วารุณีหัวเราะทันที“ที่แท้ก็แบบนี้ ฉันไม่ได้ยินเลย”
“ก็ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้นี่ว่าผมที่เป็นสามีคุณมีการฟังดีแค่ไหน”นัทธีชี้ไปที่หน้าตัวเอง รู้สึกภาคภูมิใจอย่างไม่ปิดบัง
วารุณีกลอกตาใส่เขา ขี้เกียจสนเขา
ในห้อง พิชิตมองนวิยาที่เหมือนคนบ้า ในใจนั้นรู้สึกแย่
เขายื่นมือออกไป คว้าไหล่ของเธอไว้“นวิยา คุณใจเย็นหน่อยโอเคไหม”
“ใจเย็น?”นวิยามองเขาด้วยตาแดงก่ำ“พิชิต นายบอกฉันมา ฉันจะใจเย็นได้ไง ขาของฉันพิการแล้ว ยืนไม่ขึ้นอีกแล้ว ฉันเป็นคนพิการ นายจะให้ฉันใจเย็นได้ไง!”
เธอออกแรงตบผ้าห่มบนตัว
พิชิตเห็นเธอร้อนรนแบบนี้ ก็กอดเธอไว้แน่นๆ“อย่าขยับ นวิยาอย่าขยับ คุณทำแบบนี้จะทำให้อาการบาดเจ็บที่ขารุนแรงขึ้น แล้วก็จะยิ่งเจ็บ!”
นวิยาก้มหน้าลง กัดไปที่ไหล่ของพิชิต กัดอย่างแรงมาก
พิชิตเจ็บจนส่งเสียงฮึดฮัด มุมหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมา สีหน้าดูเหยเกทันที
อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ผลักนวิยาออก ปล่อยให้เธอกัดเขา
เขารู้ ในใจเธอนั้นขมขื่น ปวดตัว ต้องการระบาย
เขาทำอะไรให้เธอไม่ได้แล้ว จึงช่วยเธอแบ่งปันความเจ็บปวดไปบ้าง ส่วนเขายังไหวอยู่
และก็เป็นเช่นนี้ พิชิตกำฝ่ามือไว้ อดทนความเจ็บบนไหล่
นวิยากัดอย่างแรง แรงมากจริง แรงเหมือนว่าจะกัดเนื้อเขาออกมา
แต่ว่าสุดท้าย นวิยาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา ถึงได้ปล่อยพิชิตออก
ไหล่ของพิชิตเป็นอิสระ ก็ถอยหลังไป จากนั้นหันหน้าไปมองที่ไหล่
ตรงนั้น เสื้อเชิ้ตสีขาวมีเลือดไหลออกมา
รู้ได้เลยว่า ไหล่ตรงเสื้อเชิ้ตขาวนั้น ถูกเธอกัดแรงแค่ไหน
นวิยาจับแขนของพิชิตไว้ พูดเสียงสั่นอย่างมีความหวัง:“พิชิต นายกำลังหลอกฉันใช่ไหม?ขาของฉันยังมีหนทางอยู่ถูกไหม?พวกมันไม่ได้พิการใช่ไหม?นายบอกฉันสิ พวกมันไม่ได้พิการ พวกมันยังช่วยได้อยู่ ขอร้องนายล่ะ นายบอกฉันได้ไหม?”
