บทที่ 672 ปาจรีย์ที่ทรุดลง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีพยักหน้า“แน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มาส่ง น่าจะมาถึงพรุ่งนี้”

ตอนที่เรือสำราญมาถึงท่าเรือ เธอกับนัทธีก็ออกไปก่อน

ส่วนนวิยากับเมโรนายังอยู่บนเรือสำราญ ถึงตอนนั้นให้มารุตขับรถมาส่ง

“ที่แท้ก็แบบนี้ ฉันว่าครั้งนี้ นวิยาน่าจะไม่สู้ด้วยอีก”ปาจรีย์พูด

วารุณีหัวเราะ:“ถ้าเธอยังจะสู้อีก งั้นนัทธีกับฉันก็ไปฆ่าตัวตายได้เลย ไม่ถึงขนาดว่าแม้แต่คนๆเดียวก็ยังดูไม่ได้”

พวกเธอพูดคุยหัวเราะกันไป แป๊บเดียวก็เย็น

เชอรีนกับลีน่าก็กล่าวลาออกไป พรุ่งนี้ค่อยรวมตัวใหม่

ที่จริงปาจรีย์ก็คิดจะไป แต่ถูกวารุณีให้อยู่คนเดียว

ทุกคนรู้ว่า แบบนี้วารุณีต้องมีอะไร ที่จะพูดกับปาจรีย์ส่วนตัว

“ป้าส้ม จึงอุ้มไอริณไป”วารุณีส่งไอริณให้ป้าส้ม

ป้าส้มพยักหน้า รับไอริณขึ้นไปข้างบน

ไอริณก็รู้เรื่องดี ไม่ร้องไห้จะอยู่ต่อ ตามป้าส้มออกไปอย่างเชื่อฟัง

ในห้องเหลือแค่วารุณีกับปาจรีย์สองคน

ปาจรีย์มองเธอ แล้วอ้าปาก“วารุณี เธอมีอะไรสำคัญมากอยากคุยกับฉันใช่ไหม?”

วารุณีพยักหน้า จากนั้นหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าให้ปาจรีย์

ปาจรีย์รับมาอย่างสงสัย จ้องภาพนั้นสักพัก เห็นในภาพเป็นชายชราที่รอยสักเต็มตัวคนหนึ่ง ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความสงสัย“นี่……นี่หมายความว่าไง?”

“คนบนรูปนี้ คือฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่พงศกร”วารุณีชี้ไปที่รูปแล้วตอบ

ปาจรีย์ตะลึงก่อน จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก“อะไรนะ?ฆาตกรที่……ฆ่า……ฆ่าพ่อแม่พงศกร?”

เธอตกใจจนพูดออกมาติดขัด แม้แต่มือที่ถือรูปภาพ ก็สั่น

วารุณีตอบอือ“ถูกต้อง เขานี่แหละ”

ปาจรีย์อ้าปากกว้าง สักพักจึงพูดออกไป“ดีจัง ดีจัง……วารุณี เธอหาคนนี้เจอได้ไง?”

ปาจรีย์มองวารุณีตาแดง น้ำตาคลอไปมาที่เบ้าตาด้วยความตื่นเต้น

เธอจะไม่ตื่นเต้นได้เหรอ?

สิบกว่าปีแล้ว เธอหาฆาตกรที่แท้จริงมาตลอด อยากชำระล้างความบริสุทธิ์ให้ครอบครัวตัวเอง บอกพงศกรว่า ครอบครัวพวกเขาไม่ใช่คนที่เปิดเผยร่องรอยของพ่อเขาจริงๆ

แต่สิบกว่าปีมานี้ ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน สืบอย่างไร ก็หาฆาตกรตัวจริงไม่ได้

และตอนนี้ จู่ๆวารุณีก็หาให้เธอได้ เธอจะไม่ดีใจได้ไง

“นิรุตติ์ช่วยฉันสืบ”วารุณีตอบไป

ปาจรีย์ตะลึง“เขา?”

