บทที่ 709 เจ้าคือคนพิเศษ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 709 เจ้าคือคนพิเศษ

บทที่ 709 เจ้าคือคนพิเศษ

คงจะดีหากกู้เสี่ยวหวานไม่มีฉินเย่จือเคียงข้าง นางเองก็คงไม่รีบร้อน แต่ในคืนนี้เมื่อได้เห็นท่าทางที่เอาใจใส่อย่างมากของฉินเย่จือ ฮูหยินสวีจึงร้อนใจจริง ๆ

ฉินเย่จืออาศัยอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ดังคำกล่าวที่ว่าเก๋งจีนที่ใกล้น้ำมักได้จันทร์ก่อน*[1] และพวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า พวกเขาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต เป็นคู่รักที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็ก นี่ไม่ใช่ชีวิตตัวอย่างอย่างนั้นหรือ!

ถ้าฉินเย่จือมีโอกาสเช่นนั้นก่อน กู้เสี่ยวหวานก็จะไม่สามารถเป็นลูกสะใภ้ของนางได้ เช่นนั้นไม่ได้ กู้เสี่ยวหวานเป็นลูกสะใภ้ที่นางฝันมาตลอด ใครจะไม่อยากได้นางกัน!

ฮูหยินสวีรู้สึกกังวลเล็กน้อย ดังนั้นจึงพูดว่า “เฉิงเจ๋อ ถ้าเจ้าไม่จับไว้ให้แน่น เกรงว่าเสี่ยวหวานจะถูกแย่งไป!”

ดูเหมือนว่าฉินเย่จือจะมีความหมายนั้นจริง ๆ!

ใบหน้าของสวีเฉิงเจ๋อพลันน่าเกลียดยิ่งขึ้น

ตอนแรกฉันคิดว่าตนเองเป็นคนเดียวที่มองเห็นได้ แต่ท่าทีเอาใจใส่ของฉินเย่จือ เกรงว่าเด็กที่โตแล้วก็คงจะเข้าใจความหมายของมัน

ในขณะนี้ สวีเซียนหลินที่เงียบตลอดเวลาก็เปิดปากของเขาอย่างช้า ๆ “เฉิงเจ๋อ ถ้าเจ้าต้องการแต่งงานกับสาวน้อยเสี่ยวหวานจริง ๆ เจ้าควรเริ่มเคลื่อนไหวได้แล้ว สาวน้อยเสี่ยวหวานยังเด็กและไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ แต่เจ้าไม่ควรนิ่งเฉยเพราะนางไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้สิ เจ้าและนางก็รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก หากรอนางโตก็เท่ากับการเฝ้าดูนางเติบโตไม่ใช่หรือ หากคู่รักในวัยเด็กสามารถกลายเป็นคู่รักจริง ๆ ได้ มันคงเป็นสิ่งที่สวยงาม!”

สวีเฉิงเจ๋อเข้าใจว่าบิดาและมารดาของเขาหมายถึงอะไร เขารู้ว่าทั้งบิดาและมารดาต้องการให้เขาเริ่มเข้าหากู้เสี่ยวหวานให้มากขึ้น คอยดูแลและเอาใจใส่กู้เสี่ยวหวานให้มากขึ้น

สวีเฉิงเจ๋อชอบกู้เสี่ยวหวานมากในตอนแรก หลังจากที่เขาบอกพ่อและแม่ของเขาว่าเขาต้องการแต่งงานกับกู้เสี่ยวหวาน เขาก็มีแผนในใจ แต่ทำไมความกล้าของเขาถึงยิ่งน้อยลงกันนะ

ทุกครั้งที่เขาเห็นกู้เสี่ยวหวาน หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น และเขาไม่รู้จะพูดอะไร!

สวีเซียนหลินและภรรยาของเขามองไปที่สวีเฉิงเจ๋อ จากนั้นเขาก็ถอนสายตาก่อนจะมองหน้ากัน และหยุดพูด

บอกเขาไปมากแล้ว ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ นั่นคือเรื่องของสวีเฉิงเจ๋อแล้ว

ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องความรักระหว่างชายและหญิง!

อีกด้านหนึ่ง กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูรถม้าจากไป จากนั้นกลับไปที่สวนหลี่พร้อมกับฉินเย่จือ

เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องโถง พวกเขาเห็นหลี่ฝานนั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้

คืนนี้ หลี่ฝานดื่มมากเกินไปเล็กน้อย แต่เขายังมีสติ เขาต้องคุยกับกู้เสี่ยวหวาน แน่นอนว่าเขาไม่สามารถดื่มมากเกินไปได้

ดูเหมือนเขาจะเดาได้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะพูดอะไรกับตนเอง ดังนั้นนอกจากดื่มแล้ว เขายังได้ลิ้มลองรสชาติของหม้อไฟนี้อีกด้วย

ต้องบอกว่าวิธีการกินแบบนี้ไม่เหมือนใคร แปลกใหม่ แถมรสชาติดี ถ้าเอามาบริการบนโต๊ะก็คงจะโด่งดังเป็นอย่างมาก!

