ตอนที่ 591 ความจริงแล้ว ท่านอาจมี (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 591 ความจริงแล้ว ท่านอาจมี (1)

โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงกระจายข่าวออกไปอย่างรวดเร็วและหยุด “งาน” ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด! หัววัว หน้าม้า ไม่สิ พวกเหล่าเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกนี่!

พวกเขาทำงานอะไร ก็แทบจะไม่ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่พวกเขาทำ และยังเป็นสามอันดับแรกในการสร้างปัญหา พวกเขาจะเริ่มต้นด้วยการเติมเต็มท้องฟ้าด้วยวิญญาณอาฆาตหญิงสาวที่ดุร้าย ทำให้ทั้งสถานที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าขนลุกของยมโลกอย่างสมบูรณ์!

หัววัวและหน้าม้านำแม่ทัพกองทหารรักษาการณ์แห่งแดนยมโลกสองสามคนมาด้วย พวกเขายิ้มสู้เหมือนทำใจดีสู้เสือ เมื่อหลี่ฉางโซ่วเรียกหาให้พวกเขามา

หัววัวกล่าวอย่างจริงจังหนักแน่นว่า “ท่านเทพวารี ด้วยตัวตนและสถานะของท่านในยามนี้ คงไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะทำให้เหตุการณ์นี้ใหญ่ขึ้นและยิ่งใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า”

หลี่ฉางโซ่วอยากจะดุด่าพวกเขาจริงๆ แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงกล่าวเพียงว่า “ข้ารู้ว่าพวกท่านทั้งคู่กระตือรือร้น ข้าเองก็ยังรู้สึกถึง… ความมุ่งมั่นกระตือรือร้นอย่างรุนแรงของแดนยมโลก

แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรตื้นเขินเช่นนี้ในอนาคต!

วันนี้ท่านแม่ทัพจ้าวและข้ามาที่แดนยมโลกเพื่อทำภารกิจสำคัญ และข้าก็ยังอยากขอให้สหายเต๋าทั้งสองคนช่วยแนะนำข้าให้รู้จักกับผู้พิพากษาที่รับผิดชอบตำรามนุษย์หรือเหยียนจุน[1]คนใดก็ตามที่มีเวลา”

หัววัวและหน้าม้าตกลงอย่างไม่ลังเลและยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะจัดการทันที

ในขณะนี้ พวกเขาได้เปลี่ยนจากเกวียนเทียมวัวที่หัววัวจูงนำซึ่ง “ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำภารกิจต่างๆ” มาเป็นหน้าม้าทันทีในขณะที่เหล่าแม่ทัพและเจ้าหน้าที่จากแดนยมโลกทั้งหลายก็ติดตามมาข้างหลัง

ทันใดนั้นหัววัวก็สะบัดเหวี่ยงกีบเท้าของเขา แล้ววิ่งรีบกลับไปที่เมืองเฟิงตูพร้อมด้วยกลุ่มฝุ่นควันฟุ้งตลบและร้องตะโกนไปตลอดทางเพื่อสร้าง “ความประหลาดใจเล็กน้อย” ให้กับพวกที่ “ซุ่มโจมตี” อยู่ทั่วทุกที่ รีบล่าถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว

พวกเขายังเคยฝึกซ้อมพิธีต้อนรับนี้มาก่อนสองสามครั้งแล้ว และพวกเขาก็เตรียมมามากกว่าเพียงแค่กลอุบาย “ผีสาวแสนสวย” เท่านั้น!

บนเกวียนเทียมวัว ในเวลานี้ จ้าวเต๋อจู้ ซึ่งยังคงเผยรอยยิ้มบาง อดจะส่งข้อความเสียงออกมาไม่ได้ว่า “ฉางเกิง มันเหมาะสมหรือไม่ที่เผ่าเวทมีหน้าที่ดูแลสถานที่สำคัญในแดนยมโลก?”

หลี่ฉางโซ่วเห็นได้ในทันทีว่า เผ่าเวทส่วนใหญ่ในแดนยมโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย…

“หัววัวและหน้าม้าอาจเป็นทูตเกี่ยววิญญาณแห่งแดนยมโลก แต่ความจริงแล้ว พวกเขาไม่ก็ค่อยสนใจในเรื่องของแดนยมโลกมากนัก และพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งไม่เลว”

หลี่ฉางโซ่วตอบผ่านการส่งข้อความเสียงอีกว่า “เหยียนจุนแห่งแดนยมโลก ผู้พิพากษา ตำราแห่งชีวิตและความตาย และพู่กันพิพากษา ความจริงแล้ว ก็ล้วนเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการดูแลในเรื่องสังสารวัฏทีเดียว เพราะในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบมาหลายปีแล้ว ..”

เพียงทันทีที่เขากล่าวจบ ผู้ฝึกบำเพ็ญสองสามคนก็บังเอิญขี่เมฆบินผ่านไปที่ความสูงระดับต่ำ ในขณะนั้น พวกเขายังคงพูดคุยกันอย่างออกรสว่า “ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า จะใช้สมบัติธรรมดาเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นในการจัดเตรียมการกลับชาติมาเกิดของอาจารย์ลุง มันช่างคุ้มค่าจริงๆ!”

“ใช่แล้ว หลักสำคัญคือ เพราะพวกเราได้พบช่องทางที่ดี”

“ครั้งนี้ ข้าเข้าใจแล้วว่า แดนยมโลกทำงานอย่างไร หลังจากนี้ หากข้าต่อสู้ไม่ได้ ข้าก็รักษาวิญญาณของข้า เช่นนั้นก็ยังมีทางออกเหลือไว้ได้เช่นกัน…”

“ความจริงแล้ว มันสะดวกดีทีเดียว”

จ้าวเต๋อจู้ถึงกับพูดไม่ออก

ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็รีบส่งข้อความเสียงไปว่า “แน่นอนว่า กระนั้นแล้ว แดนยมโลกก็ยังมีข้อเสียมากมาย หลังจากที่พวกเขากลับไปอยู่ที่ศาลสวรรค์แล้ว พวกเรายังต้องจัดการแก้ไขพวกเขาให้ถูกต้อง!”

จ้าวเต๋อจู้ส่ายศีรษะและถอนหายใจพลางกล่าวว่า “สถานการณ์นี้ก็สมเหตุสมผล ด้วยความจริงที่ว่า ผู้ฝึกบำเพ็ญสามารถเข้าถึงแดนยมโลกได้ นั่นย่อมหมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะแทรกแซงสังสารวัฏหกวิถี

แต่ข้าก็หวังว่าจะไม่มีจำนวนวิญญาณที่กำหนดแน่นอนในสังสารวัฏหกวิถี และพวกเขาก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อสังสารวัฏตามปกติของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพราะการกระทำที่น่าสงสัยมีลับลมคมนัยเหล่านี้”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ขอฝ่าบาท โปรดอย่าทรงกังวลพระทัยไปเลย เทพน้อยไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้ หากมันส่งผลกระทบต่อสังสารวัฏตามปกติของสิ่งมีชีวิตจริงๆ เต๋าสวรรค์ก็ย่อมจะมีกรรมร้ายอย่างแน่นอน เทพน้อยเกรงว่าเจ้าหน้าที่เซียนแห่งแดนยมโลกเหล่านี้จะไม่อาจทนแบกรับได้”

“ก็ดี…”

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ทั้งสองก็แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปและมองดูทิวทัศน์ภายในและภายนอกเมืองเฟิงตู

ในขณะนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็ยังเห็นบ่อน้ำเฉิงหวง[2]ที่ถูกจัดวางอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง และเห็นเหล่าวิญญาณอาฆาตแค้น ซึ่งไม่อาจกลับชาติมาเกิดได้และทำได้เพียงรอให้พลังวิญญาณของพวกเขาสลายไปและกลายเป็นวิญญาณแท้ที่กำลังล่องลอยอยู่รอบๆ ทั่วเมืองเฟิงตู…

เขาถอนหายใจอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “ย้อนกลับไปในตอนนั้น พวกบรรพชนเผ่าเวทได้ทำลายภูเขาปู้โจว เสาสวรรค์พังทลายลง และน้ำในแม่น้ำเทียนเหอท่วมโลกบรรพกาล นอกจากนี้ ในช่วงมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจครั้งก่อน โลกและทะเลเลือดยังเต็มไปด้วยวิญญาณอาฆาตแค้นที่ไม่อาจสลายไปได้ ดังนั้น ต้าเต๋อโฮ่วถู่จึงกลายร่างเป็นสังสารวัฏหกวิถีเพื่อชดใช้ความผิดบาปของเผ่าเวท และยังประโยชน์ให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดปวง เมื่อข้าได้เห็นในวันนี้ว่ายังมีวิญญาณอาฆาตแค้นมากมายซึ่งไม่มีที่ไป นอกจากอยู่ข้างๆ วงล้อแห่งสังสารวัฏ[3] ซึ่งทำให้ข้ากังวลใจนัก”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ยังมีอีกหลายสาเหตุที่วิญญาณอาฆาตแค้นไม่อาจเข้าสังสารวัฏ ก่อนหน้านี้ เทพน้อยเคยพยายามช่วยวิญญาณอาฆาตแค้น และพอได้รับผลบุญอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าการดำรงอยู่ของดวงวิญญาณอาฆาตแค้นนี้ได้เพิ่มภาระให้กับแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีมากขึ้นในระดับหนึ่ง…”

