ตอนที่ 598 ถ้ำปีศาจใต้ดิน กระบี่วิญญาณเผ่าเวท (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 598 ถ้ำปีศาจใต้ดิน กระบี่วิญญาณเผ่าเวท (2)

เมื่ออ๋าวอี่รีบกลับมาและพาปรมาจารย์เผ่าเวททั้งแปดคนไป บัดนั้น ปรมาจารย์เผ่าเวททั้งแปดคนก็ได้มีประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในการขี่มังกรขึ้นไปบนท้องฟ้า

อ๋าวอี่ค่อนข้างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเผ่าปีศาจค้นพบได้ เขาได้พาปรมาจารย์แห่งเผ่าเวททั้งแปดคนจากทะเลอุดรบินวนเวียนไปรอบๆ ท้องฟ้า จากนั้นก็ใช้พลังเวทของเผ่ามังกรห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ในเมฆก้อนหนึ่ง แล้วท่องทะยานผ่านทะเลแห่งเมฆไปอย่างเงียบๆ

ในไม่ช้า อ๋าวอี่ก็ได้ยินการส่งข้อความเสียงของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ทันใดนั้นเขาก็ปรับเปลี่ยนทิศทางการบินและความเร็ว แล้วค่อยๆ ตามไปอย่างช้าๆ

ทว่าสิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่ว จ้าวเต๋อจู้ และอ๋าวอี่ต่างประหลาดใจด้วยไม่คาดคิดก็คือ…

เดิมทีพวกเขาคิดว่าตำแหน่งของเส้นชีพจรปฐพีที่มีปัญหาน่าจะอยู่ที่พรมแดนระหว่างดินแดนเทวะอุดร และดินแดนเทวะมัชฌิมาอุดร

นั่นคือดินแดนที่ทรงพลังแข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ และมีปีศาจเฒ่าอยู่เป็นจำนวนมากมายที่หลงเหลือจากสมัยโบราณซึ่งเป็นพวกกระดูกที่แข็งแกร่ง[1]จริงๆ

เหตุผลที่ปีศาจเฒ่าเหล่านั้นรวมตัวกันอยู่ที่ชายแดนระหว่างดินแดนเทวะอุดร และดินแดนเทวะมัชฌิมานั้น ก็เพื่อสามารถสร้างปัญหาโจมตีเผ่าเวทได้ตลอดเวลา!

ทว่าแนวเส้นชีพจรปฐพีก็เชื่อมต่อกันใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา มันคดเคี้ยวไปมาในความลึกของแผ่นดิน และความจริงแล้ว มันได้ขยายไปถึงพรมแดนระหว่างดินแดนเทวะอุดร และดินแดนเทวะมัชฌิมา จากนั้นจึงเลี้ยวโค้งขนาดใหญ่และขยายตัวต่อเนื่องไปทางใต้!

เพียงแค่ปริมาณงานที่ต้องใช้ในการเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพี ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ!

จ้าวเต๋อจู้ถอนหายใจและกล่าวด้วยอารมณ์ว่า “เผ่าปีศาจเกลียด เผ่าเวทมากเพียงใดกัน? พวกเขาใช้แผนลับในการทำลายล้างให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์จริงๆ”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท พระองค์อย่าใช้ร่างจำแลงไปจะดีกว่า ตามที่เทพน้อยคาดการณ์ อาจมีถ้ำเสือบึงมังกร[2]อยู่ข้างหน้า

เวทจำแลงกายของเทพน้อยนี้ เป็นเพียงใช้ทักษะสร้างขึ้นมา หากถูกทำลายไป ก็ยังสามารถหล่อหลอมด้วยวัสดุล้ำค่าขึ้นมาได้ ทว่าฝ่าบาท หากร่างนี้ของพระองค์ดีรับความเสียหาย เทพน้อยก็เกรงว่าอาจจะเป็นการทำร้ายเต๋าของพระองค์เอง…”

“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” จ้าวเต๋อจู่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “หากร่างจำแลงนี้เสียหาย มันก็จะเสียบุญไปเพียงบางส่วนเท่านั้น ปราณวิญญาณของข้าถูกปกคลุมไปด้วยหอสมบัติหลิงเซียว หมื่นกฎไม่กล้ำกรายและจะไม่มีสิ่งใดสามารถล่วงล้ำได้”

“เช่นนั้น เทพน้อยก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยแล้ว”

