ตอนที่ 1421 ไม่ขาดเงิน (2) / ตอนที่ 1422 ไม่ขาดเงิน (3)
ตอนที่ 1421 ไม่ขาดเงิน (2)
มีเพียงผู้ลี้ภัยที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเท่านั้นถึงจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อที่อยู่
และเพราะความต้องการนี้ ที่ข้างๆ ศาลาว่าการเมืองชิงเฟิงจึงมีร้านที่เปิดขึ้นมาเพื่อทำการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ผู้ลี้ภัยที่ร่ำรวยหลายคนจะมายังสถานที่แห่งนี้หลังจากที่เข้าเมืองมาไม่นาน เพื่อหาบ้านที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง
เมื่อจวินอู๋เสียเดินเข้าไปในร้าน มีผู้ลี้ภัยที่แต่งตัวหรูหราหลายคนยืนอยู่ข้างใน ท่าทางของพวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศของคำว่า “ข้ามีเงิน รีบๆ มาเชือดข้าสิ”
แม้ว่าจะใช้ชีวิตในฐานะคนเร่ร่อนอยู่หลายวัน แต่ใบหน้าของคนเหล่านี้ก็ยังมีโลหิตฝาดและดูสบายดีมีเงินทองของมีค่าเต็มตัว สาวสวยสองคนกำลังให้บริการพ่อค้าตัวอ้วนที่ร่ำรวยแต่งกายด้วยชุดผ้าหรือไม่ เขากำลังฟังพนักงานขายพูดแนะนำสินค้าไม่หยุด
ที่มือทั้งสองข้างของบุรุษคนนั้น นิ้วทั้งสิบของเขาสวมแหวนทองวงใหญ่แวววาว ดูเหมือนแกะอ้วนที่กำลังจะถูกเชือดไม่มีผิด
“นายท่านหลิว นี่คือบ้านที่ดีที่สุดในเขตนี้ ไม่เพียงตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ตัวบ้านก็สร้างอย่างดี ดูสิ มีกระทั่งสระบัวด้วย ตอนฤดูร้อนท่านก็สามารถจิบเหล้าผ่อนคลายที่ข้างสระได้ ท่านจะต้องพอใจอย่างแน่นอน” พนักงานขายในร้านต้องมีทักษะในการสังเกตสีหน้าและคำพูด เมื่อเห็นนายท่านหลิวที่เพิ่งเข้าเมืองชิงเฟิงมาวันนี้วางท่าใหญ่โตเดินเข้ามาในร้าน ก็รู้ได้เลยว่าวันนี้จะทำการค้าครั้งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
“ที่นี่ก็ไม่เลว แต่เล็กไปหน่อย เจ้ามีที่ที่ใหญ่กว่านี้หรือไม่” นายท่านหลิวพูดจาใหญ่โตท่าทางมีเงินเหลือเฟือ ทำให้สาวสวยสองคนยิ้มแล้วยิ้มอีก
เดิมทีเขาเป็นพ่อค้าข้าวในรัฐฟาน ตอนที่พวกคนพิษเริ่มออกอาละวาด เขาได้ฉวยโอกาสขึ้นราคาข้าวและทำกำไรได้อย่างมากมาย แต่อนิจจา ที่ที่เขาอาศัยอยู่ได้ถูกพวกคนพิษถล่มราบคาบ เพื่อเอาชีวิตรอด เขาได้พาคนทั้งครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาที่เมืองชิงเฟิง จากนั้นเขาก็ใช้เงินไปนิดหน่อยก่อนจะพาทุกคนในครอบครัวเข้าเมืองชิงเฟิงมาได้
นายท่านหลิวผู้เคยชินกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่มานานหลายปี ย่อมไม่คิดจะทำผิดต่อตัวเอง เงินที่โกงมา ใช้ไปก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร
พนักงานขายได้ฟังคำพูดของนายท่านหลิวก็ยิ้มอย่างดีใจ และเดินกลับไปหาอัลบั้มภาพของบ้านที่ใหญ่กว่านี้
เมื่อจวินอู๋เสียก้าวเข้ามาในร้าน ก็ไม่มีพนักงานร้านเดินเข้าไปหาสักคน ทุกคน กระทั่งคนที่ว่างอยู่ ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาสอบถามเลยแม้แต่คำเดียว
จวินอู๋เสียเพิ่งออกมาจากค่ายผู้ลี้ภัย เดิมทีก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหยาบๆ อยู่แล้ว พอรวมกับที่นางจงใจเอาถ่านมาป้ายหน้าและเสื้อผ้าเพื่อให้ดูสกปรก จะได้เข้าไปในค่ายผู้ลี้ภัยได้อย่างกลมกลืน มองอย่างไรก็ดูไม่เหมือนคนรวย ยิ่งกว่านั้นนางก็ยังอายุน้อย รูปร่างเล็กและผอมบาง และยังไม่มีผู้ติดตามเลยสักคนเดียว
เป็นเรื่องปกติที่นางจะถูกมองว่าเป็นลูกค้าที่ไม่น่าต้อนรับ
แต่ตัวจวินอู๋เสียเองนั้นไม่ได้สังเกตเห็นเลย การปฏิบัติที่แตกต่างนี้ เมื่อเทียบกับการที่มีคนมาคอยพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูแล้ว นางชอบถูกทิ้งเอาไว้คนเดียวมากกว่า จะได้ค่อยๆ เลือกสิ่งที่ต้องการอย่างช้าๆ
ถึงอย่างไร บนชั้นวางในร้านก็มีอัลบั้มที่เต็มไปด้วยภาพวาดของบ้านที่วางขายอยู่แล้ว และที่ชั้นวางก็ได้แยกขนาดของบ้านเอาไว้อย่างเป็นระบบ ดังนั้นนางจึงเลือกหยิบได้ไม่ยาก
จวินอู๋เสียเมินอัลบั้มที่มีแค่บ้านเดี่ยว และหันไปสนใจบ้านที่มีที่ดินขนาดใหญ่
นางยื่นมือไปเพื่อหยิบอัลบั้ม แต่ก็ถูกพนักงานในร้านแย่งไปก่อนที่นางจะทันได้แตะมัน
ตอนที่ 1422 ไม่ขาดเงิน (3)
“ไปๆๆ ไม่ซื้อก็อย่ามากวน จริงๆ เลย คนเดี๋ยวนี้ ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าใหญ่นายโต ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ขอทานอย่างเจ้าควรเข้ามา ไปให้พ้น” พนักงานร้านรีบนำอัลบั้มภาพไปประจบประแจงนายท่านหลิวคนนั้นต่อ แต่พอเหลือบมาเห็นเด็กหนุ่มในชุดสกปรกยังหน้าด้านหน้าทน พนักงานร้านก็มีสีหน้าไม่พอใจทันที
เจ้าแมวดำที่นอนอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียได้ยินคำพูดของพนักงานร้าน ก็แทบจะกระโดดกัดคอพนักงานคนนั้น โชคดีที่จวินอู๋เสียปลอบมันให้สงบลงได้
จวินอู๋เสียไม่ได้สนใจน้ำเสียงเหยียดหยามของพนักงานร้าน และเลือกอัลบั้มภาพอันอื่นจากชั้นวาง
พนักงานร้านมัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำกำไร จึงไม่ได้สนใจมาดูแลเด็กหนุ่มยาจก เขานำอัลบั้มภาพไปส่งให้นายท่านหลิว
จวินอู๋เสียเลือกอัลบั้มอีกสองสามเล่มจากชั้นวาง และเอาทั้งหมดที่เลือกไปวางรวมบนชั้นที่ว่าง คนรวยบางคนในร้านเริ่มพูดจาเยาะเย้ยเมื่อเห็นการกระทำของจวินอู๋เสีย
“พวกยาจกฝันกลางวันอีกคนล่ะสิ ขยะแบบนี้น่าจะกลับไปอยู่ในคอกหมูเสีย ดูสภาพมันสิ แค่กระท่อมหลังเล็กๆ จะมีเงินซื้อหรือเปล่าเถอะ ข้าแน่ใจว่าต่อให้เป็นบ้านหลังเล็กที่สุดที่มีขายในร้านนี้ มันก็ไม่มีปัญญาซื้อหรอก” ใครบางคนเยาะเย้ย
