ขานั้น……
ในฐานะศัลยแพทย์ พิชิตก็มองออกในแวบเดียว ขาของนวิยาผิดปกติ
กระดูกขาของคนปกติ มีช่วงการเคลื่อนไหวที่จำกัด และเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเกิดมุมแบบนี้ ท่าแบบนี้
นี่หมายความว่าอะไร ก็หมายความว่ากระดูกขาของนวิยาหัก!
และดูท่าแล้ว ดูเหมือนจะหักที่หัวเข่า
“‘นัทธี เอ่อ……”พิชิตยื่นมือออกไปอย่างสั่นๆ ชี้ไปที่นวิยาที่อยู่บนเตียง“ขาของนวิยา ทำไมเป็นแบบนี้?”
วารุณีเลิกคิ้วขึ้น มองไปที่นัทธี
ปัญหาแบบนี้ ให้เขาจัดการเถอะ
เธอเป็นคนที่ไม่มีตัวตนเงียบๆก็พอแล้ว
นัทธีหันไปมองที่พิชิต ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย:“ถูกคนของฉันตีจนหัก”
“อะไรนะ?”เสียงของพิชิตสูงขึ้น“ทำไมล่ะ?นัทธีทำไมแกทำแบบนี้?”
หน้าที่แสนน่ารักของเขาก็แดงขึ้นมา ชัดเจนว่าโกรธมาก
นัทธีพูดอย่างเย็นชา:“ทำไม?ต้องโทษแกไม่ใช่เหรอ?”
“โทษ……โทษฉัน?”พิชิตพูดไม่ออก ชัดเจนว่าไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา
นัทธีเม้มปาก“แน่นอน ครั้งที่แล้วแกปล่อยเธอไป ทำให้เธอทำร้ายลูกทั้งสองคนของฉันแล้วก็หนีไป ดังนั้นครั้งนี้ ฉันก็ให้คนหักขาเธอไปเลย ให้เธอหนีไม่ได้อีก ถึงมีคนช่วยเธอ เธอก็จะเดือดร้อนไปด้วย”
“อะ……อะไรนะ!”ได้ยินคำนี้ พิชิตก็เหมือนได้รับแรงกระตุ้นมหาศาล เซถอยไปก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว
ดันเป็นขา
เพราะว่าครั้งที่แล้วเขาปล่อยนวิยา ดังนั้นครั้งนี้ นัทธีจึงตัดขาของนวิยา
ดังนั้นขาของนวิยาจึงเป็นแบบนี้ เป็นเขาที่ทำ!
พิชิตก้มหน้ามองมือตัวเอง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่ฝ่ามือนั้นสะอาด แต่เขากลับมองเห็นเลือดในมือ
จู่ๆเขาก็ไม่เข้าใจหน่อยๆว่า ตัวเองเป็นหมอ หรือเป็นปีศาจกันแน่
ในฐานะหมอ เขาจิตใจดี ช่วยคนไข้ แต่ที่เขาปล่อยนวิยาไป กลับเป็นการทำร้ายเด็กทั้งสองไปด้วย และตอนนี้ก็ทำร้ายนวิยาเอง
ดังนั้นเขาเป็นหมอจริงๆเหรอ?
เขากำลังช่วยชีวิตคนจริงๆเหรอ?
ทำไมเขารู้สึกว่าตัวเอง ทำร้ายคนอื่นมาตลอด?
พิชิตมือสั่นอย่างแรง ตัวเขา ก็เข้าสู่ความสงสัยในตัวเองอย่างลึกซึ้ง
วารุณีมองออก ก็ผลักชายหนุ่มข้างๆเบาๆ“นัทธี คุณหมอพิชิตปิดปกติแล้ว ในใจเขา เหมือนจะเกิดปัญหาบางอย่างนะ”
ที่สำคัญคือในใจของพิชิตเกิดปัญหานั้นแสดงออกมาชัดเจน ชัดเจนจน เธอที่เป็นคนไม่เข้าใจจิตวิทยา ต่างมองออก
นัทธีก็มองออก หรี่ตาลง“มารุต”
“ครับ!”มารุตที่อยู่ด้านนอกตอบรับ แล้วเดินเข้าไป
“ปลุกนวิยา”นัทธีสั่งการไป
ได้ยินคำนี้ พิชิตได้สติคืนมาทันที“ฉันเอง ให้ฉันทำ!”