ดังนั้น หน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งศาลสวรรค์ซึ่งประกอบไปด้วยร่างจำแลงสองร่างจึงออกเดินทางอีกครั้ง พวกเขาเร้นกายอยู่ในเส้นชีพจรปฐพีและมุ่งหน้าไปทางใต้

หลังจากเดินทางเป็นระยะทางหลายหมื่นลี้แล้ว พวกเขาก็มาถึงพรมแดนของดินแดนเทวะทักษิณ ดินแดนเทวะมัชฌิมา และดินแดนเทวะประจิม แล้วชั้นปราการเลือดก็ปรากฏขึ้นในเส้นชีพจรปฐพี…

หลี่ฉางโซ่วและจ้าวเต๋อจู้ต่างมองหน้ากัน พวกเขาทะลวงผ่านและโผล่ออกมาจากเส้นชีพจรปฐพีแล้วข้ามปราการเหล่านี้ จากนั้นพวกเขาก็เดินทางใต้ดินไปได้สามถึงสี่ร้อยลี้ และเห็นค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่

ค่ายกลใหญ่นี้อยู่ลึกลงไปในใต้ดินสี่พันจั้ง มันถูกห่อหุ้มด้วย ‘ลูกทรงกลม’ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งร้อยลี้ และมันก็มีความแข็งแกร่งมากกว่าค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขาแห่งสำนักตู้เซียนหลายเท่า!

ผ่านค่ายกลใหญ่นี้ เขาสามารถตรวจจับได้เล็กน้อยว่า มีจักรวาลใต้ดินขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังมัน…

ทันใดนั้น กระบี่สมบัติสาดประกายแสงสีทองที่ไม่ธรรมดาก็ปรากฏขึ้นในมือของจ้าวเต๋อจู้ เขากล่าวว่า “ฉางเกิง เราจะใช้กำลังโจมตีพวกเขาหรือไม่?”

หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่กระบี่ในมือของจ้าวเต๋อจู้ เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่ากระบี่นี้แข็งแกร่งหนาแน่นกว่ากระบี่สังหารปีศาจจักรพรรดิสวรรค์ที่เขาเคยใช้มาก่อน กระบี่นี้มีพลังแห่งเต๋าสวรรค์แข็งแกร่งกว่ามากมายหลายเท่านัก…

อืม อย่าไปยึดติดคิดมากเกี่ยวกับรายละเอียดนั้นเลย

“เทพน้อยว่าน่าจะสามารถทะลวงฝ่าวงล้อมนี้เข้าไปได้ เข้าไปดูกันก่อนเถิด” หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มพลางตอบกลับ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ก้าวออกไปข้างหน้าช้าๆ และหยิบแผ่นจานออกมาจากแขนเสื้อของเขา

มีปลาหยินและหยางสลักอยู่บนแผ่นจาน และในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ถ่ายเทพลังเซียนขององค์ไท่ชิงเข้าไป และดูเหมือนว่า คู่ปลาหยินหยางจะมีชีวิตขึ้นมา พวกมันหมุนไปเบาๆ แล้วค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นแผนภาพไท่จี๋ที่ไม่ลึกซึ้ง

นั่นไม่ใช่พลังของสมบัติ มันเป็นเพียง… ของชิ้นเล็กๆ ในคลังไพ่ไม้ตายของหลี่ฉางโซ่ว

ในขณะนั้น แผนภาพไท่จี๋ได้หลอมละลายเข้าไปในกำแพงค่ายกลขนาดใหญ่อย่างไร้สิ่งกีดขวางต้านทานใดๆ และเหลือเป็นรูกลมทิ้งไว้

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาจากแขนเสื้อของเขาและวางไว้ด้านนอกถ้ำ เขามอบยันต์สองชิ้นให้กับจ้าวเต๋อจู้ แล้วเข้าสู่ค่ายกลไปพร้อมกับร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน

ครั้งนี้เขาได้บังเอิญเข้าไปในฐานที่มั่นของจอมปีศาจแห่งกรรม…

ยันต์ของพวกเขาทั้งสองคนสว่างไสวขึ้นเล็กน้อยและร่างของพวกเขาก็หายไป แล้วแผนภาพไท่จี๋ที่อยู่ข้างหลังของพวกเขาก็ค่อยๆ สลายหายไปช้าๆ โดยที่กำแพงค่ายกลไม่ได้เกิดความผันผวนใดๆ เลยแม้แต่น้อย

จ้าวเต๋อจู้ชื่นชมเขาอยู่เงียบๆ

เมื่อมองไปข้างหน้าเขา มีภูเขาสีดำสนิทลอยอยู่ตรงกลางหลุมใต้ดินที่ค่ายกลใหญ่ได้สร้างขึ้น

