บทที่ 766 ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

———-

บทที่ 766 ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง

เพ่ยเหมียนหมานผลักเขาออกไป “หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว ช่วยข้าดูอาการบาดเจ็บที่ไหล่ของข้าหน่อย!”

“ตกลง!” ซูอันปลดกระดุมคอของนางแล้วเลิกเสื้อผ้าออก ผิวของนางดูเปล่งประกายเรียบเนียนอย่างยิ่ง เนินอกคู่งามของนางดูคล้ายกับภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

ชายหนุ่มจ้องมองมันด้วยความตกตะลึง

“มองอะไร? ข้าบอกให้เจ้าดูแผล…” เพ่ยเหมียนหมานประท้วง

“โอ้ใช่ ๆ” ใบหน้าของซูอันร้อนขึ้น เขาละสายตาออกจากภูเขาสองลูกคู่นั้น และแตะสะเก็ดบนไหล่ของนางเบา ๆ “บาดแผลของเจ้าหายดีแล้ว อาการคันมาจากการตกสะเก็ดบนบาดแผล”

“จริง ๆ นะ?” เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าว่าข้าจะมีแผลเป็นไหม?”

“ไม่มีหรอก” ซูอันได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขาไม่เคยมีรอยแผลเป็นเลย

“เจ้าแน่ใจเหรอ?” เพ่ยเหมียนหมานยังคงกังวลเล็กน้อย “ช่วยดูหลังให้ข้าด้วย”

ซูอันสำรวจแผ่นหลังของนางก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวล แม้ว่าเจ้าจะมีแผลเป็น ข้าก็ยังต้องการเจ้าอยู่”

“ฮึ่ม! พูดเหมือนจะไม่มีใครเอาข้าอย่างนั้นแหละ! จะบอกให้รู้ไว้นะว่าคนที่ต้องการข้ามีมากมายจนขนาดถ้าเอามาเข้าแถวเรียงกัน แถวคงยาวตั้งแต่ทางเข้าสถาบันจันทร์กระจ่างไปจนถึงภูเขามังกรซ่อนเลยนะจะบอกให้!” เพ่ยเหมียนหมานกล่าวด้วยอาการฟึดฟัดแล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยอีกครั้ง

ซูอันหัวเราะเสียงดัง “รู้แล้ว ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าเสน่ห์แรง เอาล่ะพวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”

ราวกับว่าสามารถสัมผัสได้ถึงการตายของเทาเที่ย งูแปลก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในเงามืดดูเหมือนว่าพวกมันจะพร้อมที่จะโผล่ออกมาอีกครั้ง ซูอันไม่ต้องการที่จะตกอยู่ในสถานการณ์เดิมก่อนหน้านี้

เพ่ยเหมียนหมานพยักหน้าและผละตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา ตอนนี้อาการบาดเจ็บของนางดีขึ้นมากแล้ว นางรู้สึกว่านางสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติอีกครั้ง

แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์พร้อม แต่นางก็ไม่มีปัญหาในการปกป้องตัวเองในตอนนี้ นางยิ่งประหลาดใจกับยามหัศจรรย์ของซูอันมากยิ่งขึ้น และดวงตาของนางก็ดูอ่อนโยนเมื่อมองไปที่เขา

ซูอันยืนอยู่หน้ารอยแยกในกำแพง ทันใดนั้นก็วิ่งกลับไปเก็บศพของเทาเที่ยไว้

เพ่ยเหมียนหมานปิดจมูกของนางและพูดด้วยความรังเกียจว่า “เจ้าจะต้องการศพนั่นไปทำอะไร?”

ซูอันกล่าวว่า “นี่คือสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ศพของมันอาจมีประโยชน์ก็ได้”

ดวงแก้วผู้รอบรู้ของเขาบรรจุของไว้มากมายแล้ว และเขาไม่รู้ว่าศพของเทาเที่ยจะกลิ้งไปมาจนเลือดของมันกัดกร่อนสิ่งอื่นภายในหรือไม่

ซูอันตรวจสอบภายในของดวงแก้วผู้รอบรู้เพื่อความแน่ใจและพบว่าศพของเทาเที่ยดูเหมือนจะถูกเก็บอยู่แยกห่างออกไปจากของสิ่งอื่นซึ่งไม่น่าจะรบกวนกันได้ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“สัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร?”เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกคลื่นไส้เมื่อนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ “แต่ว่าที่เก็บของเชิงมิติของเจ้ามีขนาดใหญ่มหาศาลจริง ๆ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันสามารถใส่สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนาดนั้นเข้าไปได้!”

ซูอันยิ้มและพูดว่า “เจ้าลืมเกี่ยวกับมังกรตัวใหญ่ก่อนหน้านี้ไปหรือเปล่า? ขนาดมังกรข้ายังเก็บได้เลย จะนับประสาอะไรกับสัตว์ประหลาดตัวแค่นี้” ขณะที่เขาพูด เขาก็เรียกดวงแก้วผู้รอบรู้ออกมาจากร่างกายแล้วแสดงให้นางเห็น

เพ่ยเหมียนหมานเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “มันเป็นลูกแก้วงั้นเหรอ!? ลูกแก้วมิตินี้ของเจ้าอาจมีค่าไม่น้อยไปกว่าวิชาวัฏจักรหงส์อมตะเลยด้วยซ้ำ! เจ้าเปิดเผยความลับกับข้าแบบนี้เจ้าไม่กลัวเหรอ? เกิดข้าอยากได้ขึ้นมาและคิดจะแย่งมันไปจากเจ้า เจ้าจะทำยังไง??”

ซูอันยิ้ม “มันคงจะเหนื่อยเกินไปที่จะใช้ชีวิตในโลกใบนี้ ถ้าข้าไม่สามารถแม้แต่จะไว้ใจคนรักของข้าได้”

“คนรัก?” เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกหัวใจสั่น คำพูดของเขาทำให้นางรู้สึกตื้นตัน

ซูอันเปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า “เอาเป็นว่าถ้าเหมียนหมานใหญ่มีความคิดที่ชั่วร้ายเกี่ยวกับข้า ข้ายินดีให้เจ้ากระทำสิ่งใดกับข้าก็ได้ทุกเมื่อ เจ้าไม่ต้องอ่อนโยนกับข้าเพียงเพราะข้าดูเหมือนดอกไม้ที่สวยงามและบอบบาง ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถรับมือกับความรุนแรงของเจ้าได้”

เพ่ยเหมียนหมานอยากจะตีเขาทันที “เจ้าเป็นแบบนี้ตลอดเลย จะให้ข้ารู้สึกดีกับเจ้านานกว่านี้บ้างไม่ได้เลยหรือไง!”

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ปีนขึ้นไปบนช่องที่เทาเที่ยปรากฏกายออกมา

“ระวังตัวด้วย” ซูอันเตือนนางขณะที่มองดูเมือกที่เคลือบผนัง

โชคดีที่เมือกนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนไม่มากนัก ทว่ามันเหนียวและน่าขนลุกมากกว่า

“อืม” เพ่ยเหมียนหมานทำท่าขยะแขยง ด้วยความเป็นหญิงสาวผู้รักความสะอาดและความสวยงาม นางจึงรู้สึกเกลียดชังเมือกพวกนี้โดยปริยาย

ทั้งสองคนเดินไปตามทางลาดชันของช่องทาง พวกเขารู้สึกขอบคุณอย่างเล็กน้อยกับเทาเที่ยที่มันช่วยพวกเขาจัดการกับพวกงูและเมือกที่เหนียวของมันทำให้พวกเขาปีนขึ้นไปบนทางลาดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

ไม่นานพวกเขาก็คลานออกมาจากหลุมได้ การได้เห็นหมอกสีเทาแกมเขียวที่คุ้นเคยทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด

“เราต้องระวังอย่าให้ตกลงไปในหลุมแบบนี้อีก”ซูอันมองไปที่ลาดด้านล่างพวกเขา ความกลัวยังคงฝังใจ

เพ่ยเหมียนหมานเงยหน้าขึ้นมองเขา “ไม่ต้องห่วง ข้าค่อยยังชั่วแล้ว ถ้าเจออะไร ๆ อีก ข้าก็ยังคอยช่วยเจ้าได้”

ซูอันยิ้มและพูดว่า “ข้ายังไม่อยากเจออะไร ๆ ที่เจ้าว่าในตอนนี้อีก”

ทันใดนั้น เขาสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ เขาผลักเพ่ยเหมียนหมานไปด้านข้าง “ระวัง!”

