บทที่ 772 ร้อนใจ

การกลับมาเมืองหลวงของกู้หวนอวี้เหมือนกับก้อนหินที่ตกลงไปในทะเลสาบ ช่างเป็นการรบกวนหัวใจของเด็กสาวทุกคนในเมืองหลวง หญิงสาวหลายคนในงานเลี้ยงพยายามจะเข้าหากู้หวนอวี้ ภาพวาดของเขาเป็นสินค้าที่ขายดีในเมืองหลวง นิยายที่เกี่ยวกับเขาขายจนหมดในชั่วพริบตา

ถังหลี่มองฉากที่กู้หวนอวี้ถูกหญิงสาวรายล้อมพลางคิดว่าช่างเหมือนกับพวกดาราซุปเปอร์สตาร์ในอีกนับพันปีต่อจากนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากรูปลักษณ์แล้ว พี่ชายของนางก็คู่ควรจริงๆ

แม้ว่ากู้หวนอวี้จะเป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวมากมายเพียงใด การแต่งงานก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ฮูหยินกู้นอนไม่หลับ ถังหลี่รู้ดีว่าพี่รองของนางเหมือนดวงดาวที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ถึงกระนั้นบางคนก็ยังเลือกที่จะไขว่คว้าหามัน อย่างเช่น ตู้เยี่ยน…

ช่วงที่ผ่านมาตู้เยี่ยนได้พบกับกู้หวนอวี้หลายครั้งและมอบสิ่งของหลายอย่างให้เขามากมาย ผ่านความสัมพันธ์ทีมีกับถังหลี่

แต่เมื่อนางเห็นว่าถุงหอมที่ตนเคยมอบให้อยู่กับจางจ้าวหมิง ก็รู้สึกหดหู่ใจอยู่บ้าง กระนั้นก็ไม่อยากยอมแพ้

คำพูดของฮูหยินและจางจ้าวหมิงทำให้ตู้เยี่ยนตระหนักถึงอุปนิสัยของกู้หวนอวี้ว่า ดูผิวเผินแล้วเขาเป็นคนอ่อนโยน แต่เนื้อแท้ภายในเขากลับเย็นชาดั่งดอกไม้บนยอดเขาที่สูงลิบ

แน่นอนว่าการเก็บดอกไม้บนเขาสูงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างน้อยตอนนี้ตู้เยี่ยนก็ได้รู้จักกับกู้หวนอวี้มากกว่าหญิงสาวคนอื่น นั่นเป็นเรื่องที่นางให้กำลังใจตนเอง

วันนี้หอหวางเจียงมีชีวิตชีวามาก เพราะกู้หวนอวี้กับสหายกับเดินหมากกันอยู่ภายในห้อง

ที่ด้านนอกมีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งกำลังชะเง้อมองเข้าไปด้านในโดยหวังว่าจะได้เห็นชายหนุ่มรูปงาม แต่ชายผู้หนึ่งก็เดินมาปิดประตูปิดกั้นสายตาของเด็กสาวกลุ่มนั้นเอาไว้

จางจ้าวหมิงยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม แต่เขาผ่านสมรภูมิรบมามากมาย สีหน้าและแววตาจึงดูน่ากลัวไม่น้อย

“แม่นางทั้งหลาย ท่านแม่ทัพไม่ชอบให้ใครส่งเสียงดังในตอนที่ท่านกำลังเล่นหมาก” จางจ้าวหมิงพูดจาแข็งกร้าว สายตาของเขาจับจ้องที่เด็กสาวกลุ่มนั้น พวกนางจึงพากันหลบวูบแอบจากไปอย่างไม่รอช้า

หลังจากนั้นไม่นานตู้เยี่ยนก็โผล่มาที่หน้าหอหวางเจียง ดวงตาของนางกวาดไปรอบๆ กระทั่งได้เห็นจางจ้าวหมิง เขายิ้มให้นางด้วยรอยยิ้มซื่อๆ เช่นเคย

“พวกนางไปกันหมดแล้ว” จางจ้าวหมิงว่า

ท่าทีของกู้หวนอวี้ที่มีต่อตู้เยี่ยนยังคงสุภาพเช่นเดิม ทว่าตู้เยี่ยนกลับมีความสนิทสนมกับจางจ้าวหมิงเพิ่มมากขึ้น หญิงสาวเคยขอร้องทีเล่นทีจริงให้เขาช่วยจับตาดูสาวๆ คนอื่นไม่ให้เข้าใกล้กู้หวนอวี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำตามคำขอของนางอย่างง่ายดาย นั่นทำให้ตู้เยี่ยนกระดากอายไม่น้อย

“พี่จาง ทำแบบนี้คุณชายรองจะไม่ตำหนิท่านหรือ?”