“ข้าเห็นคนพวกนี้มาเยอะ ระหว่างทางที่มายังเมืองชิงเฟิงนี่ คนประเภทที่ข้าเจอมากที่สุดก็พวกยาจกพวกนี้แหละ พวกเขารู้จักแต่จะแบมือขอ ไม่ต่างอะไรจากขอทานเลยสักนิด”
“จากที่ข้าคิด ขยะแบบนี้ควรเลิกดิ้นรนแล้วอยู่ข้างนอกนั่นไป ปล่อยให้พวกสัตว์ประหลาดกินตัวเองไปเสีย มันจะช่วยลดปัญหาของทุกคนไปได้เยอะ แทนที่จะให้พวกมันมากินฟรีดื่มฟรีอยู่ที่นี่”
ในสายตาของพวกคนรวยที่ยอมจ่ายเงินเพื่อจะได้เข้ามาในเมืองชิงเฟิง พวกเขาเบื่อหน่ายและเกลียดชังพวกคนแก่และเด็กๆ ที่อ่อนแอที่สามารถเข้าเมืองมาได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินแม้แต่อีแปะเดียว การที่ผู้ลี้ภัยที่ยากจนและไร้ประโยชน์เหล่านี้สามารถเข้าเมืองชิงเฟิงมาได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจมาก
แต่กฎนี้ถูกกำหนดโดยเจ้าเมืองของเมืองชิงเฟิง ไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เอาไปลงกับผู้ลี้ภัยด้อยโอกาสที่ทุกข์ทรมานอยู่ภายใต้สภาพที่เลวร้าย
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเจ้าเมืองชิงเฟิงคิดอะไรอยู่ เอาพวกขยะแบบนั้นเข้ามา ก็มีแต่จะเพิ่มภาระให้กับเมืองชิงเฟิง คนพวกนี้จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้
การเยาะเย้ยจากคนที่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับจวินอู๋เสียเลย นางพลิกดูภาพไปเรื่อยๆ หลังจากดูอัลบั้มไปกองโต นางก็ถืออัลบั้มที่เลือกไว้เดินไปหาเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านกำลังยุ่งกับการสรุปยอดว่าวันนี้พวกเขาทำเงินได้เท่าไร บ้านทุกหลังมีราคาสูงมาก และเมื่อพวกมันถูกมอบให้วางขายที่นี่ เขาก็สามารถคิดค่านายหน้าได้
ในขณะที่เขากำลังคำนวนรายได้อยู่นั้นเอง เจ้าของร้านก็ได้ยินเสียงดังตุบๆ ๆ แสงอาทิตย์ตรงหน้าถูกเงาดำบังเอาไว้ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าโต๊ะของตัวเองมีอัลบั้มหลายสิบเล่มหล่นลงมากองตรงหน้าเขา จากภายนอกของอัลบั้ม เขาสามารถเห็นได้ว่าพวกมันเป็นอัลบั้มของคฤหาสน์ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก!
มองทีแรก เขารู้สึกดีใจอย่างถึงที่สุด และฉีกยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมจะเผชิญหน้ากับเศรษฐีใหญ่มือเติบ แต่พอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นแค่เด็กหนุ่มตัวเล็กที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสกปรก รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็จางหายไปทันที สีหน้ากลายเป็นบึ้งตึง