“ถูกต้อง เธอน่าจะรู้ นิรุตติ์กับฆาตกรที่ทำร้ายพ่อแม่พงศกร มาจากองค์กรเดียวกัน ถ้าเขาสืบ จะต้องไวกว่าพวกเราแน่นอน และก็ ฉันว่าเขาก็ไม่จำเป็นต้องหลอกฉันเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับเขาเลย”วารุณีอธิบาย

ปาจรีย์พยักหน้า“ก็ใช่ แต่ว่าวารุณี เขาสืบให้เธอ คงไม่ใช่เธอรับปากอะไรหรอกนะ?ถ้าเป็นแบบนี้จริง ฉันยอม……”

“วางใจเถอะ ไม่มีจริงๆ”วารุณีจิบน้ำแล้วตอบไปว่า:“ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเขาจะให้ฉันรับปากอะไร คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาก็ไม่ทำอะไรแบบนี้ ดังนั้นเธอไม่ต้องห่วง”

เห็นวารุณีพูดจริง ปาจรีย์จึงวางใจ แล้วก็โล่งอก“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”

“ถึงแม้เขาจะสืบว่าฆาตกรที่ทำร้ายพ่อแม่พงศกรเป็นใคร แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยจับ ดังนั้นจับคนนั้นมา ก็ต้องพึ่งตัวพวกเราเอง”วารุณีเตือนเธอ

ปาจรีย์หัวเราะ“ไม่เป็นไร เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขา เขาช่วยฉันสืบได้ ฉันก็พอใจมากแล้ว ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่าฆาตกรเป็นใคร หน้าตาอย่างไร ต่อไปจะจับเขา ก็สะดวกแล้ว ใช่สิวารุณี นิรุตติ์ได้บอกไหม ฆาตกรคนนี้ ทำไมถึงฆ่าคุณลุงคุณป้า?”

“บอก”วารุณีถอนหายใจ จากนั้นจึงพูดสาเหตุที่ฆ่าพวกเขาที่ตอนนั้นนิรุตติ์บอกเธอออกมา

ปาจรีย์ฟังจบ ก็กัดริมฝีปากแน่น“ที่แท้ก็แบบนี้เอง เพราะว่าคุณลุงคุณป้าไม่รับปากเข้าองค์กรพวกเขา ทำงานให้พวกเขา จึงจะทำลายพวกเขา องค์กรแบบนี้ชั่วร้ายมาก ควรจะกำจัดให้หมด”

เธอตบโต๊ะแรงๆ

วารุณียกมุมปากขึ้น“แต่ไม่ใช่”

“โอเควารุณี ฉันไปก่อนละ ฉันจะไปหาพงศกร เอาเรื่องนี้บอกเขา ให้เขารู้ ว่าครอบครัวเราเป็นผู้บริสุทธิ์”ปาจรีย์พูดไป ก็จะไปหยิบกระเป๋า

วารุณีคิดอะไรได้ ก็จับมือของเธอ“เดี๋ยว”

“ทำไมเหรอวารุณี?”ปาจรีย์หันไป มองเธออย่างงุนงง

วารุณีอ้าปาก“ปาจรีย์ เอ่อ……”

มองออกว่าเธอเหมือนจะพูดอะไรออกมาก็หยุดไว้ ในใจปาจรีย์ก็เต้นตึกตัก รู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ

แต่ปาจรีย์ไม่แสดงออกมา ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้:“มีอะไรก็พูดมาเถอะ”

“ปาจรีย์ ที่จริง……”วารุณีกัดริมฝีปาก“ฉันไม่รู้ว่าเธอควรจะเอาเรื่องนี้บอกพงศกรดีไหม แต่ฉันอยากบอกว่า การตายของพ่อแม่พงศกร เกี่ยวข้องกับคุณลุงคุณป้าเล็กน้อยจริงๆ”

ได้ยินคำนี้ รอยยิ้มที่ใบหน้าปาจรีย์ก็แข็งทื่อไปทันที กระเป๋าบนไหล่ ก็ไหลลงพื้น

“เธอพูดอะไร?เธอบอกว่าการตายของคุณลุงคุณป้า เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ฉัน?”นานมาก ปาจรีย์จึงพูดออกมาอย่างเสียงแหบ

วารุณีไม่ค่อยกล้ามองตาเธอ พยักหน้าตอบอือ“ใช่ คุณลุงคุณป้าเปิดเผยที่อยู่ของพ่อแม่พงศกรจริงๆ”

“เป็นไปไม่ได้!”ปาจรีย์สะบัดมือเธอทันที พูดด้วยอารมณ์ตื่นตระหนก:“นี่จะเป็นไปได้ไง เธอบอกแล้วนี่ คนในรูปคือฆาตกร เป็นเขาที่ฆ่าคุณลุงคุณป้า และพ่อแม่ฉันกับคุณลุงคุณป้าก็ดีต่อกันมาก จะเปิดเผยที่อยู่ได้ไง วารุณีเธอกำลังหลอกฉัน เธอกำลังหลอกฉันใช่ไหม?”

“ฉันไม่ได้หลอกเธอ นี่เป็นความจริง”วารุณีเห็นปาจรีย์แบบนี้ ในใจก็เสียใจมาก แต่เสียใจแค่ไหน เธอก็ต้องพูด

ถ้าตอนนี้ไม่พูด ต่อไปพงศกรกับปาจรีย์รู้ ก็จะยิ่งใจสลาย

“ไม่มีทาง ไม่มีทาง ไม่มีทางแบบนี้แน่!”ปาจรีย์จับหัวตัวเองไว้ ส่ายหน้าอย่างแรง ไม่อยากเชื่อวารุณี

วารุณีจับมือเธอมา แล้วมองเธอ“ปาจรีย์ ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อ ที่จริงแม้แต่คุณลุงคุณป้าพวกเขาก็ไม่รู้ ว่าพวกเขาทำให้ที่อยู่ของพ่อแม่พงศกรรั่วไหล”

“อะไรนะ?”ปาจรีย์จ้องวารุณี“เธอบอกว่าพ่อแม่ฉันไม่รู้?ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ งั้นมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าพวกเขาทำให้รั่วไหลไป?”

“พวกคุณลุงคุณป้าไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าทำให้รั่วไหลออกไป ช่วงที่พ่อแม่พงศกรหลบการไล่ล่า เป็นพ่อแม่เธอที่ให้ของกินของใช้พวกเขาเสมอ และความสัมพันธ์ของพ่อแม่เธอกับพ่อแม่พงศกรก็ดีมาก เธอว่าฆาตกรจะตามหาพ่อแม่พงศกร โดยไม่ผ่านพ่อแม่เธอเหรอ?”

ปาจรีย์อ้าปาก พูดเสียงสั่นเครือ:“ดังนั้นความหมายของเธอคือ……พ่อแม่ฉันเปิดเผยร่องรอยของคุณลุงคุณป้าโดยไม่ตั้งใจ?”

“ใช่ ยังไงคุณลุงคุณป้าก็เป็นคนทั่วไป ตอนที่พวกเขาไปให้ของใช้จำเป็นแก่พ่อแม่พงศกร ไม่มีทางสังเกตได้ตลอดเวลาว่ามีคนสะกดรอยตามพวกเขา และก็แบบนี้ ฆาตกรจึงหาพ่อแม่พงศกรเจอ”

คำนี้ ซัดความเชื่อและความเด็ดเดี่ยวในใจของปาจรีย์ไปอย่างพังพินาศ

ตรงหน้าเธอมืดไป ร่างกายสั่น จากนั้นล้มไปทันที

วารุณีเห็นแบบนี้ จึงตกใจ“ปาจรีย์!”

เธอรีบลุกขึ้น รับปาจรีย์ไว้ แล้วประคองไปที่โซฟา“ปาจรีย์เธอไม่เป็นไรนะ?”

ปาจรีย์พิงไปในอ้อมแขนเธอ หอบอย่างแรง

ตอนนี้ข่าวพวกนี้ ทำให้ในใจปาจรีย์ช็อกอย่างมาก ลมหายใจไม่อาจสงบนิ่งได้

สักพัก ปาจรีย์จึงลุกขึ้นจากอ้อมแขนวารุณี ร้องไห้ตำหนิตัวเอง“ที่แท้ ครอบครัวพวกเราก็เป็นฆาตกรที่ทำร้ายคุณลุงคุณป้าจริงๆ เหอะเหอะ ตลกมาก ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตามหาฆาตกร ล้างความไม่ยุติธรรมให้ครอบครัวเรา แต่ที่จริงแล้ว ครอบครัวพวกเราก็ไม่ได้ถูกปรักปรำ เพราะว่าเป็นพวกเราที่เปิดเผยร่องรอยจริงๆ พวกเราคือฆาตกร……”