“ใช่ เขาจะตำหนิข้า” จางจ้าวหมิงกล่าวด้วยใบหน้าขมขื่น ตู้เยี่ยนรู้สึกผิดมากขึ้น

“ข้าหยอกเย้าท่านเล่นเท่านั้น อย่าได้จริงจังมากนัก หาไม่แล้วท่านแม่ทัพจะตำหนิท่านได้”

“ข้าพูดเล่นน่ะ” จางจ้าวหมิงยิ้ม

หญิงสาวประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนซื่อๆเช่นเขาจะหยอกเย้าแกล้งโกหกนางได้

“ที่จริงแล้ว ท่านแม่ทัพรำคาญเช่นกัน เขาไม่ตำหนิข้าที่ไล่พวกนางไปหรอก”

“เขาบอกหรือว่ารำคาญ?” นางแอบถามอย่างสงสัย

“ไม่ใช่เลย ท่านแม่ทัพมีนิสัยอ่อนโยน เขาจะไม่เอ่ยปากไล่ผู้คนออกไปตรงๆ แน่นอน แต่ข้าอยู่กับท่านแม่ทัพมาหลายปีแล้ว จึงได้รู้นิสัยของเขา เช่น เวลาเขาอารมณ์ไม่ดี เขาจะหักนิ้วตัวเอง” จางจ้าวหมิงเสริม

หญิงสาวจดจำนิสัยส่วนตัวบางอย่างของกู้หวนอวี้ไว้ จากนั้นจึงได้ยื่นกล่องอาหารให้กับจางจ้าวหมิง

“หลังจากที่ท่านแม่ทัพเดินหมากจบ ข้าจะมอบให้เขาเอง”

“สำหรับท่าน” ตู้เยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม

จางจ้าวหมิงตกตะลึง ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างทำให้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูน่ารักมากยิ่งขึ้น

“ให้ข้าหรือ?” เขาถามด้วยความประหลาดใจ

“ท่านไม่ได้บอกหรือว่าขนมกุ้ยฮวาที่ข้าทำอร่อย? ข้าเลยทำมาให้ท่าน” ตู้เยี่ยนมีความสุขมากจริงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของรองแม่ทัพจาง ฝีมือการทำอาหารของนางอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้นจึงยากที่จะมีคนชื่นชม

จางจ้าวหมิงจำเหตุการณ์นั้นได้ ก่อนหน้านี้ตู้เยี่ยนเอาขนมมาให้กับท่านแม่ทัพ แต่กู้หวนอวี้กลับส่งให้จางจ้าวหมิง เขากินเข้าไปคำหนึ่ง มันหวานมาจนแทบจะฆ่าเขาให้ตายได้ แต่กระนั้นเขายังฝืนกินจนหมด

ตู้เยี่ยนมีทีท่าผิดหวังที่ได้รู้ว่าเขาเป็นคนกินขนมชิ้นนั้น แต่จู่ๆ นางกลับถามถึงรสชาติของขนม ดังนั้นเพื่อเป็นการปลอบใจคนทำ เขาจึงได้โกหกว่าขนมอร่อยมาก

เมื่อคิดถึงรสชาติที่ปราศจากความอร่อยแม้แต่น้อย กระนั้นยังทำให้เขามีความสุข

“ขอบคุณมาก”

กู้หวนอวี้เล่นหมากอยู่ที่ด้านใน ขณะที่ตู้เยี่ยนและจางจ้าวหมิงนั่งข้างกัน หญิงสาวเท้าคางด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย นางหันไปมองชายหนุ่ม

“ลองชิมดูสิ”

จางจ้าวหมิงเปิดกล่องขนมออกแล้วชิมไปหนึ่งชิ้น หญิงสาวรีบถามด้วยความกระตือรือร้นทันที

“รสชาติเป็นอย่างไร? ต้องปรับปรุงอะไรหรือไม่?”

“อร่อยแล้ว” จางจ้าวหมิงพยักหน้า

ตู้เยี่ยนเกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา หลังจากหยิบขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น ไม่นานนักใบหน้าเล็กๆของนางก็ยับยู่

“น้ำตาลยังไม่ละลายเลย!” ตู้เยี่ยนพูดเมื่อเห็นเขาหยิบขึ้นมากินอีกหนึ่งชิ้น

“อย่ากินเลย พรุ่งนี้ข้าจะเอามาให้เจ้าใหม่” แต่จางจ้าวหมิงเบี่ยงกล่องขนมหนี เขากอดมันไว้แน่น

“มันอร่อยแล้ว ข้าชอบรสหวาน” จางจ้าวหมิงว่า

“ตอนที่ข้ายังเล็ก ข้ากินขนมได้แค่ชิ้นเดียวในวันตรุษจีนเท่านั้น เวลาได้กินของหวานทำให้ข้านึกถึงช่วงเวลานั้น”

ตู้เยี่ยนตกตะลึง ดึงมือตัวเองกลับ นางเท้าคางมองจางจ้าวหมิงพลางคิดว่า ผู้ชายคนนี้มีความหลัง

