บทที่ 765 ความรักถูกเปิดเผย

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

———-

บทที่ 765 ความรักถูกเปิดเผย

ปกติแล้วซูอันจะไม่ละทิ้งโอกาสดี ๆ ที่จะโอ้อวด แต่ขณะนี้ในความคิดของชายหนุ่มมีเพียงสิ่งเดียวคือ ตรวจดูบาดแผลที่น่าสะพรึงกลัวบนไหล่ของนาง

ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อ “เหมียนหมาน อย่าเพิ่งพูด เจ้าต้องรักษาเรี่ยวแรงของเจ้าไว้”

เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัวซึ่งอยู่บนข้อพับแขนของเขา “ข้าจะตายเร็ว ๆ นี้แล้ว ถ้าไม่พูดตอนนี้ข้าคงไม่มีโอกาส…จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายอย่าง…หลายอย่างที่อยากบอกเจ้า แต่เมื่อนึกถึง…มัน…สิ่งที่ข้าจะบอกเจ้า…มันจะดีกว่าถ้าข้าไม่พูดมันออกไป…เอาเป็นว่า…ข้าขอให้เจ้าและชูเหยียน…”

แววตาของนางค่อย ๆ เลือนหาย ซูอันพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย!”

สมองของเขาแล่นปราด รีบหยิบขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีแดงสดออกมาและเทลงในปากของนางโดยเร็วที่สุด ในเวลาเดียวกัน เขาก็พึมพำอย่างประหม่าว่า “เหมียนหมาน เจ้าต้องแข็งใจไว้ เจ้าจะยอมแพ้ที่นี่ไม่ได้!”

แต่ในท้ายที่สุด ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ปิดลง

ซูอันรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาทั้งหมดถูกโยนลงไปในเหวที่หนาวเหน็บ เขาอุ้มนางในขณะที่พึมพำกับตัวเอง “แม่งเอ๊ย ๆๆๆ!! ทำไมก่อนหน้านี้ข้าไม่ฉุกคิดได้ว่าข้ายังมี ‘น้ำยาศรัทธาพี่น้อง’ อยู่ขวดหนึ่ง! ข้าน่าจะให้เจ้าดื่มก่อน เจ้าจะได้ไม่ตาย!!”

“มันเป็นความผิดของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…เจ้าสวยมาก และเป็นผู้หญิงที่แสนวิเศษ เจ้าควรจะมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ได้…หากเจ้าไม่พยายามจะช่วยข้า เจ้าก็ไม่สมควรต้องมาตายอย่างนี้…”

ซูอันจับนางไว้ หัวใจของเขากำลังปวดราวกับว่ามันกำลังแตกสลายออกเป็นล้านชิ้น ความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อนางหลั่งไหลออกมา ภาพการพบกันครั้งแรกของพวกเขา ดวงตาที่มีเสน่ห์และรอยยิ้มที่สวยงามของนางยังคงสดใสอยู่ในความทรงจำของเขา

เขาจำการต่อสู้ในห้องของฉู่ชูเหยียนได้ และวิธีที่นางแอบเข้าไปในห้องของเขาตอนดึกเพื่อสอนทักษะการต่อสู้ของนางให้เขา เขาหวงแหนทุกช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกัน และทุกสิ่งที่พวกเขาได้รับร่วมกัน…

ความเจ็บปวดในหัวใจทำให้เขาโอบกอดนางไว้แน่น สะอื้นไห้ด้วยความเศร้าโศก

“น้ำมูกของเจ้าติดเสื้อผ้าของข้าหมดแล้ว” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นข้างหูของเขาอย่างกะทันหัน

ซูอันเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเขามองไป สายตาของเขาก็พบกับใบหน้าที่สวยงาม ดวงตาที่สดใสนั้นช่างงดงามเหมือนเดิม

“เจ้า…เจ้ายังไม่ตายเหรอ?” ซูอันถามด้วยความไม่เชื่อ

“เจ้าอยากให้ข้าตายเหรอ?” เพ่ยเหมียนหมานพ่นลมหายใจ “นั่นยาอะไร? เมื่อครู่นี้ข้ามั่นใจว่าขาของข้าข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูยมโลกแล้วแน่นอนแต่มันกลับฉุดข้ากลับมาได้”

“เป็นยาที่ให้ชีวิตนิรันดร์” ซูอันพูดด้วยรอยยิ้ม

“ยาที่ให้ชีวิตนิรันดร์?” เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึง “ถ้างั้นแบบนี้มันก็ไม่ใช่ว่าเจ้าสามารถมอบความเป็นอมตะให้กับทุกคนรอบตัวเจ้าได้หรอกเหรอ?”

ซูอันเกาหัวแกรก “ตอนนี้ข้ามีขวดนี้เหลือเพียงขวดเดียว แต่ต่อไปข้าอาจจะมีมันเพิ่มอีก”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ สีหน้าของเพ่ยเหมียนหมานก็เปลี่ยนไป “เจ้าให้ยาวิเศษของเจ้าที่มีเพียงขวดเดียวกับข้าเหรอ?”

ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น ไม่มีทางที่ยานี้จะให้ชีวิตนิรันดร์ได้”

เพ่ยเหมียนหมานเม้มริมฝีปาก “แต่มันก็วิเศษจนถึงขนาดสามารถลากข้ากลับมาจากปากประตูยมโลกได้ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าจะยอมเสียสละยาที่แสนวิเศษเช่นนี้ให้แก่ข้า แล้วนี่ข้าจะตอบแทนเจ้ายังไงไหวล่ะเนี่ย?”

“ฮึ่ม ยังกล้าพูดถึงเรื่องการชดใช้อีกงั้นเหรอ?” ซูอันตบก้นของนางด้วยความหงุดหงิด “ข้าเดาได้เลยว่าจริง ๆ แล้วเจ้าอาการดีขึ้นตั้งแต่ตอนที่ข้าป้อนยาให้เจ้าแล้ว แต่เจ้าแกล้งเงียบเพื่อให้ข้าร้องไห้ออกมาใช่ไหม??”

ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานแดงก่ำ นางทำหน้าบึ้งและพูดว่า “ตอนแรกข้าหมดสติจริง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ตื่น อันที่จริงข้ารู้สึกขอบคุณมาก ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าข้ามีความหมายกับเจ้ามากแค่ไหน?”

นางมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาขณะที่นางพูดดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ซูอันจ้องกลับเช่นกัน นางดูสวยขึ้นกว่าปกติ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในความงุนงงลุ่มหลงในความงามของนาง

“อา!” เพ่ยเหมียนหมานร้องออกมา

“เกิดอะไรขึ้น?” ซูอันรีบเอ่ยถาม อาการของนางแย่ลงงั้นเหรอ??

เพ่ยเหมียนหมานหันไปทางไหล่ของนาง “แผลที่ไหล่ของข้ารู้สึกคันมาก เจ้าช่วยดูให้หน่อยได้ไหม?”

นางจำได้ว่าไหล่ของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส น้ำลายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนของเทาเที่ยทำให้เกิดบาดแผลที่น่าสยดสยอง และนางกลัวว่ามันจะกลายเป็นแผลเป็น

ซูอันค่อย ๆ แตะบาดแผลของนาง “เจ็บไหม? ไม่ต้องห่วง ยานี้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะฟื้นฟูแผลได้”

เขาเคยประสบกับสิ่งนี้ด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาเคยมีบาดแผลที่แย่กว่าของนางมาก แต่เขาก็ยังหายดี

“ไม่เจ็บแล้วจริง ๆ ด้วย” เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกประหลาดใจ นางขยับแขนหลากหลายท่าทาง นางรู้สึกได้ชัดเจนว่ารูขนาดใหญ่นั้นหายไปและนางก็กลับมาเป็นปกติแล้ว แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่นางกังวล “ช่วยข้าถอดเสื้อและตรวจดูทีว่ามีแผลเป็นหรือเปล่า…”