ต่อหน้าเกวียนวัว หลี่ฉางโซ่วและจ้าวเต๋อจู้ยังคงพูดคุยกันผ่านการส่งข้อความเสียง

ในเวลานั้นหลงจี๋ซึ่งนั่งเอนหลังอยู่ที่เบาะด้านหลัง กำลังจับจ้องมอง “ทิวทัศน์แปลกตา” นอกเมืองเฟิงตูอย่างอยากรู้อยากเห็นในขณะที่อ๋าวอี่กำลังมองไปที่เนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยหมู่มวลบุปผาสีขาวบริสุทธิ์ในระยะไกลและจมจ่อมอยู่ในภวังค์แห่งความคิดเล็กน้อย

สายลมสดชื่นพัดโชยผ่านมาเอื่อยอ่อน…

จู่ๆ อ๋าวอี่ก็ลุกขึ้นยืนบนเกวียนเทียมวัวและมองไปยังทิศทางของเมืองเฟิงตู และใบหน้าบอบบางของเขาก็เต็มไปด้วยความร้อนรน

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก” อ๋าวอี่กล่าวว่า “ข้าไปในเมืองก่อนได้หรือไม่?”

“ได้สิ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว

“สหายเต๋าหน้าม้า ข้าขอรบกวนให้ท่านพาเขาไปที่นั่นก่อนได้หรือไม่?”

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา! ฮี้-”

หน้าม้าซึ่งเป็นผู้จูงวัวในขณะนี้ ตกลงในทันที จากนั้นเขาก็ตบหัวเจ้าวัวเฒ่าที่กำลังลากเกวียน และขู่ว่าจะใช้เนื้อของมันทำเป็นหม้อไฟเนื้อวิญญาณในคืนนี้ แล้วให้เจ้าวัวเฒ่า เขาต้องการให้เจ้าวัวเฒ่าลากเกวียน พาแขกผู้มีเกียรติเข้าไปในเมืองเฟิงตูอย่างเชื่อฟัง

หลังจากนั้น หน้าม้าก็รีบพาอ๋าวอี่ตรงไปที่เมืองเฟิงตูก่อนอย่างรวดเร็ว

ในเวลานั้น จ้าวเต๋อจู้ก็เอ่ยถามว่า “เกิดอันใดขึ้น?”

“เขาน่าจะได้ยินเสียงเรียกของเหล่าวิญญาณมังกรบางดวง” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “เป็นการดีที่จะปล่อยให้อ๋าวอี่ได้ไปพบพวกเขา ไม่เช่นนั้น เขาก็จะทุกข์ใจจมอยู่กับปัญหานั้นไปอีกนานอย่างแน่นอน”

“ดี”

จ้าวเต๋อจู้พยักหน้าช้าๆ และสนทนาผ่านการส่งข้อความเสียงกับหลี่ฉางโซ่วต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เห็นประตูเมืองทางด้านตะวันออกของเมืองเฟิงตู

ในขณะนั้น ทหารจากแดนยมโลกจำนวนมากเข้าห้อมล้อมชายร่างกำยำสองสามคนที่มีเขาสูงดูไม่ธรรมดาและหน้าตาแปลกประหลาด พวกเขากำลังรออยู่ด้านนอกประตูเมือง แม้แต่ปรมาจารย์เผ่าเวทอย่างหัววัวก็ยังทำได้เพียงหลบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังชายร่างกำยำเหล่านี้เท่านั้น

ชายร่างแข็งแกร่งกำยำเหล่านี้ มีผิวสีดำ แดง ม่วง และน้ำเงิน พวกเขาแต่ละคนล้วนดูสูงส่งสง่าผ่าเผยยิ่งนัก เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาอย่างเดียว ก็อาจทำให้มนุษย์ที่ขี้ขลาดต่างพากันหวาดกลัวจนน้ำตาไหลพรากได้ และพลังโลหิตที่มีอยู่ในร่างกายของพวกเขาแต่ละคนนั้นก็น่าทึ่งมากทีเดียว

………………………………………………………………..

[1] หรือเรียกว่าเหยียนหลัวคือ จ้าวแห่งแดนยมโลก หรือพญามัจจุราช

[2] เป็นบ่อน้ำแห้ง ซึ่งโดยปกติจะอยู่ในวิหารเทพเมืองหรือวิหารเฉิงหวง เป็นจุดเชื่อมต่อแดนยมโลกกับแดนมนุษย์ ซึ่งผู้เขียนปรับมาจากความเชื่อของเต๋าที่ว่า เทพที่เดิมทีเป็นมนุษย์นั้น จะเรียกว่าเฉิงหวงจินเสินหรือเฉิงหวงกง มีหน้าที่เชื่อมต่อโลกมนุษย์และสวรรค์หรือยมโลก หากเปรียบวิหารนี้ก็คือ ศาลหลักเมือง และเฉิงหวงกงก็คือ เจ้าพ่อหลักเมือง

[3] หรือเรียกว่า แผ่นจานสังสารวัฏ