สภาพอ้อนวอนแบบนี้ของนวิยา พิชิตที่เห็นในใจก็ไม่สบอารมณ์
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอไร้ตัวช่วยขนาดนี้ ขอร้องเขาอย่างน่าสงสารขนาดนี้
เธอในเมื่อก่อนนั้น ด้วยความรักที่เขามีต่อเธอแล้ว ท่าทีที่มีต่อเขาเลยไม่เคยดีเลย มักจะเย่อหยิ่งใส่ โอหังอวดดี ไม่เคยเห็นเขาในสายตา รู้สึกว่ายอมพูดกับเขา จะสูงเกินเอื้อมไปสำหรับเขา
แต่ตอนนี้ เธอกลับยอมก้มหน้า ใช้ท่าทีเช่นนี้กับเขา
หากเป็นเมื่อก่อน เขาต้องดีใจแน่ เพราะว่าสุดท้ายแล้วเธอก็ยอมละทิ้งตัวตน แล้วไม่พูดกับเขาด้วยท่าทางดูถูก
แต่ตอนนี้มาถึงแล้วจริงๆ เขากลับดีใจไม่ออก
นั่นเพราะว่า ท่าทางของเธอนี้ ไม่ได้ทำเพื่อเขาพิชิต แต่ทำเพื่อได้รับคำตอบว่าขาเธอยังช่วยได้อยู่ จากปากของเขา
ถ้าไม่ได้ เธอก็ยังจะกลับเป็นสภาพเย่อหยิ่ง
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่เคยเห็นเขาในสายตา
“ขอโทษนะนวิยา ขาของคุณช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ กระดูกที่เข่าถูกตีจนหักไปแล้ว จากเทคนิคทางการแพทย์ในตอนนี้ ไม่อาจรักษาได้”พิชิตมองนวิยา แล้วส่ายหน้าตอบกลับ
ถึงเขาจะตอบแบบนี้ จะทำให้เธอไม่อาจรับได้ แต่เขาไม่สามารถโกหกเธอได้แล้ว
เขาก็เหนื่อย ครั้งนี้ ที่จริงอยากเจอเธอครั้งสุดท้าย ต่อไป ก็จะตัดความสัมพันธ์กับเธอ
ดังนั้น เขาไม่จำเป็นต้องพูดโกหกอย่างปรารถนาดีอะไรอีกแล้ว
ได้ยินคำพูดของพิชิต นวิยาก็เงียบไปสักพักก่อน จากนั้นจึงตะโกนออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงตะโกนนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่รู้จบ
เหมือนกำลังเกลียดคนที่หักขาเธอ และก็เหมือนกำลังเกลียดเขา เพราะว่าเขาช่วยขาเธอไว้ไม่ได้
บางทีในใจเธอ อาจกำลังด่าเขาว่าสวะก็เป็นได้
พิชิตหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นมา ไม่ได้พูดปลอบนวิยา มองเธอบ้าคลั่งอยู่เงียบๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นวิยาเหมือนตะโกนจนเหนื่อย ไม่มีแรง ในที่สุดก็เงียบลง
เธอมองพิชิต เสียงนั้นแหบและอ่อนแรง“พิชิต นายช่วยฉันได้ไหม?ช่วยฉันออกไป ฉันไม่อยากถูกขังไว้นี่ นัทธีเขาเกลียดฉัน เขารู้ว่าฉันฆ่าพ่อแม่เขาตาย เขาไม่ปล่อยฉันแน่ ดังนั้นพิชิต นายช่วยฉันออกไปนะ ช่วยฉันออกไป!”
เธอเหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตไว้ จับแขนของพิชิตไว้แน่น
แต่พิชิต กลับออกแรงดึงแขนตัวเองออกมา ลุกขึ้นถอยหลังไปสองก้าว เว้นระยะห่างกับเธอและเตียงเล็กน้อย จึงตอบไปว่า:“ขอโทษนะนวิยา ผมช่วยคุณไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?นายทำได้!”นวิยานอนอยู่บนขอบเตียง อารมณ์ก็คุกรุ่นขึ้นมา“ครั้งที่แล้วนายช่วยฉันแล้ว งั้นครั้งนี้นายทำได้แน่”
“ถึงผมทำได้ ผมก็ไม่ช่วย”พิชิตส่ายหน้า
นวิยาเบิกตาโต จ้องเขาเขม็ง ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“นายไม่ช่วยฉัน?ทำไมนายไม่ช่วยฉันล่ะ?พิชิต นายไม่รักฉันแล้ว?”
“ผมรัก!”พิชิตตอบ:“ผมรักคุณมาเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่รู้ความ ผมก็รักคุณแล้ว”
เขามองเธออย่างลึกซึ้ง
นวิยาสบตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่หาของเขาคู่นี้ ก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจถึงค่อนข้างเสียใจ อัดอั้นเล็กน้อย และก็หดหู่หน่อยๆ และก็รู้สึกผิดและเสียใจอย่างพูดไม่ออก
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงมีความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ แต่เธอก็ไม่คิดมาก แป๊บเดียวก็จัดการอารมณ์ได้ แล้วจับผ้าปูเตียงไว้พูดว่า:“ในเมื่อนายยังรักฉัน แล้วทำไมนายไม่ช่วยฉันล่ะ พิชิต หรือว่านายยอมเห็นฉันถูกนัทธีทรมานหรือฆ่าทิ้งงั้นเหรอ?”