มีสระน้ำสีเขียวหยกอยู่บนยอดเขา และมีกองกระดูกสีขาวขนาดใหญ่สิบหกกองอยู่รอบๆ สระน้ำ นั้น และแผ่พุ่งความผันผวนที่แปลกประหลาดออกมา

เมื่อมองลงมาจากยอดเขา เขาก็เห็นว่ามีถ้ำจำนวนมากถูกขุดขึ้นมาทั่วทุกที่บนภูเขาแห่งนี้

สิ่งที่จ้าวเต๋อจู้เห็นบนภูเขาปีศาจนี้คือ สัตว์ปีศาจที่มีพละกำลังแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์

หลี่ฉางโซ่วเหลือบมองไปที่มัน และสิ่งที่เขาเห็นก็คือ ภูเขาแห่งบุญ!

“ขุนนางของข้า ความสามารถในการเข้าสู่ค่ายกลของเจ้า เรียกได้ว่าเป็นทักษะสุดยอดมากจริงๆ! แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไป? ”

“ฝ่าบาท ในเมื่อพบสถานที่แห่งนี้แล้ว อันดับแรกก็ควรตรวจสอบเรื่องของเผ่าเวทก่อน จากนั้นจึง กำจัดจอมปีศาจแห่งกรรมที่นี่ เพียงเท่านั้น พระองค์ก็จะสามารถปกป้องวิถีอันชอบธรรมของจักรวาลและเผยแผ่บารมียิ่งใหญ่ของฝ่าบาทได้!”

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนพยักหน้าและถามว่า “ที่นี่มีปรมาจารย์ปีศาจหลายร้อยตัวอยู่ที่นี่ พวกเราเป็นศัตรูกันหรือ?”

เมื่อกล่าวเช่นนั้น จ้าวเต๋อจู้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ข้าไม่รู้สึกห่วงร่างจำแลงเช่นนี้ แต่ข้าเพียงกลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วเผ่าปีศาจเหล่านี้จะวิ่งหนีหายไปหมด”

“แม้จะมีปรมาจารย์ปีศาจมากมายในเผ่าปีศาจที่นี่ แต่ก็มีอักขระเต๋าแห่งเซียนต้าหลัวจินผันผวนอยู่น้อยมาก นอกจากนี้แต่ละตนก็ล้วนยังมีภาระแห่งกรรมร้ายและโชคพัวพันอยู่รอบๆ ตัว”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย เทพน้อยมีไม้เด็ดบางอย่างอยู่ในใจแล้ว ซึ่งสามารถระเบิดทำลายสถานที่นี้ได้ในทันทีโดยไม่เหลือแม้แต่ซากศพของพวกมัน!

ทว่าเพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบและหาต้นตอของเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเผ่าเวทก่อน เราควรให้คำอธิบายที่เหมาะสมแก่พวกเผ่าเวท”

“ดี!”

จ้าวเต๋อจู้ยิ้มและหรี่ตา “เช่นนั้น วันนี้ข้าจะเพียงแค่ดูว่าขุนนางฉางเกิงสามารถมากเพียงใด”

หลี่ฉางโซ่วทำการโค้งคารวะเต๋าให้และกล่าวว่า “เทพน้อยรับบัญชาฝ่าบาท”

จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองภูเขาที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน และยังกระตือรือร้นอยากจะลองดู

บุญ!

บุญมหาศาล!

อย่าเหวี่ยงศีรษะ อย่าหลั่งเลือด[3]!

ด้วยการแอบฝังตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์วิญญาณเอาไว้ชุดหนึ่ง เขาก็สามารถเอาส่วนบุญกลับมาและทำลายแหล่งที่มาของสถานที่ได้อย่างง่ายดาย แล้วเรื่องของเผ่าเวทก็ย่อมจะคลี่คลาย ได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน!

………………………………………………………………..

[1] หรือเรียกว่าพวกคนกระดูกเหล็ก เปรียบดั่งคนที่เก่งกาจ ทรงพลัง เข้มแข็งมากๆ ยากที่จะต่อกรด้วยได้

[2] แหล่งบริเวณที่เต็มไปด้วยอันตราย

[3] ผู้เขียนปรับมาจากที่หมายถึงว่ายอมตายเพื่อศักดิ์ศรี บุญบารมีหรือบางสิ่งบางอย่างล้ำค่า