แม้แต่ผู้หญิงธรรมดาก็ยังหวงแหนผิวของนาง นับประสาอะไรกับสาวงามอย่างเพ่ยเหมียนหมาน

“อืม” ซูอันยกมือของเขาจับที่ไหล่ของนางโดยไม่รู้ตัว แต่จากนั้นก็ลังเลและพูดว่า “นี่มันไม่เหมาะสมหรือเปล่า? ผู้ชายและผู้หญิงไม่ควรทำเรื่องแบบนี้…”

แม้ว่าขวดยาสีแดงจะสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตของนางได้ แต่ก็ไม่สามารถซ่อมแซมเสื้อผ้าของนางได้ ซึ่งมันฉีกขาดเละเทะ ถ้าเขาพยายามถอดส่วนหนึ่งออก ส่วนอื่นก็อาจจะเลื่อนออกไปทันทีเช่นกัน สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องเผชิญคือถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนลามก!

เพ่ยเหมียนหมานหัวเราะคิกคัก “ปกติเจ้ามักจะพูดไปเรื่อยเจื้อยแจ้ว และเจ้าก็กอดเสื้อผ้าของข้าตามใจตัวเองก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน ถึงได้มีพฤติกรรมสุภาพบุรุษอย่างกะทันหันแบบนี้?”

“ข้าทำอย่างนั้นเพื่อให้เจ้าคงสติอยู่ได้ตลอดต่างหาก! นอกจากนี้ ข้าเป็นสุภาพบุรุษเสมอ เจ้ากำลังพูดถึงอะไร…?” ซูอันรู้สึกว่ายิ่งพูดเท่าไหร่ความมั่นใจของเขายิ่งลดลงไป

เพ่ยเหมียนหมานมองดูเขาอย่างอบอุ่นและพูดว่า “คนโง่ ความสัมพันธ์ของเราสองคนดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังจะกังวลอะไรอีก?”

ซูอันรู้สึกสั่นสะท้านในใจขณะที่ได้ยินคำพูดของนาง เขาไม่ใช่คนเซ่อซ่า เขาจะไม่รู้ความหมายโดยนัยเบื้องหลังได้อย่างไร?

ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของนาง มองเข้าไปในดวงตาที่มีเสน่ห์ และริมฝีปากสีแดงที่ชุ่มชื่นของนาง เขาไม่สามารถต้านทานทุกอย่างได้อีกต่อไปและโน้มตัวเข้าไปจูบนาง

เพ่ยเหมียนหมานตัวแข็งทื่อ แต่จากนั้นก็อ่อนลงทันทีและตอบสนองต่อเขาด้วยความหลงใหลที่รุนแรงเช่นเดียวกัน

หลังจากผ่านช่วงเวลาอันแสนหวานที่ยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร์ ริมฝีปากของพวกเขาก็แยกจากกันอีกครั้ง ซูอันมองไปที่เพ่ยเหมียนหมานซึ่งกำลังกอดแขนของเขา จากนั้นเขาถอนหายใจและพูดว่า “นี่เรากำลังทำให้ชูเหยียนผิดหวังอยู่หรือเปล่า?”

เขาจะไม่สนใจมากนักถ้าเป็นคนอื่น แต่เพ่ยเหมียนหมานและฉู่ชูเหยียนเป็นเพื่อนสนิทกัน เขาไม่รู้ว่าเขาจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรไม่ให้ชูเหยียนรู้สึกถูกหักหลัง

เพ่ยเหมียนหมานกลอกตาใส่เขา “เจ้าสองคนไม่ได้หย่ากันแล้วเหรอ?”

ซูอันหยุดนิ่งครู่หนึ่งจากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “จริงด้วย เจ้าพูดถูก! งั้นเรามาต่อเถอะ!” จากนั้นเขาก็เริ่มจูบอีกครั้ง

เพ่ยเหมียนหมานพ่นลมหายใจ “ฮึ่ม! เจ้าคนเจ้าชู้!”