ฮองเฮาเห็นจิ่งหมิงฮ่องเต้โมโหอย่างหนัก จึงตบหลังเขาอย่างเบามือพร้อมกับตรัสว่า “ฝ่าบาทอย่าได้โมโหจนส่งผลต่อพระวรกายเลยเพคะ เซียงอ๋องยังเด็ก วันนี้เป็นวันดี ดังนั้นจึงอาจดื่มมากไปเล็กน้อย…” เมื่อคิดถึงสถานการณ์แสนน่าอับอายของเซียงอ๋อง ภายในใจของฮองเฮายังคงรู้สึกหวาดกลัว โชคดีที่ตอนนั้นฮ่องเต้ไม่ได้เลอะเลือน หากนางรับเซียงอ๋องไว้เป็นโอรส คงต้องไปอยู่ในวังเย็นโดยลำพังอย่างแน่นอน
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินคำแนะนำของฮองเฮาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขาหยิบฝาถ้วยน้ำชาปาลงพื้น ตรัสด้วยความโมโหว่า “เขาดื่มสุรา ผู้อื่นก็ดื่มเช่นกัน เหตุใดจึงไม่เห็นผู้อื่นดื่มมากจนเปลือยกายเล่า”
องค์ชายผู้สง่างามเปลือกกายในงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา จิ่งหมิงฮ่องเต้คาดการณ์ได้ว่าหลังจากที่เรื่องแพร่กระจายออกไป ราชวงศ์จะถูกหัวเราะเช่นไร
‘เสด็จแม่’ ฮองเฮานึกถึงเสียงเรียกแสนปวดร้าวใจของเซียงอ๋อง จนรู้สึกรำคาญใจช่วงขณะหนึ่งจึงเม้มริมฝีปากพร้อมตรัสว่า “เซียงอ๋องคงมีเรื่องทุกข์ใจ”
เกลี้ยกล่อมให้ฮ่องเต้พระทัยเย็นลง? คงเป็นไปไม่ได้แน่ ช่วงเวลานี้นางต้องการเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ
เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ จิ่งหมิงฮ่องเต้โกรธมากยิ่งขึ้น “มีเรื่องทุกข์ใจงั้นหรือ มีเรื่องทุกข์ใจจึงใช้โอกาสนี้ดื่มสุราเปลือยกายได้งั้นหรือ”
เขาเองก็มีเรื่องทุกข์ใจ สองปีมานี้ถือว่าเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย หากเป็นเช่นเจ้าแปด เมื่อไม่สบายใจก็เปลือยกาย เขาคงไม่ได้เป็นฮ่องเต้เป็นแน่นอน
“เขาจะมีเรื่องทุกข์ใจอะไรได้ เพราะข้าเลือกเจ้าเจ็ดไม่ได้เลือกเขา จึงทำให้ไม่มีความสุข?” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสอย่างโกรธเคือง
จิ่งหมิงฮ่องเต้มิใช่คนโง่เขลา เมื่อนึกถึงประโยคที่เซียงอ๋องตะโกนถามตอนอยู่ในพระราชวัง จะไม่เข้าใจได้อย่างไร เป็นเพราะเจ้าแปดไม่ถูกเลือก จึงรู้สึกไม่พึงพอใจอย่างไรเล่า!
เนื่องจากว่าสองปีมานี้เขาเข้ากับฮองเฮาได้เป็นอย่างดี จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่มีเหตุอันใดต้องปิดบัง จึงได้ตรัสด้วยความโมโหว่า “เจ้าว่า เขายังมีหน้าโมโหได้อย่างไร การที่จะเลือกสรรใครนั้นเป็นเรื่องของพวกเรา ต้องให้รุ่นลูกเช่นเขามาสอดแทรก? เขารังเกียจมารดาผู้ให้กำเนิดตัวเองหรือ”
มารดาของเซียงอ๋องเป็นนางระบำ ถึงแม้สำหรับในใจของจิ่งหมิงฮ่องเต้จะมิได้มีความสำคัญ แต่การที่บุตรชายรังเกียจมารดาผู้ให้กำเนิดของตนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เจ้าแปดไม่เหมือนกับเจ้าเจ็ด หลังจากเติบโตขึ้นมา โอกาสพบเจอกับลี่ผินแม้นไม่มาก ทว่าในความทรงจำของเขารับรู้ถึงความเอาใจใส่ของลี่ผินที่มีต่อบุตรชายมาโดยตลอด เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของนาง
บุตรมิรังเกียจมารดาอัปลักษณ์ สุนัขมิรังเกียจครอบครัวที่ฐานะยากจน เพียงเพราะว่ามารดาของเขาเกิดมาในฐานะต้อยต่ำเขาจึงรังเกียจ นี่มิใช่คนอกตัญญูหรอกหรือ จิ่งหมิงฮ่องเต้ยิ่งคิดความประทับใจที่มีต่อเซียงอ๋องก็ยิ่งลดลง
ฮองเฮาไม่ลืมที่จะพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปว่า “ฮ่องเต้อย่าได้เป็นกังวลพระทัยไปเพคะ คนเราเดินขึ้นสู่ที่สูง ส่วนสายน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ นับว่าเป็นเรื่องปกติ”