พิชิตอ้าปาก เหมือนอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา
นวิยาเห็นแบบนี้ ในใจก็ยิ่งตื่นตระหนกและหวาดกลัว“พิชิต นายไม่พูด หมายความว่านายจะให้ฉันถูกนัทธีฆ่าทิ้งจริงเหรอ?นาย……นายทำแบบนี้จะอภัยให้ตัวเองได้เหรอ นายบอกว่านายรักฉัน นี่คือรักที่นายพูดออกมาเหรอ?นายไม่คู่ควร ไม่คู่ควรที่จะรักฉันเลย!”
“งั้นต้องทำอย่างไรถึงคู่ควรที่จะรักคุณ?เอาชีวิตตัวเองมาช่วยคุณ?ไม่ได้ปล่อยคุณไป ให้คุณสร้างปัญหาและบ่อนทำลายต่อไปถึงเรียกว่ารักคุณเหรอ?นวิยา คุณคิดแบบนี้จริงเหรอ?”เบ้าตาพิชิตแดง
“ฉัน……”นวิยากัดปาก พูดไม่ค่อยออก
แต่การแสดงออกของเธอนั้นเปิดเผยอย่างชัดเจนว่า เธอคิดแบบนี้จริงๆ
พิชิตหัวเราะอย่างดูถูกตัวเอง“นวิยา คุณรู้ไหม?ตอนนี้ผมเสียใจมาก เสียใจที่ตัวเองทำไมต้องรักคุณ ตั้งแต่เด็กจนโต คุณอยากได้อะไร ผมทำให้คุณหมด แต่ตอนนี้เพราะว่าผมไม่ช่วยคุณ คุณก็คัดค้านทุกอย่างที่ผมทำเพื่อคุณ เหอะ……จู่ๆผมก็คิดว่า หลายปีมานี้ ผมทำอะไรกันแน่ สิ่งพวกนั้นที่ทำให้คุณ คุ้มค่าจริงๆเหรอ?”
“ดังนั้นตอนนี้นายเริ่มเสียใจที่รักฉัน เริ่มเสียใจที่ทำเรื่องพวกนั้นให้ฉันแล้ว?ถ้าเป็นแบบนี้จริง งั้นพิชิต นายก็ไม่คู่ควรที่จะบอกว่ารักฉัน รักฉันก็ควรจะทำทุกอย่างให้ฉัน และไม่เสียใจ!”นวิยาก็ยิ้มอย่างน่ากลัว
พิชิตสูดหายใจลึกๆ“ช่างเถอะ ความคิดและทัศนคติทั้งสามของเราสองคนต่างกัน ผมไม่ทะเลาะกับคุณแล้ว วันนี้ที่ผมมา เพราะไม่อยากเถียงกับคุณเรื่องพวกนี้ ผมแค่อยากถามคุณไม่กี่คำถาม นวิยา ผมหวังว่าคุณจะตอบผมดีๆ บางทีผมอาจจะให้นัทธี ดูแลคุณดีขึ้นหน่อย”
นวิยามองเขาอย่างดูถูก“นายเสียใจที่รักฉัน ไม่ยอมช่วยฉัน นายคิดว่า ฉันยังต้องการการเอาใจใส่ดูแลจากปากนายอีกเหรอ?”
พิชิตปวดใจอย่างรุนแรง นอกจากโทษตัวเองแล้ว มากไปกว่านั้น ก็ยังรู้สึกไม่คุ้มค่า
สิบกว่าปีมานี้ เขาช่างไม่คุ้มค่าเสียจริง!
“แล้วแต่คุณจะพูดเถอะ ผมจะถามคุณอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ ถ้าผมเริ่มจีบคุณก่อนตั้งแต่แรก ไม่ขี้ขลาดเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ คุณจะยอมแพ้กับนัทธี แล้วเลือกที่จะคบผมไหม?”พิชิตกำหมัดไว้ มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง