ”
ยังไงซะช่วงนี้ นอกจากเธอจะถูกนิรุตติ์ขังแล้ว ก็ไม่ได้เกิดอะไรที่ไม่ดี ดังนั้นก็สามารถพูดเรื่องพวกนี้ได้
ในห้องรับแขก วารุณีเล่าสิ่งที่ตัวเองเจอมาในช่วงนี้ให้พวกปาจรีย์ฟัง
นัทธีไม่อยู่ ไปห้องทำงาน อารัณก็ไปด้วย
ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกปรึกษาอะไรกัน
ไอริณกลับพิงอยู่ในอ้อมกอดของวารุณี ฟังไปกับวารุณี
ได้ยินว่านิรุตติ์จะลงมือกับวารุณี แต่สุดท้ายถูกวารุณีใช้มีดทำร้ายจนเจ็บ ปาจรีย์ก็ตบโต๊ะ แล้วใบหน้าก็ตื่นเต้นอย่างชัดเจน“เลิศมาก วารุณี เธอเจ๋งมาก รับมือกับคนหน้าด้านแบบนี้ ก็สมควรทำแบบนี้แหละ”
“ถูกต้อง”เชอรีนพยักหน้า
ลีน่ากลับกังวลเล็กน้อย“ถึงจะแบบนี้ แต่ถ้าอีกฝ่ายขัดขืน วารุณีก็ไม่แน่ว่าจะไล่เขาไปได้หรอก เมื่อกี๊วารุณีก็บอกแล้ว เธอไม่กล้าแทงคนจริง ดังนั้นจึงแค่ปาดแขนของนิรุตติ์นั่น และแค่ปาดแขน ก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายถอยไปได้ อีกฝ่ายสามารถควบคุมวารุณีได้เลย แต่วารุณีบอกว่า สุดท้ายคนนั้นก็ถอยออกไป ดังนั้นฉันว่า เขาตั้งใจปล่อยวารุณีไป”
คำนี้ทำให้ทุกคนเงียบ
แป๊บหนึ่ง วารุณีจึงถอนหายใจพยักหน้า“เธอพูดถูก ตอนนี้คิดดูแล้ว เขาตั้งใจปล่อยฉันจริงๆ ไม่งั้นฉันหนีไม่ได้หรอก”
“แต่ถึงแบบนี้ เขาก็จับวารุณีไป และอยากขังวารุณีไว้ที่เกาะทั้งชีวิต จากตรงนี้ ก็หมายความว่า เขาไม่ใช่คนดี”เชอรีนเบะปาก
วารุณีหัวเราะ“พูดถูก”
“แล้วไงต่อ เกิดอะไรขึ้นอีก?”ปาจรีย์ดื่มชาไปคำหนึ่งแล้วพูด
วารุณีก็พูดต่อไป เนื่องจากที่เกิดขึ้นต่อไปนั้น มันธรรมดามาก ดังนั้นวารุณีจึงรีบพูดเรื่องที่นัทธีขึ้นฝั่ง จับนวิยา
ได้ยินว่านวิยาถูกหักขา ปาจรีย์ก็รีบปรบมือชม“สะใจจริงๆ สะใจมาก!”
“ใช่ค่ะ”ป้าส้มก็พยักหน้า
แม้แต่ไอริณที่อยู่ในอ้อมแขนวารุณี ก็มีดวงตาเป็นประกาย
เธอยังเด็ก ไม่เข้าใจขาหักอะไรนัก แต่เธอรู้ว่า คุณน้าคนนั้นที่เคยยกเธอขึ้นมา แล้วทุ่มไปแรงๆที่พื้น ถูกกรรมตามสนองแล้ว
ดังนั้น ในใจเธอมีความสุขมาก
“ใช่สิวารุณี งั้นตอนนี้นวิยาอยู่ไหน?พากลับมาไหม?”ปาจรีย์ถาม