“เรื่องปกติอันใดเล่า!” จิ่งหมิงฮ่องเต้ขว้างกาน้ำทิ้ง ทั้งยังเตะมันออกไปไกล
มุมปากฮองเฮาเผยอขึ้นเล็กน้อย มิอาจเตือนสิ่งใดได้อีก
หลังจากผ่านเรื่องราวนี้ไป เซียงอ๋องสูญเสียหัวใจอันบริสุทธิ์ไปโดยสิ้นเชิง เป็นไปไม่ได้ที่จะรับเขามาเป็นโอรสของนาง
ในเมื่อนางมีเยี่ยนอ๋องเป็นโอรสแล้ว เดิมทีก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอรสเพิ่มอีก แต่ก็ต้องเผื่อไว้หากจำเป็น
ฮองเฮาโล่งพระทัย ตรัสอย่างละอายใจว่า “ฮ่องเต้อย่าได้โมโหเลยเพคะ งานเลี้ยงเกิดข้อผิดพลาดเป็นเพราะหม่อมฉํนเตรียมการไม่รอบคอบ”
“เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้าได้” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตัดคำพูดของฮองเฮา “ใครจะคิดกันเล่าว่าเจ้าแปดจะเปลือยกายเช่นนั้น หืม? ใครจะไปคิดถึงเล่า!”
กว่าความโมโหลดลงบ้างเล็กน้อย จู่ๆ ก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง “…” ฮองเฮาคงมีความแค้นกับเซียงอ๋อง ฮองเฮาเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ครู่หนึ่งจึงค่อยจากไป
จิ่งหมิงฮ่องเต้นั่งทำท่าทางบูดบึ้งอยู่เป็นเวลานาน เขาหันไปกำชับพานไห่ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ส่งราชโองการลงไป ความหยาบคายของเซียงอ๋องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของฮองเฮาไร้ซึ่งมารยาท ให้ลดตำแหน่งลงจากชินอ๋องเป็นจวิ้นอ๋อง เป็นเวลาหนึ่งปี…”
พานไห่ได้แต่แอบเห็นใจเซียงอ๋องอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบไปดำเนินการตามคำสั่งของฮ่องเต้
จนกระทั่งหลังจากที่เซียงอ๋องถูกทหารพาตัวกลับไปยังจวน เซียงอ๋องจึงค่อยตื่นฟื้นสติขึ้น จู่ๆ ก็ทรุดตัวลง นี่ข้าทำสิ่งใดลงไป!
เปลือยกายในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเสด็จย่า…เซียงอ๋องตบหน้าตัวเองเพื่อให้ได้สติมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่ทรุดลงยิ่งกว่าเซียงอ๋องก็คือจั่งสื่อแห่งจวนเซียงอ๋อง
ได้ยินข่าวขายหน้าของเซียงอ๋องที่กระทำในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของฮองเฮา เขาก็ถอดเข็มขัดออกจากกางเกงเพื่อฆ่าตัวตายให้จบเรื่องไป
เขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว เขาหัวเราะเยาะว่าเป็นจั่งสื่อจวนเยี่ยนอ๋องนั้นไม่ง่าย เพราะเยี่ยนอ๋องเป็นผู้ที่มักหาเรื่องเสมอ กลับคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องของเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
หนิวจั่งสื่อถูกคนห้ามไว้ จึงฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ เขารีบกลับไปร้องไห้ข้างกายเซียงอ๋อง
เซียงอ๋องยกเท้าถีบหนิวจั่งสื่อเข้าให้ทีหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยความโมโหว่า “ข้าพบเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว เจ้ายังจะมาร้องไห้หาพระแสงอะไรอีก!”
หนิวจั่งสื่อยืนหยัดปีนตัวขึ้น “เป็นความผิดของข้าน้อยเอง ท่านอ๋องควรคิดหาวิธีถึงจะถูก”
“หาวิธี?” หลังจากที่ได้ระบายอารมณ์ออกไป เซียงอ๋องก็ทรุดตัวลงไปด้วยใบหน้าขวัญหนีดีฝ่อ ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะสามารถแก้ไขอย่างไรได้อีก
สุราจอกนั้นเขาเห็นองค์ชายเจ็ดดื่มมันลงไปกับตาของตน แต่เหตุใดเขากลับไม่เป็นอะไร คนที่เกิดเรื่องกลับเป็นตน?
เซียงอ๋องใช้แรงทุบศีรษะอยู่หลายครั้ง เขารู้สึกปวดศีรษะและสับสน
“องค์ชายสี่…” จู่ๆ เซียงอ๋องก็คิดถึงฉีอ๋องขึ้นมา เขาลุกขึ้นและออกไปข้างนอกอย่างฉับไว
หนิวจื่อสื่อรีบกันตัวเอาไว้ “ท่านอ๋อง ท่านจะไปไหนขอรับ”
เซียงอ๋องผลักหนิวจื่อสื่อออก “หลบไป!”
หนิวจื่อสื่อถูกผลักจนเซ เขาเห็นเซียงอ๋องกำลังเดินไปทางประตูใหญ่จึงทำได้เพียงแค่รีบวิ่งตามไป
เมื่อเซียงอ๋องเดินถึงประตูใหญ่จึงเห็นบรรดาข้าหลวงเดินมุ่งหน้ามาด้านนี้
เขาหยุดลง ณ ที่นั้น ความหวาดกลัวภายในใจปรากฏขึ้นมา
เสี่ยวเล่อจื่อ หัวหน้าขันทีเดินเข้ามาทางประตูใหญ่ของจวนเซียงอ๋อง ยืนในลานกว้างกล่าวราชโองการ เมื่อเสี่ยวเล่อจื่อกล่าวราชโองการจบ สีหน้าของเซียงอ๋องก็ซีดลงราวกับสีดิน
เสี่ยวเล่อจื่อถอนหายใจ เร่งเร้าว่า “ท่านอ๋อง โปรดรับราชโองการเถิด”
เซียงอ๋องล้มลงกับพื้น สายตาจ้องมองไปทางรอยแตกในอิฐที่เริ่มมีหญ้าอ่อนงอกด้วยความงุนงง
เขากลายเป็นจวิ้นอ๋อง?
เรื่องแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทเขาไม่กล้ายุ่งเกี่ยวด้วย ทำได้เพียงสนับสนุนพี่สี่ บัดนี้เขายังไม่ได้ทำสิ่งใดเลย กลับกลายมาเป็นจวิ้นอ๋องแล้วหรือ
เขารับราชโองการที่เสี่ยวเล่อจือกล่าว กระทั่งข้าหลวงต่างแยกย้ายกันกลับไปแล้ว เซียงอ๋องยังคงไม่มีสติฟื้นกลับมา หนิวจั่งสื่อร้องไห้จนสลบไป
เซียงอ๋องก่อเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ จั่งสื่อเช่นเขาหากต้องออกจากตำแหน่งก็นับว่าเบาไป
เนื่องจากที่จวนของท่านอ๋องหลายพระองค์อยู่ถนนเส้นเดียวกัน ข้าหลวงที่ต้องกลับพระราชวังจำเป็นต้องผ่านจวนเหล่านี้
ประตูใหญ่ของจวนหลู่อ๋องเปิดช่องไว้ มีคนโผล่ศีรษะออกมาแล้วเฝ้าดูข้าหลวงจากไป จากนั้นจึงรีบไปรายงานหลู่อ๋อง “เหล่าข้าหลวงไปแจ้งราชโองการที่จวนเซียงอ๋องจริงหรือ”
“ข้าน้อยเห็นกับตาตัวเองขอรับ”
หลู่อ๋องตบขาตัวเองฉาดหนัก “รีบไปสืบมา!”
ไม่นานคนที่ถูกส่งออกไปก็คาบข่าวกลับมา “ท่านอ๋องขอรับ เซียงอ๋องถูกปลดเป็นจวิ้นอ๋องแล้วขอรับ”
หลู่อ๋องตกตะลึงไปชั่วหนึ่ง จากนั้นจึงไปหาพระชายาด้วยความเบิกบานใจ
ข่าวที่เซียงอ๋องถูกปลดจากตำแหน่งแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นจั๋วสื่อแห่งจวนเยี่ยนอ๋องกำลังจัดการเรื่องในจวน พอได้ยินข่าวนั้นก็นั่งลงไปสักพักแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ท่านอ๋องเล่า!”
ประมาทเกินไปแล้ว เขาคิดว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดของไทเฮาจะไม่เกิดเหตุใดขึ้น จึงไม่ได้เตือนท่านอ๋องเอาไว้ คาดไม่ถึงเสียจริงว่าท่านอ๋องทั้งหลายจะทำเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น
“ท่านอ๋องอยู่กับพระชายา”
จั่งสื่อชราได้ยินประโยคนี้ถึงกับกะพริบตา ซาบซึ้งจนเบ้าตาเปียกชื้นทั้งละอายใจอยู่ลึกๆ ข้าผิดไปแล้ว ท่านอ๋องของพวกข้าพึ่งพาได้กว่าท่านอ๋องอื่นๆ อย่างน้อยก็ไม่เปลือยกายในงานเลี้ยง