“ข้ามาจากหวงเฉิง” จางจ้าวหมิงว่า

“อากาศที่นั่นหนาวมาก ลมแรง ซ้ำยังขาดแคลนอาหาร ถึงกับต้องกินดินผสมอาหารด้วยซ้ำเวลาหิว แต่เฉพาะช่วงตรุษจีน ท่านแม่จะให้ขนมข้าหนึ่งชิ้น พอโตขึ้นเรื่อยๆ ท่านพ่อท่านแม่เลี้ยงข้าไม่ไหวจึงส่งข้าเข้าร่วมกองทัพ ลูกหลานหลายคนก็เข้าร่วมด้วย ปีแล้วปีเล่าคนเริ่มล้มหายตายจาก สุดท้ายเหลือเพียงข้า เมื่อข้าได้พบกับท่านแม่ทัพนั่นคือวันที่โชคดีของตัวข้า” ใบหน้าของเขาดูสดใสขึ้น

ตู้เยี่ยนได้ฟังก็ไม่รู้สึกถึงความสุขใด นางหดหู่ใจมาก เพียงคำบอกเล่าไม่กี่คำทำให้นางทราบพื้นเพเบื้องหลังของเขา

กู้หวนอวี้ที่ทุกคนเห็นนั้นมีภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่งดงาม แต่ไม่ได้คิดเลยว่าหนทางที่เขาเดินจะอันตรายและต้องเผชิญกับความตายนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับชายหนุ่มผู้นี้

“คงจะดีถ้าเราไม่ต้องมีการสู้รบ” ตู้เยี่ยนกล่าวอย่างสงบ จางจ้าวหมิงกลั้นรอยยิ้มของตัวเองไว้ เขานึกถึงเพื่อนที่จากไป

“ใช่ คงจะดีมากหากเราไม่ต้องก่อสงครามกัน” จู่ๆ จางจ้าวหมิงก็มองไปที่ตู้เยี่ยนด้วยดวงตาเปล่งประกาย จนนางต้องปิดใบหน้าของตนเองเอาไว้

“เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้น”

“เจ้าน่ารักมาก” จางจ้าวหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“น่ารัก? เหตุใด ท่านแม่บอกว่า..”

“แม่นางคนอื่นมักจะชื่นชมท่านแม่ทัพที่แข็งแกร่งในสนามรบ แต่เจ้าเป็นคนเดียวที่คิดถึงอันตรายและความเจ็บปวดของพวกเรา” จางจ้าวหมิงว่า

ตู้เยี่ยนเขินอายกับคำพูดของเขา

ทั้งสองคนยังคงนั่งอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน

หลังจากนั้นไม่นานกู้หวนอวี้ก็ออกมาจากห้องพร้อมกับชายชราที่หน้าตาไม่มีความสุขเท่าใดนัก

“ข้าพลาดไปนิดเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคงชนะเจ้าแล้ว” น้ำเสียงเขาหงิดหงุด มีโทสะเจือผสมอยู่ กู้หวนอวี้ยังยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เหล่าจ้าน ไว้ครั้งหน้าเรามาเจอกันใหม่” ทั้งสองเดินไปยังรถม้า ชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อเห็นตู้เยี่ยน

“คุณชายรองกู้ ข้ามีของมาให้” ตู้เยี่ยนพูดพร้อมกับค้นหาของบางอย่าง นางพบว่ามันตกอยู่ที่พื้น หญิงสาวหยิบขึ้นมาส่งให้กับกู้หวนอวี้

“หากสวมสิ่งนี้ไว้ที่ข้อมือ มันจะช่วยปกป้องท่าน”

เขาคลี่ยิ้มแล้วหยิบของมาก่อนจะขึ้นรถม้าไป เห็นดังนั้น ท่าทีของตู้เยี่ยนก็ดูไม่มีความสุขนัก

“ตู้เยี่ยน..” จางจ้าวหมิงรู้สึกถึงความผิดปกติ นางฝืนยิ้มให้เขา

“ข้าไม่เป็นไร ไปเถอะ ท่านแม่ทัพกำลังรอเจ้า” ในขณะที่พูดก็ผลักจางจ้าวหมิงออกไป เมื่อรถม้าแล่นจากไปแล้ว ไหล่ของนางลู่ลงอย่างโศกเศร้า

ในตอนที่นางกำลังค้นหาของอยู่นั้น นางเห็นเขาหักนิ้วของตนเอง นั่นย่อมหมายความว่ากู้หวนอวี้หงุดหงิด

ในตอนแรกตู้เยี่ยนถูกความอ่อนโยนของชายหนุ่มดึงดูด แต่ตอนนี้นางเริ่มไม่ชอบความอ่อนโยนและมีน้ำใจของเขาอีกแล้ว เขาไม่ควรใจดีแบบนี้

บางทีหากเขาฉีกหน้ากากความใจดีออก นางคงไม่ตกหลุมรักเขา