บทที่ 739 ช่วยเธอออกมาให้ได้

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ลี่จุนถิงกลับไปที่ห้องทำงาน เอานามบัตรที่เจียงหยุนเอ๋อให้เขายื่นให้กับซู่จี้งยี้

“ซู่จี้งยี้ นายช่วยไปสืบคนๆนี้ให้ฉันหน่อย”

ซู่จี้งยี้ทำทุกอย่างแล้ว แต่ก็ไม่เจอข้อมูลของคนๆนี้แม้แต่น้อย ซู่จี้อี้ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขารู้สึกเหมือนว่าตนทำงานถึงระยะคอขวดแล้ว เรื่องง่ายๆแค่หาข้อมูลของคนๆหนึ่ง ตอนนี้เขายังไม่สามารถทำได้

เขาหาข้อมูลในฐานข้อมูลใหญ่ต่างๆอย่างหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่เขากำลังเศร้าใจอยู่นั้น เจอข่าวหนึ่งข่าว บนนั้นมีชื่อ“ซูซีหลี่”ซึ่งเป็นชื่อบนนามบัตรที่ลี่จุนถิงให้มาก

ซู่จี้งยี้คลิกเข้าไป ด้านในนั้นนอกจากชื่อมหาวิทยาลัยและคณะแล้ว ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว ด้านในแม้แต่เขาเป็นรุ่นไหนก็ไม่มี แม้แต่รูปด้านในยังเป็นรูปที่แอบถ่าย

อีกทั้งเป็นรูปที่ผ่านมาหลายปีแล้ว มองดูแล้วเบลออย่างมาก

ซู่จี้งยี้ค่อยๆสืบไปตามเบาะแสที่ได้ ไปยังBBSของมหาวิทยาลัยแห่งนั้น ทันทีที่กดเข้าไปกระทู้ด้านบนสุดก็คือกระทู้เกี่ยวกับซูซีหลี่คนนี้

ซู่จี้งยี้คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะสืบเรื่องของคนๆนี้ได้จาก BBS ดูเหมือนว่าผู้คนจะให้ความสนใจกับคนที่หล่ออย่างมาก

คนที่ไม่ทิ้งข้อมูลใดๆเอาไว้ในฐานข้อมูล คงคิดไม่ถึงว่าตนจะตกม้าตายที่นี่

ซู่จี้งยี้ได้ข้อมูลสำคัญจากในBBSอย่างรวดเร็ว เขาเจอข้อมูลของคนๆนี้อย่างรวดเร็ว หลังจากเจอก็รีบพิมพ์ออกมา แล้วเอาไปให้ลี่จุนถิง

“ประธานลี่ครับ นี่คือข้อมูลของซูซีหลี่ครับ”

ลี่จุนถิงรับมือแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ให้ซู่จี้งยี้ออกไป

เป็นจริงตามนั้น เป็นไปตามที่ลี่จุนถิงคาดเอาไว้ ตระกูลซูที่ซูซีหลี่อยู่นั้นเป็นตระกูลขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวเอาไว้ของประเทศ ประวัติของตระกูลนั้นโดดเดี่ยว ไม่น้อยไปกว่าตระกูลลี่

ตระกูลซู เป็นตระกูลเงินทุนแห่งชาติที่มีซูยี่เหรินเป็นตัวแทน เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียตั้งแต่สมัยสาธารณรัฐ จนกระทั่งหลังจากผ่านการปฏิรูป ตระกูลนี้ก็ค่อยๆซ่อนตัวจากสังคม บนโลกธุรกิจแทบไม่มีข่าวคราวของพวกเขา

บรรพบุรุษของตระกูลซูเคยมีคนเป็นข้าราชการระดับสูง ครั้งหนึ่งตระกูลเคยมีประวัติโดดเด่น แต่เมื่อถึงรุ่นปู่ทวดของซูยี่เหริน ตระกูลก็เริ่มถดถอยลง ในตอนหลังอาศัยไหวพริบด้านการค้าของซูยี่เหริน จึงทำให้ตระกูลซูกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง

แต่ตระกูลซูไม่หยุดพัฒนา พวกเขาสามารถทำงานเงียบๆ เมื่อถูกพูดถึงน้อยลง ก็มีความสงบเพิ่มมากขึ้น

แต่ว่า ภายนอกนั้นดูสงบ แต่ความสัมพันธ์ในตระกูลนี้ซับซ้อนอย่างมาก มีการแก่งแย่งชิงดีกันมากมาย เพียงแต่ไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น

ถึงแม้ลูกหลานของตระกูลซูจะต่อสู้ได้เก่งกาจ แต่ทุกคนล้วนทำตามคำสอนของซูยี่เหริน “ทำงานอย่างไม่โอ้อวด” ไม่เคยมีใครเอาเรื่องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในตระกูลให้คนนอกรู้

ข้อนี้แตกต่างกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป

ตระกูลชั้นสูงที่ซ่อนตัวเอาไว้ ซู่จี้งยี้ยังสามารถหาข้อมูลได้ ดูท่าคงถึงเวลาต้องเพิ่มเงินเดือนให้เขาแล้ว

ครั้งนี้ ตระกูลซูจับแม่ของเจียงหยุนเอ๋อไป คาดว่าพวกเขาต้องอยากได้อะไรบางอย่างที่อยู่ในการครอบครองของซูม่านลีแน่นอน จึงเอาตัวเธอไป

สิ่งที่คุณแม่ซูครอบครอง สำหรับตระกูลซูแล้วต้องเกี่ยวข้องกับโชคชะตาของตระกูลอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่มีวันยอมเสี่ยงขนาดนี้ มาถึงก็จับตัวไปทันที

ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยแอบติดต่อกับซูม่านลีหรือไม่ แต่ว่าซูม่านลีไม่ได้เอาของสิ่งนั้นให้พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงมีความคิดที่จะลักพาตัว

ลี่จุนถิงใช้โทรศัพท์ภายในบริษัทโทรหาซู่จี้งยี้ บอกให้เขาสืบต่อไป

ครั้งนี้ ซู่จี้งยี้ทุ่มเทยิ่งกว่าเดิม ตระกูลชั้นสูงที่ซ่อนตัวเอาไว้อย่างตระกูลซู อยากจะสืบว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในตระกูล เป็นเรื่องที่ยากมาก

แต่ว่าซูจี้งยี้ก็ยังคงเจอเบาะแส หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วเขาก็เอาให้ลี่จุนถิง

ที่แท้ ก่อนหน้านี้ท่านผู้เฒ่าหญิงของตระกูลซูสิ้นใจ ซึ่งก็คือแม่ของซูม่านลี ยายของเจียงหยุนเอ๋อ

ท่านผู้เฒ่าหญิงตระกูลลี่ครอบครองหุ้นร้อยละสิบห้าของซูซื่อกรุ๊ป สำหรับตระกูลซูที่มีลูกหลานมากมายนั้น นี่คือทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล

ถึงขั้นสามารถตัดสินได้ว่าใครเป็นผู้มีอำนาจคนต่อไปของซูซื่อกรุ๊ป ด้วยเหตุนี้สำหรับพวกเขาหุ้นร้อยละสิบห้า เป็นสิ่งสำคัญมาก

แต่ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าหญิงจะสิ้นใจ ไม่ได้ยกหุ้นร้อยละสิบห้านี้ให้ใครทั้งนั้น และไม่ได้เฉลี่ยหุ้นให้กับลูกหลานคนไหน

ก่อนตายพูดแค่ว่าทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ แต่ว่าคนในตระกูลวูไม่มีใครรู้ว่าพินัยกรรมนี้อยู่ที่ไหน

ลี่จุนถิงโชคดีมาก ตระกูลของตนไม่ได้แย่งชิงกันร้ายแรงขนาดนี้ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ลี่หุยและลี่หยูนห่วนจะเป็นปรปักษ์กับตน แต่ก็เป็นต่อหน้า

ตระกูลซูจับตัวคุณแม่ซูไป พิสูจน์ได้ว่าคนที่จับตัวคุณแม่ซูไปนั้นรู้แล้วว่าพินัยกรรมอาจจะอยู่ที่ซูม่านลี ส่วนคนอื่นๆยังไม่รู้

ตระกูลแบบนี้น่ากลัวจริงๆ ต่อหน้าพวกเขายังเป็นคนในครอบครัวที่รักกัน แต่ลับหลังกลับเอามีดแทงกัน

ตอนกลางคืน ลี่จุนถิงกลับไปถึงบ้านก็เล่าเรื่องที่สืบได้ในวันนี้ให้เจียงหยุนเอ๋อและโม่เสี่ยวฮุ่ยฟัง

พวกเธอตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าตระกูลที่อยู่เบื้องหลังซูม่านลีจะมีเบื้องหลังเยอะขนาดนี้

“หยุนเอ๋อ คิดดูให้ถี่ถ้วน ก่อนหน้านี้คุณแม่ยายเคยเอาอะไรให้คุณไหม หรือว่าตอนเด็กๆเคยให้คุณเก็บรักษาอะไรไหม”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วย้อนคิดกลับไป โม่เสี่ยวฮุ่ยและลี่จุนถิงอยู่ข้างๆไม่กล้ารบกวนเธอ

เจียงหยุนเอ๋อคิดอยู่นาน คิดถึงสิ่งที่ตอนเด็กๆซูม่านลีเคยให้เธอหนึ่งรอบ แต่ก็คิดไม่ออกว่าซูม่านลีเคยให้ของมีค่าอะไรกับเธอ

“ไม่มีค่ะ ฉันคิดดูรอบหนึ่งแล้ว ไม่มีอะไรทั้งนั้น อย่าพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับพินัยกรรมเลยค่ะ”

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้าช้าๆ หลังจากพูดจบก็เม้มปาก สีหน้าของเธอเคร่งขรึมอย่างมาก

“ไม่ได้ ฉันยังคิดอะไรไม่ออกค่ะ”

“ตอนนี้ดูท่าแล้ว พวกเขาจับตัวคุณแม่ยายไปเพราะพินัยกรรมของท่านผู้เฒ่าหญิงซู อีกทั้งพินัยกรรมนี้ไม่รู้ว่าตอนที่แม่ของคุณหนีออกมา ท่านผู้เฒ่าหญิงซูเป็นคนให้คุณแม่ยายเอาไว้รึเปล่า”

เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเป็นห่วงซูม่านลีมากยิ่งขึ้น “แต่ซูซีหลี่คนนั้นบอกว่าจะให้เวลาฉันคิดสามวัน ตอนนี้ผ่านไปสองวันแล้วนะคะ”

“ถ้าครบสามวัน ฉันยังไม่เจอของสิ่งนั้น พวกเขาจะฆ่าแม่ของฉันรึเปล่าคะ!”

เจียงหยุนเอ๋อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัว โม่เสี่ยวฮุ่ยและลี่จุนซินฟังอยู่ข้างๆ สีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก

“คุณไมต้องเป็นกังวล ในเมื่อพวกเขาไม่ได้อะไร พวกเขาก็ไม่มีวันทำอะไรคุณแม่ยาย ถ้าพวกเขาทำอะไรคุณแม่ยายขึ้นมาจริงๆ หุ้นร้อยละสิบห้านั้นพวกเขาก็ยิ่งไม่มีวันได้ครอบครองแล้ว”

“เขาให้เวลาคุณสามวัน ต้องเป็นเพราะอยากจะบีบให้คุณเอาของสิ่งนั้นออกมา คุณวางใจเถอะ ผมจะคิดหาวิธีหาคุณแม่ยายให้เจอ หลังจากนั้นจะช่วยคุณแม่ยายออกมา”

ลี่จุนถิงจับแผ่นหลังของเจียงหยุนเอ๋อ พูดปลอบโยน

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า

ตอนนี้ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว เธอหาของสิ่งนั้นไม่เจอ ไม่สามารถไปไถ่ตัวแม่กลับมาได้ ทำได้เพียงพึ่งลี่จุนถิงแล้ว