ทุกคนมองไปที่เขา
เขายิ้มอย่างเศร้าๆ“ตอนนี้นวิยากำลังหมดสติในที่สาธารณะ ต้องใช้วิธีเรียกแบบมืออาชีพ ไม่งั้นจะส่งผลต่อจิตวิญญาณ นัทธี พวกแกออกไปหน่อยได้ไหม?ฉันอยากพูดกับนวิยาส่วนตัว พวกแกวางใจได้ ฉันแค่อยากถามเธอไม่กี่อย่าง ฉันจะไม่ใช้โอกาสนี้ช่วยเธอ และพวกแกก็อยู่ข้างนอก ฉันก็หมดหนทางช่วยเธอออกไปอยู่ดี ขอร้องล่ะ”
เขาก้มโค้งให้นัทธีต่ำมาก
วารุณีถอนหายใจ“นัทธี รับปากเขาสิ”
นัทธีเห็นเธอพูดแบบนี้ จะพูดอะไรได้อีก เลยพาเธอกับมารุตออกไป
พิชิตได้ยินเสียงฝีเท้า จึงเงยหน้าขึ้น จ้องมองที่ทั้งสาม ตะโกนไปอย่างจริงใจ“นัทธี ขอบคุณนะ”
ฝีเท้านัทธีหยุดลง แป๊บเดียวก็คืนกลับมาเป็นปกติ แล้วเดินออกไปนอกประตู
มารุตปิดประตู ทั้งสามคนยืนรออยู่หน้าประตู
ในห้อง พิชิตเข้าไป ใช้วิธีเฉพาะปลุกนวิยา
นวิยาลืมตา สายตานั้นพร่ามัว สักพักถึงโฟกัสได้ มองคนบนหัวชัดเจน
ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่แสนน่ารักนั้น มองไปที่เธออย่างไร้รอยยิ้ม ในสายตาที่ชัดเจนนั้น แฝงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมาย เช่น ความรัก ความผิดหวัง ความเสียใจ และความเจ็บปวด
ไม่รู้ว่าทำไม เห็นอารมณ์เหล่านี้แล้ว ในใจของนวิยาก็เจ็บปวดแปลกๆ เหมือนว่าสูญเสียอะไรสำคัญไป แต่กลับพูดไม่ออก ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
“พิชิต”ปากซีดขาวของนวิยาอ้าออก เริ่มเรียกพิชิต
พิชิตตอบอืออย่างเย็นชา ถือว่าตอบรับแล้ว
นวิยาเบิกตาโตเล็กน้อย“พิชิต เป็นนายจริงๆด้วย ทำไมนายมาอยู่นี่?”
ตอนที่เธอเพิ่งฟื้นมา ก็พบว่า ในนี้เป็นห้องของเธอ ห้องของเธอตั้งแต่เด็กจนโต
ดังนั้นที่พิชิตอยู่นี่ เธอเลยตกใจมาก
พิชิตนั่งลงอยู่ข้างเตียง“ผมได้รับสายจากนัทธี บอกว่าคุณถึงจังหวัดจันทร์แล้ว ดังนั้นเลยมาดูคุณน่ะ”
ได้ยินนัทธีสองคำนี้ สายตานวิยาก็มีความหวาดกลัว ใบหน้าที่เดิมทีซีดขาว ก็ยิ่งขาวมากขึ้น ขาวจนแทบจะโปร่งใส
“นัทธี นัทธีก็อยู่นี่เหรอ?”นวิยาถามเสียงสูง
เวลานี้ เธอไม่สามารถพูดว่าตัวเองรักนัทธีได้อีกแล้ว กระทั่งว่าเกลียดก็ยังไม่กล้าเกลียด สำหรับนัทธี เหลือเพียงความกลัวเท่านั้น
เพราะว่าฉากนั้นที่นัทธีให้คนตัดขาทั้งคู่ของเธอ เธอลืมไม่ลงเลย
“ใช่ นัทธีก็อยู่ แต่เขาอยู่ด้านนอกห้อง”พิชิตก็ไม่ปิดบัง บอกเบาะแสของนวิยา นัทธีไปโดยตรง
ร่างของนวิยาสั่นอย่างรุนแรง และยังเกี่ยวพันไปยังขาทั้งสองข้าง
แล้วทันใดนั้นขาทั้งคู่ของเธอก็เจ็บจนเธอกรีดร้อง หอบหายใจอย่างหนัก
พิชิตเห็นแบบนี้ ก็รีบถาม“นวิยา คุณเป็นอะไร?”
“ฉันเจ็บ พิชิต ขาฉันเจ็บมาก”นวิยาจับแขนของพิชิตแน่น เจ็บจนหน้านั้นเหยเกไป“พิชิต ขาฉันฮือๆๆ……”
เจ็บขา!
พิชิตรีบไปดูขาของเธอ
แต่เขาไม่กล้าแตะแรง ได้แต่บีบเบาๆ
การกดนี้ ทำให้ใจเขาจมลงสู่ก้นบึ้งหัวใจในทันที
เพราะเขาสัมผัสได้ กระดูกเข่าของนวิยานั่นอ่อนลง แต่คนทั่วไปแข็ง ที่เขาสัมผัสนุ่มๆได้นั้น ไม่ใช่กระดูก แต่เป็นเนื้อ
หมายความว่า กระดูกเข่าของนวิยาถูกคนตีจนแตกหัก จนไม่เหลือแล้ว ขาของนวิยาสูญเสียความเป็นไปได้ในการรักษาไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ชาตินี้ ก็ยืนไม่ได้แล้ว
นวิยาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับขาของตัวเอง เพราะตอนที่ขาของเธอถูกตีจนหักข้างแรก ก็เป็นลมไป จากนั้น ก็อยู่แต่ในอาการโคม่า ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าขาของตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างไร และจะรักษาได้หรือไม่
ตอนนี้เธอบอกเจ็บ คือว่าอยากให้พิชิตช่วยตรวจให้ ดูว่าจะดีขึ้นได้ไหม ถ้าดีขึ้นได้ พิชิตจะต้องรักษาขาของเธอได้ดีแน่
“พิชิต ขอของฉันเป็นไงบ้าง?”นวิยาทนเจ็บไว้ มองไปที่พิชิตแล้วถามอย่างคาดหวัง
พิชิตอ้าปาก สักพักถึงตอบกลับด้วยเสียงเคร่งขรึม:“นวิยา ขอโทษด้วยนะ ขาของคุณพิการแล้ว!”
คำนี้เหมือนฟ้าร้องใส่โดยไม่มีข้อโต้แย้ง ตกใจจนนวิยารู้สึกว่าโลกหมุนไป
พิการแล้ว……
งั้นเธอไม่ใช่ว่า พิการไปทั้งชีวิตเหรอ?
“กรี๊ดๆๆ!”นวิยาไม่สามารถรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้ ถึงได้กรีดร้องเสียงดังด้วยความโกรธจัดราวกับว่ากำลังจะแตกสลาย
ร้องจนคนด้านนอกประตูได้ยิน
วารุณีหันหน้าไปมองประตูห้องด้านหลัง“นัทธี คุณว่าด้านในเป็นอะไรเหรอ?”
นัทธีละสายตาลงพูดเสียงราบเรียบ:“นวิยาจะต้องรู้แล้วว่าขาของตัวเองคืนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงเป็นแบบนี้”
“ทำไมคุณมั่นใจขนาดนี้?”วารุณีมองเขาอย่างแปลกใจ
ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย“เพราะว่าผมเพิ่งได้ยินพวกเขากำลังพูดถึงขา ดังนั้นแค่เดาก็รู้”