หลี่ฝานกำลังนั่งดื่มชาอยู่บนที่นั่งและยังคงนึกถึงรสชาติของหม้อไฟที่เขากินเมื่อครู่

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กลับมา เขารีบลุกขึ้นและมาทักทายด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อยเสี่ยวหวาน รีบบอกลุงหลี่เร็วว่าเจ้าคิดวิธีกินแบบนี้ได้อย่างไร!”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานเชื่อจริง ๆ ว่านางคิดออกด้วยตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็โกหกและพูดว่า “ในครั้งที่พี่ใหญ่ฉินป่วยและไม่สามารถกินอาหารมัน ๆ และเผ็ดได้ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้พี่ใหญ่ฉินกิน หลังจากลองทำไปเรื่อย ๆ แล้วก็ทำให้ข้านึกถึงวิธีการทำอาหารแบบนี้!”

ไม่ผิด คนป่วยมักมีข้อห้าม เนื้อ น้ำมัน เผ็ดจัด รสจัด ร้อนเกินไป ล้วนเป็นผลเสียต่อการพักฟื้นของร่างกายเป็นอย่างมาก

เมื่อได้ยินว่าฉินเย่จือป่วย หลี่ฝานอดไม่ได้ที่จะแอบมองฉินเย่จือและเห็นว่าเขานั่งดื่มชาบนที่นั่งอย่างเฉยเมย เขาก็รู้ว่านายท่านจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ เขาจึงไม่ได้ถามอะไร

จากนั้นก็ได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดต่อไป “ข้าแค่คิดว่าจะทำน้ำแกงหม้อหนึ่งที่สามารถใส่ผักและเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิดในการปรุงอาหาร จากนั้นก็สามารถกินได้ทันทีหลังจากหยิบมันขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้น อาหารที่ไม่ผ่านการผัดยังคงคุณค่าทางโภชนาการดั้งเดิมเอาไว้!”

หลังจากได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานก็ตบต้นขาของเขา ยกนิ้วโป้งขึ้นและชมเชยอย่างจริงใจ “เจ้ามีสิ่งที่น่าทึ่งอยู่ในสมองของเจ้า มันน่าชื่นชมจริง ๆ!”

อาหารที่กู้เสี่ยวหวานแนะนำนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่ต้องพูดถึงในเมืองหลิวเจีย แต่มันมีเอกลักษณ์ที่สุดในเมืองรุ่ยเสียนเลยต่างหาก ในเวลานี้ที่นางคิดค้นวิธีการกินแบบอื่น นี่คือโอกาสทางการค้าทั้งหมด!

แน่นอนว่าได้ยินฉินเย่จือพูดขึ้นมาว่า “ที่ให้เถ้าแก่หลี่รออยู่ที่นี่ก่อนเพราะอยากจะหารือกับเถ้าแก่หลี่ว่าท่านต้องการจะเปิดร้านหม้อไฟด้วยกันหรือไม่?”

เปิดร้านหม้อไฟ?

หลี่ฝานมองไปที่ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวาน ดวยความประหลาดใจและเห็นว่าพวกเขายิ้มอย่างมั่นใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

หลี่ฝานไม่ได้ถามคำถามมากมาย แต่ตบต้นขาของเขาแล้วพูดโดยไม่คิดว่า “ตกลง ข้าคิดว่ามันน่าจะได้กำไรอย่างงาม!”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานตกลงโดยไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับร้านหม้อไฟแห่งนี้

จากนั้นก็ได้ยินหลี่ฝานพูดว่า “ข้าแนะนำว่าควรเปิดร้านหม้อไฟในเมืองรุ่ยเสียน ที่นั่นมีผู้คนมากมาย เราสามารถเปิดร้านหม้อไฟที่มีขนาดพอ ๆ กับร้านจิ่นฝูหรืออาจจะใหญ่กว่านั้นก็ได้”

หลี่ฝานกล่าวอย่างตื่นเต้น

ร้านอาหารกำลังบานสะพรั่งไปทั่วทุกหนทุกแห่ง และภายในร้านก็มีอาหารประเภททอดหรือผัด แต่ร้านหม้อไฟร้านนี้แตกต่างออกไป ถ้าร้านหม้อไฟร้านนี้เปิดขึ้น มันก็จะเป็นร้านแรก!

“ข้ามีที่ดินอยู่ในเมืองรุ่ยเสียน เดิมทีข้าอยากจะเปิดร้านค้า แต่ดูเหมือนว่าข้าไม่จำเป็นต้องเปิดร้านค้าแล้ว ข้าเปิดร้านหม้อไฟแห่งนี้จะดีกว่า!”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เปิดร้านหม้อไฟ กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นเต้นเช่นกัน นางมองไปที่ฉินเย่จือ เมื่อเขาเห็นนางตื่นเต้น ฉินเย่จือก็จ้องมองนางกลับด้วยความรักที่ลึกซึ้งราวกับทะเลลึก

แม้ว่าหลี่ฝานจะดื่มเหล้าไปบ้าง แต่หลังจากดื่มมาสักพักเขาก็มีสติมากขึ้น เมื่อเห็นฉินเย่จือมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความรักใคร่ เขาก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีและพูดว่า “นายน้อยฉินปฏิบัติต่อเสี่ยวหวานอย่างพิเศษจริง ๆ!”

ใช่แล้ว มันพิเศษจริง ๆ

เขารู้จักนายท่านมาหลายปีแล้ว และเขาไม่เคยเห็นนายท่านยิ้มให้ใครเลย!

ความนุ่มนวลนี้ ความเอาใจใส่นี้ และความเสน่หานี้

*[1] การที่เราไปอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เราจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่น ๆ

เก๋งจีน

https://mapio.net/pic/p-83253849/