ตอนที่ 1419 ผู้ใจบุญ (4) ตอนที่ 1420 ไม่ขาดเงิน (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1419 ผู้ใจบุญ (4) / ตอนที่ 1420 ไม่ขาดเงิน (1)
ตอนที่ 1419 ผู้ใจบุญ (4)

จวินอู๋เสียมองตามหลังลั่วซีที่เดินจากไปอย่างครุ่นคิด

หลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วง สัมผัสของนางก็ไวต่อการตรวจจับพลังวิญญาณของคนอื่น ตราบใดที่พลังวิญญาณของอีกฝ่ายไม่ได้สูงกว่านางมากนัก นางก็สามารถตรวจสอบระดับพลังวิญญาณของพวกเขาได้

จวินอู๋เสียรู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของลั่วซีต่ำอย่างน่าสมเพช เป็นแค่พลังวิญญาณขั้นสีแดงเท่านั้น พลังของลูกสมุนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้สูงเช่นเดียวกัน ที่สูงที่สุดในหมู่พวกเขาก็เพิ่งเข้าสู่พลังขั้นสีส้มเท่านั้น

พลังวิญญาณระดับนั้นก็แค่มดแมลงตัวเล็กๆ ขนาดในสามโลกเบื้องล่างยังเป็นแค่พวกกระจอก จวินอู๋เสียไม่คิดว่าสิบสองตำหนักจะส่งขยะเช่นนี้มายังสามโลกเบื้องล่าง

แต่…

ทำไมลั่วซีจึงต้องเสแสร้งต่อหน้าผู้ลี้ภัยที่อ่อนแอซึ่งเป็นแค่คนแก่กับเด็กเล็ก

นั่นเป็นจุดที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง

คนในค่ายผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นคนที่อ่อนแอมาก ถ้าไม่แก่เกินไปก็เด็กเกินไป แม้ว่าจะมีเด็กสาวอยู่ในนั้นบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็หน้าเหลืองตัวผอม ดูไม่น่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้

แต่ลั่วซีกลับจงใจเสแสร้งทำตัวเป็นคนใจบุญสุนทาน แสดงความเมตตากรุณาในค่ายผู้ลี้ภัย นี่เป็นสิ่งที่จวินอู๋เสียไม่เข้าใจ

จวินอู๋เสียก้มหน้าลงมองหมั่นโถวและโอสถวิเศษในมือ สองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ลั่วซีให้คนของเขาแจกจ่ายให้กับผู้ลี้ภัย และจวินอู๋เสียก็ได้รับมาอย่างละหนึ่งอัน

ทั้งสองอย่างดูปกติมาก หมั่นโถวเย็นแล้วและค่อนข้างแข็ง จวินอู๋เสียบิหมั่นโถวออกและยกขึ้นดม คิ้วของนางขมวดเข้าหากันทันที

“มีคนใส่ไผ่ขาวเข้าไปในนี้”

“ไผ่ขาว” แมวดำตัวน้อยรู้สึกว่าคำนั้นฟังคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออก

“ไผ่ขาวมีสรรพคุณให้ความอบอุ่นและเสริมการไหลเวียนของโลหิต ถ้ากินเป็นเวลานานจะทำให้โลหิตพลุ่งพล่านและทำให้คนตื่นตัว แต่ก็ตื่นเต้นได้ง่าย ในศตวรรษที่ยี่สิบสี่สิ่งนี้สามารถใช้แทนสารกระตุ้นได้” จวินอู๋เสียเหยียดยิ้ม ไผ่ขาวเป็นสมุนไพรที่นางคุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยไปมากกว่านี้ได้แล้ว ไผ่ขาว สามารถสกัดเอาสารที่ทำให้คนตื่นเต้นในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ และเมื่อนำสารนั้นเข้าสู่ร่างกาย ก็จะตรวจจับได้ยากมาก มันเป็นสารกระตุ้นในศตวรรษที่ยี่สิบสี่มักจะใช้โดยคนที่มีเจตนาไม่ดีในการแข่งขันกีฬา

และสมุนไพรดังกล่าวมีให้เห็นบ่อยมากในองค์กร สมาชิกเกือบทุกคนจะมีอยู่ส่วนหนึ่ง มันถูกเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าพวกเขาเจอวิกฤต และร่างกายไม่อยู่ในสภาพที่ดี พวกเขาก็จำเป็นต้องดื่มสารสกัดจากไผ่ขาว แล้วพวกเขาจะกลับมามีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยมทันที

แต่หลังจากที่จวินอู๋เสียเกิดใหม่ นางก็ไม่เคยเห็นไผ่ขาวเลยสักครั้ง จึงคิดว่ามันไม่มีอยู่ในโลกนี้ ไม่คิดเลยว่านางจะได้พบร่องรอยของไผ่ขาวที่นี่

ไผ่ขาวสามารถใช้เป็นยากระตุ้นเมื่อเผชิญกับวิกฤตได้ และการใช้สารสกัดเป็นเวลานานอาจจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่ผลกระทบของการเพิ่มความแข็งแรงแบบนั้น คือมันจะสร้างความเสียหายต่อสมองและระบบประสาทอย่างมาก มีเพียงคนในองค์กรที่ได้ลงนามในสัญญาตายเท่านั้นที่สามารถใช้ได้

เมื่อชาติก่อนจวินอู๋เสียเคยเห็นคนกินสารสกัดไผ่ขาวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ร่างกายเขาก็แข็งแรงกว่าคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก แต่ผลข้างเคียงก็ชัดเจนพอๆ กัน สติปัญญาของเขาถดถอยลงเรื่อยๆ เขาเป็นบุรุษที่อายุเกินสามสิบปีแล้ว แต่ในหนึ่งเดือนนั้น สติปัญญาของเขาก็ลดลงจนเป็นเหมือนเด็กอายุสิบสามสิบสี่ปี

เมื่อไผ่ขาวถูกใช้เป็นสารกระตุ้น ในขณะที่มันทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมองก็จะถูกกระตุ้นด้วยเช่นกัน ยิ่งอยู่ในสภาพนั้นนานเท่าไร สมองก็จะยิ่งเสียหายมากเท่านั้น

ตอนที่ 1420 ไม่ขาดเงิน (1)

จวินอู๋เสียนึกถึงพวกคนพิษขึ้นมาทันที ดูจากสภาพของพวกคนพิษแล้ว มันเหมือนกับคนที่กินไผ่ขาวมากเกินไป เพียงแต่ว่าผลของมันรุนแรงกว่า

“ดูเหมือนว่าคนจากสิบสองตำหนักได้ใส่ไผ่ขาวจำนวนมากลงไปในโอสถพิษที่พวกเขาใช้สร้างคนพิษ” ฝ่ามือของจวินอู๋เสียมีเปลวไฟสีม่วงลุกพรึ่บขึ้นมา หมั่นโถวถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าทันที

จวินอู๋เสียยังตรวจพบร่องรอยของไผ่ขาวในโอสถวิเศษที่ได้รับแจกเช่นกัน ปริมาณของมันยังสูงกว่าปริมาณที่อยู่ในหมั่นโถวเสียอีก!

โอสถวิเศษพวกนี้จะถูกป้อนให้กับเด็กๆ ที่ป่วย ระบบประสาทในสมองของเด็กยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา หากพวกเขายังอยู่ในช่วงพัฒนา แล้วสมองได้รับการกระตุ้นมากเกินไป มันอาจจะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้

ถูกป้อนด้วยโอสถวิเศษเช่นนี้ เด็กพวกนั้นจะต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต มันเป็นความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้

ขนาดคนที่เย็นชาและเฉยเมยอย่างจวินอู๋เสีย เมื่อได้เห็นวิธีการที่ชั่วร้ายเลวทรามเช่นนี้ ความโกรธก็พลุ่งพล่านอยู่ในอก

คนใจบุญบ้าอะไร! นี่มันปีศาจร้ายที่จ้องจะคร่าชีวิตผู้คนชัดๆ!

ทำเป็นสวมหน้ากากผู้ใจบุญ แต่ผลักผู้คนลงไปในขุมนรก แถมคนพวกนั้นยังถูกหลอกจนถึงที่สุด ความคิดสุดท้ายของพวกเขาก็คือสำนึกในบุญคุณของ “ผู้ใจบุญ” ของพวกเขา!

เทียบกับคนหน้าซื่อใจคดอย่างลั่วซีแล้ว จวินอู๋เสียยังชื่นชมคนที่ชั่วร้ายอย่างโจ่งแจ้งมากกว่า! อย่างน้อยคนพวกนั้นก็ทำความชั่วอย่างเปิดเผย

“เจ้านาย พวกนั้นเอาไผ่ขาวให้ผู้ลี้ภัยกิน เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกนั้นใช้พวกผู้ลี้ภัยสร้างคนพิษ” เจ้าแมวดำตกใจ โทษมันไม่ได้ที่คิดเสียน่ากลัว ข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้าทำให้มันได้ข้อสรุปออกมาแบบนั้น

ไผ่ขาวสามารถใช้ทำให้ร่างกายของคนแข็งแรงขึ้นได้ แต่มันจะทำให้สมองได้รับความเสียหายอย่างมาก ถ้าใช้ไผ่ขาววางเป็นฐานก่อนที่จะเปลี่ยนคนพวกนั้นให้กลายเป็นคนพิษ กระบวนการนี้ก็จะเร็วขึ้นไม่ใช่หรือ

“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่” จวินอู๋เสียส่งเสียงอย่างเย็นชา ขยี้เม็ดโอสถวิเศษจนกลายเป็นฝุ่น

ตอนนี้นางเกือบจะแน่ใจแล้วว่า แหล่งที่มาของพวกคนพิษมาจากเมืองชิงเฟิง อย่างน้อยส่วนหนึ่งของคนพิษก็ถูกสร้างจากผู้ลี้ภัยพวกนี้ แต่ติดอยู่แค่จุดเดียว รัฐฟานเป็นเพียงรัฐเล็กๆ ต่อให้พวกเขาเปลี่ยนคนทั้งรัฐให้เป็นคนพิษ ก็ยังไม่สามารถสร้างคนพิษจำนวนมากขนาดนั้นได้

ถ้านางไขปริศนานี้ได้ นางก็จะพบกุญแจสู่ความลับเบื้องหลังคนพิษที่แท้จริง!

“เจ้านาย แล้วเราจะทำอย่างไรดีเล่า เราควรหยุดผู้ลี้ภัยจากการกินของพวกนี้หรือเปล่า” เจ้าแมวดำถาม

แต่จวินอู๋เสียกลับส่ายหน้า

มีแค่นางที่รู้เรื่องการเสแสร้งหลอกลวงของลั่วซี ในใจของผู้ลี้ภัยพวกนั้น ลั่วซีคือผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งช่วยพวกเขาจากความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน ขณะที่นางเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา ถ้านางพยายามเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของลั่วซีต่อหน้าผู้ลี้ภัย พวกเขาจะไม่มีวันเชื่อสิ่งที่นางพูด และก็จะกลายเป็นว่านางทำให้ศัตรูไหวตัวขึ้นมาแทน

งานที่ได้ไม่คุ้มเสียแบบนี้ จวินอู๋เสียย่อมไม่ทำอยู่แล้ว

จวินอู๋เสียลูบคางอย่างใช้ความคิด ในเมื่อลั่วซีชอบเล่นบท “คนดี” มากนัก อย่างนั้นนางก็จะใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันจัดการกับเขา ให้เขาได้ลิ้มรสโอสถวิเศษของตัวเอง!

“ไป ไปเดินดูรอบๆ เมืองกัน” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้น และเดินไปทางถนนที่ผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดของเมืองชิงเฟิง

ทั้งๆ ที่โลกเกิดกลียุคขึ้นแบบนี้ แต่ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง เมืองชิงเฟิงกลับไม่โดนอะไรเลย ทุกอย่างในเมืองยังเป็นปกติเหมือนเดิม และเพราะมีพ่อค้าต่างเมืองที่ร่ำรวยกลุ่มหนึ่งเข้ามา เศรษฐกิจของเมืองจึงเติบโตขึ้นเป็นทวีคูณ

ในปัจจุบัน สิ่งที่แพงที่สุดในเมืองชิงเฟิงก็ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากที่ดินของเมืองชิงเฟิงนั่นเอง!

เนื่องจากผู้ลี้ภัยจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเมือง ราคาบ้านจึงพุ่งสูงขึ้น สถานที่ที่เดิมทีไม่มีราคาค่างวดอะไร ตอนนี้กลับแพงลิบลิ่วจากการเก็งกำไรของผู้อยู่อาศัย บ้านที่เคยซื้อได้ในราคาสิบกว่าตำลึง ตอนนี้ถึงจะเสนอเงินเป็นพันตำลึงก็ยังไม่มีใครยอมขาย!