บทที่ 678 ความเป็นห่วงของพิชิต

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีพยักหน้า“ถึงจังหวัดจันทร์แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างทางไปคฤหาสน์ตระกูลแก้วสุทธิ”

วารุณีหยิบตะเกียบขึ้นมา กินไปนิดหน่อยแล้วพูดอีกว่า:“งั้นเดี๋ยวพวกเราต้องไปไหม?”

“แน่นอน มีบางเรื่องควรถามให้ชัดเจน”นัทธีพยักหน้า

วารุณีถือนมขึ้นมาดื่มไปคำหนึ่ง“จริงๆด้วย แต่ว่าคุณหมอพิชิตก็บอกว่าจะไปพบนวิยา”

“ให้เขาไปด้วยกันก็ได้ ผมให้เขาไปเจอนวิยาคนเดียวไม่ได้ คนอย่างเขา ใจอ่อนที่สุด”นัทธีหรี่ตาพูด

คนอย่างพิชิตเขาเข้าใจดี จิตใจดีขั้นสุด ใจก็อ่อนมาก ขี้เห็นใจและเมตตากว่าคนอื่นตั้งแต่เด็ก

ตอนเด็กดูทีวีด้วยกัน คนเลวในทีวีตาย พิชิตก็จะร้องไห้ สำหรับชีวิตแล้ว พิชิตให้ความเคารพอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่พิชิตเลือกเรียนหมอ

และที่พิชิตรักก็คือนวิยา ถึงแม้ตอนนี้พิชิตพูดว่า จะไม่ช่วยนวิยาอีก บอกว่านวิยาควรถูกลงโทษ

แต่ถ้าพิชิตเห็นสภาพของนวิยาจริงๆ แล้วถูกนวิยาร้องไห้ใส่ ใครจะไปรู้ว่าจะใจอ่อนหรือไม่

“นี่ก็ใช่”วารุณีเห็นด้วย

ครั้งที่แล้ว เพราะว่าพิชิตใจอ่อน ปล่อยนวิยา ทำให้อารัณกับไอริณบาดเจ็บ

ส่วนนวิยากลับหนีอยู่ข้างนอกอยู่นาน

ดังนั้นครั้งนี้ จะต้องจับตาดูพิชิตให้ดี อย่าให้โอกาสพิชิตหลงนวิยาอีกเด็ดขาด

นัทธีหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาพิชิต

พิชิตกำลังตรวจคนไข้อยู่ เห็นโทรศัพท์ดัง หลังจากขอทางคนไข้แล้ว ก็กดรับ“นัทธี”

“นวิยามาถึงจังหวัดจันทร์แล้ว”นัทธีก็ไม่พูดแกล้งให้อยากอะไร เขาพูดไปตรงๆเลย

พิชิตเบิกตาโต“ถึงแล้ว?”

“อือ ประมาณหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า จะไปถึงคฤหาสน์ตระกูลแก้วสุทธิ นายจะไปเจอเธองั้นเดี๋ยวก็ไปนะ พลาดโอกาสนี้ไป ฉันจะไม่ให้โอกาสนายครั้งที่สองอีก”นัทธีพูดนิ่งๆ

เขาแค่ให้โอกาสพิชิตเจอนวิยาครั้งหนึ่ง

หลังจากเจอกันครั้งนี้แล้ว เขาจะไม่ให้พิชิตเจอนวิยาอีก

พิชิตได้ยินคำนี้ ก็ตอบกลับทันทีว่า“ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันไป”

นัทธีไม่พูดอะไร ก็วางสายไปเลย

พิชิตวางสายไปอย่างหดหู่ หลังจากนิ่งไปสักพัก จึงหันกลับ กลับไปที่ห้องทำงาน ยิ้มอย่างขอโทษให้คนไข้“ขอโทษครับ พวกเรามาตรวจต่อดีกว่า”

คนไข้พยักหน้า

พิชิตดึงเก้าอี้กลับไปนั่งอีกครั้ง แล้ววิเคราะห์อาการป่วยให้คนไข้ต่อ

จนกระทั่งหลังจากคนไข้หยิบผลออกไป เขาก็โทรหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันที ขอลาหนึ่งวัน

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ไม่พูดอะไร เห็นด้วยกับการลาของเขา

พิชิตเก็บของ ถอดเสื้อกาวน์ด้านบน แล้วลุกขึ้นออกไปจากโรงพยาบาล ขับรถไปที่คฤหาสน์ตระกูลแก้วสุทธิ

ขณะเดียวกัน วารุณีกับนัทธีก็กำลังออกจากบ้าน ไปที่นั่นเช่นกัน

โชคดีมาก ตอนที่พวกเขาเพิ่งถึง พิชิตก็มาถึงแล้ว

พิชิตมาตรงหน้าทั้งสอง“นัทธี วารุณี”

“คุณหมอพิชิต”วารุณีทักทายอย่างสุภาพและเว้นระยะห่าง

ยังไงซะหลังจากที่พิชิตปล่อยนวิยาออกมา แล้วทำร้ายลูกทั้งสองคนไป ท่าทีที่เธอมีต่อพิชิต ก็ไม่ใช่แบบนี้แล้ว ไม่ใกล้ชิด ไม่ใช่เพื่อน เป็นแค่คนรู้จักคนหนึ่ง

แม้แต่นัทธีก็เช่นกัน

พิชิตรู้ถึงสาเหตุที่พวกเขามีท่าทีเหินห่างต่อตัวเอง ในใจก็ยิ้มอย่างขมขื่นสุดๆ

วารุณียังดีหน่อย ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่ามีเพื่อนเยอะ ดังนั้นเสียมิตรภาพนี้ไป เธอก็ไม่รู้สึกเสียดาย

แต่ทางนัทธี เขากลับหมดหนทางที่จะไม่สนใจ

เขากับนัทธี เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันแต่เด็ก เพราะว่าเขามีอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนี้นัทธีเลยเลิกยุ่งกับตัวเอง

บอกว่าไม่เสียใจก็คงไม่จริง ยังไงเขาก็เสียเพื่อนเพียงคนเดียวไป

แต่เสียใจแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าเวลา ย้อนคืนกลับไปไม่ได้

“ไปเถอะ เข้าไปก่อน”นัทธีไม่อยากคุยถึงเรื่องเก่ากับพิชิต จูงมือของวารุณีเดินเข้าไปข้างใน ไม่ส่งสายตาใดๆให้พิชิต

วารุณีกลับยิ้มให้พิชิตอย่างมีมารยาท แล้วจึงตามนัทธีเดินไปข้างหน้า

พิชิตลูบหน้า ยิ้มอย่างขมขื่นตามอยู่ด้านหลัง

ทั้งสามเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลแก้วสุทธิ

มารุตลงมาจากชั้นบน“ประธาน พวกคุณมาแล้ว”

“นวิยาล่ะ?”นัทธีถามไปโดยตรง

มารุตชี้ไปที่ชั้นบน“อยู่ในห้องเธอครับ”

“เมโรนาล่ะ?”วารุณีก็ถาม

มารุตตอบ:“ส่งให้ตำรวจแล้วครับ ถึงเธอจะเป็นคนของนิรุตติ์ แต่เธอไม่ได้เข้าร่วมเรื่องของนิรุตติ์กับพวกเรา และก็ไม่ได้เข้าร่วมเรื่องทุกอย่างของนวิยา ดังนั้นผมจึงเอาเธอส่งตำรวจ ให้ทางตำรวจจัดการ”

ถ้าในเงื้อมมือของเมโรนานั่นมีชีวิตใครอยู่ ตำรวจต้องจัดการอย่างหนักแน่

ถ้าไม่มี หลังจากถูกกักขังไปสักพักหนึ่งแล้ว ก็จะถูกย้ายไปด้านบน ให้เมโรนาร่วมมือกับการสืบสวน

องค์กรนั้น ตามข้อมูลบางอย่างที่คุณหญิงได้รับมาจากนิรุตติ์ พวกเขารู้ความจริงขององค์กรนั้นแล้วครับ

องค์กรดาร์ก เป็นกลุ่มก่อการร้ายอันฉาวโฉ่ระดับนานาชาติ แทบจะก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง คนข้างใน ล้วนแต่เป็นคนที่มาจากแต่ละประเทศ ในนั้นจะมีคนที่มีพรสวรรค์ในแต่ละด้าน มีแต่คนเลวทราม และยังมีทหารรับจ้างที่เกษียณแล้วจากบางประเทศเป็นต้น

สรุปคือ องค์กรนั้นเป็นถิ่นของพวกปีศาจ ข้างในนั้นเลวทรามป่าเถื่อน มีคนทุกประเภท และมีเป้าหมายเพื่อทำลาย สร้างความหวาดกลัวไปทั่วโลก

หลายประเทศในโลกต้องการกำจัด แต่ยังไม่เคยพบฐาน ดังนั้นจึงทำให้องค์กรนั้นมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้

เมโรนานั่นก็มาจากองค์กรนั้น สำหรับเบื้องบนแล้ว เป็นพยานที่สำคัญสุดๆคนหนึ่ง และบางทีอาจจะรู้ตำแหน่งฐานทัพจากเมโรนาก็เป็นได้

ถ้ารู้แล้ว บวกกับเมโรนาไม่ได้กระทำผิดอะไร สุดท้ายเมโรนาก็จะถูกเนรเทศไปยังประเทศของเธอเอง

ส่วนนี้ วารุณีก็เข้าใจ รู้เบาะแสของเมโรนาตอนนี้ เลยไม่สนใจอีกต่อไป

เธอเห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้เมโรนาดูแลเธอบนเกาะ เลยไม่ได้ทำอะไรเมโรนา

ดังนั้นแค่ตัวเมโรนานั้นสะอาด สุดท้ายเมโรนาก็จะปลอดภัยไม่เป็นไร

ถ้าเมโรนาไม่สะอาด งั้นเธอก็หมดหนทางแล้ว

ทั้งสามคนมาที่หน้าห้องนวิยา มารุตเปิดประตูออก

ทั้งสามคนยังไม่เข้าไป กลิ่นยาและน้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ ก็ออกมาจากด้านใน

วารุณีก็ย่นจมูกทันที“เหม็นมาก”

นัทธีหยิบหน้ากากอันหนึ่งจากกระเป๋าให้เธอ“ใส่อันนี้”

วารุณีแปลกใจ“คุณเตรียมมาเมื่อไหร่?”

“ตอนออกมา”นัทธีตอบ

วารุณีรับหน้ากากมาสวม“ดังนั้นคุณคาดไว้แล้วว่าน่าจะเป็นแบบนี้?”

นัทธีไม่พูดอะไร

ทั้งสองก็เข้าไป

มุมปากพิชิตก็อดไม่ได้ที่จะเหยเก

พวกเขามีหน้ากาก แต่เขาไม่มี!

พิชิตถอนหายใจ ส่ายหน้า แล้วก้าวเท้าเข้าไป

ในฐานะหมอ เขาได้กลิ่นนี้ทุกวันที่โรงพยาบาล ชินนานแล้ว ดังนั้นสวมหรือไม่สวมหน้ากาก ก็ไม่เป็นไร

ก็แค่ในใจเขานั้นหดหู่ ไม่เข้าใจว่าทำไมห้องของนวิยา ถึงได้ส่งกลิ่นพวกนี้ออกมา

คงไม่ใช่ว่านวิยาได้รับบาดเจ็บนะ?

คิดแบบนี้ พิชิตก็อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้า

แป๊บเดียว พิชิตก็เห็นฉากในห้อง เห็นเป็นนวิยานอนอยู่ที่พื้น หลับตาแน่น สีหน้าซีดขาว โหนกแก้มนูนเล็กน้อย เบ้าตาบุ๋มลงไป ทั้งตัวก็ผอมบางราวกับไม้ไผ่ หมดสภาพ ดูแล้วน่ากลัวมาก เหมือนกับคนจะตาย

แน่นอนว่า นี่ยังไม่สำคัญที่สุด ที่สำคัญก็คือ เป็นขาสองข้างของเธอ กำลังแผ่ลงบนเตียงในท่าแปลกประหลาด กลิ่นยาและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ ออกมาจากตรงนั้น