เพ่ยเหมียนหมานตะโกนคำสองคำนี้พร้อมกับเขา

ทั้งสองหลบไปในทิศทางตรงกันข้าม ลิ้นสีเทาแกมเขียวพุ่งเข้าใส่พื้นที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่ก่อน กลุ่มฝุ่นคละคลุ้งอย่างฉับพลัน

ทั้งสองตัวสั่นเมื่อเห็นลิ้นที่ดูคุ้นเคยนั้น และรีบมองดูว่ามันมาจากทางไหน

ร่างที่น่าสะพรึงกลัวค่อย ๆ ปรากฏออกจากหมอกสีเทาแกมเขียว หัวลักษณะแปลก ๆ เขี้ยวสีขาว น้ำลายเหนียวๆ และตาบนไหล่ รูปร่างที่พวกเขาเห็นมันเหมือนกับเทาเที่ยในหลุมที่พวกเขาเพิ่งออกมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!

มันเป็นเทาเที่ยตัวอื่น!

“วันนี้มันวันบ้าอะไรของพวกเรา? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราเจอตัวประหลาดอีกตัวในเวลาไล่เลี่ยแบบนี้!”

ซูอันคำรามอย่างโกรธเคือง แต่เขาไม่ได้กังวลขนาดนั้น เขามีประสบการณ์การต่อสู้กับไอ้สัตว์ประหลาดชนิดนี้มาก่อน และตอนนี้เพ่ยเหมียนหมานอาการดีขึ้นมากแล้ว การจัดการกับตัวใหม่ย่อมง่ายกว่าตัวแรกมาก

เทาเที่ยดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ดูถูกของซูอัน มันพุ่งเข้าใส่ซูอันในทันที

ซูอันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาวิ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับมันและเมื่อใกล้จะปะทะกัน ซูอันสไลด์ตัวไปกับพื้นและมีแผนว่าจะแทงกระบี่ของเขาขึ้นจากด้านล่างโดยตั้งใจจะผ่าท้องของมัน

แม้ว่าเทาเที่ยจะมีขนาดใหญ่ แต่มันก็คล่องตัวมาก มันกระโดดหลบไปด้านข้างทันทีพร้อมกับปัดกระบี่ของเขาไปด้านข้างด้วยการเหวี่ยงอุ้งเท้าข้างหนึ่ง และฟาดที่ใบหน้าของเขาด้วยอีกข้างหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน หางยาวก็แทงมาที่ท้องของซูอันด้วย

ซูอันรีบกลิ้งตัวหลบแล้วรีบลุกขึ้นจากพื้นในสภาพที่ค่อนข้างน่าสงสาร เขาพยายามไม่สนใจว่าตอนนี้เขาดูโง่แค่ไหน

“บัดซบเอ๊ย!!” เขาบ่น “ไอ้พวกเกรียนคียบอร์ดจากโลกที่แล้วนี่มันโคตรจะไร้สมองเลย! พวกมันคิดวิธีการฆ่าเสือโดยการสไลด์เข้าไปใต้ท้องแล้วแทงด้วยมีดเพื่อปลิดชีพเสือแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง? พวกมันคิดได้ยังไงว่ามันจะได้ผล!?”

เทาเที่ยส่งเสียงร้องอีกครั้งขณะที่พุ่งเข้าใส่ซูอัน ความว่องไวของมันเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามาก

แต่ทันใดนั้น เปลวไฟสีดำของเพ่ยเหมียนหมานพุ่งผ่านอากาศและคลอกร่างของมันทั้งหมด

เทาเที่ยคำรามด้วยความตกใจ เสียงร้องของมันฟังเหมือนทารกที่กำลังคร่ำครวญ

ทว่าผิวหนังของมันค่อนข้างพิเศษ แค่เพียงกลิ้งไปมาบนพื้นดินสองสามครั้งเปลวไฟสีดำซึ่งควรจะไม่ดับได้ง่าย ๆ กลับค่อย ๆ ดับไป

ซูอันประหลาดใจแต่เขาก็ถือโอกาสนี้พุ่งเข้าหามัน ในขณะที่เทาเที่ยถูกเปลวไฟสีดำเผาไหม้ เขาก็แทงกระบี่ไท่เอ๋อร์เข้าไปในตาของมัน แบบเดียวกับที่ตัวเองจัดการกับเทาเที่ยตัวก่อนหน้านี้