บทที่ 705 บรรยากาศแปลก ๆ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 705 บรรยากาศแปลก ๆ

บทที่ 705 บรรยากาศแปลก ๆ

ทั้งอิ่นหรูอวิ๋นและฉีเสี่ยวฟางต่างฝ่ายต่างเงียบงันโดยไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ในตอนนั้นเองประตูห้องพักก็ถูกผลักออก

ซูเสี่ยวเถียนยังคิดว่าอ้ายอวี้กลับมาแล้วแต่กลับเป็นฉู่เยว่ที่เข้ามา

ตอนที่ฉู่เยว่เข้ามาในมือก็ถือถุงตาข่ายซึ่งใส่ของใช้ในชีวิตประจำวันจำนวนมากไว้ด้วย

นอกจากซูเสี่ยวเถียน ตอนที่คนอื่นมาฉู่เยว่ก็ออกไปแล้วคนอื่นจึงไม่เห็นเธอ

ครั้งนี้เห็นฉู่เยว่เข้ามาก็รู้ทางหนีทีไล่ในใจอย่างแจ่มแจ้ง ฉู่เยว่เป็นเพื่อนนักศึกษาที่อยู่ห้องพักเดียวกันก็น่าจะเป็นคนที่อยู่ตรงข้ามเตียงของซูเสี่ยวเถียน

เพราะต่งเยี่ยนอันและจ้าวหงเหมยทั้งสองคนนี้อยู่กับซูเสี่ยวเถียน อิ่นหรูอวิ๋นจึงรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและคิดอยากมีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนนักศึกษาคนนี้ทันที

ในห้องพักมีแปดคนตอนนี้มากันหกคนแล้วเธอไม่อาจเสียเปรียบได้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรวมกลุ่มให้ได้สามต่อสาม

เพราะเหตุนี้เธอจึงพูดในห้องพักอย่างมั่นใจ

จิตใต้สำนึกของอิ่นหรูอวิ๋นมองว่าซูเสี่ยวเถียนเป็นศัตรูแล้ว เธอรู้สึกว่าซูเสี่ยวเถียนที่ซื้อตัวคนได้เป็นศัตรูกับตน

“สวัสดี เธออยู่หอพักของพวกเราด้วยหรือ? ยินดีที่ได้รู้จักฉันชื่ออิ่นหรูอวิ๋น”

อิ่นหรูอวิ๋นเริ่มทักทายก่อน รูปร่างเพรียวลมรวมกับพูดอ่อนโยนของเธอยิ่งทำให้คนรู้สึกประทับใจ

เดิมทีฉู่เยว่มีท่าทีไม่ยี่หระตอนที่มองคนก็ไม่ได้แสดงอารมณ์มากนัก

เธอมองอิ่นหรูอวิ๋นที่ยื่นมือออกมาก่อนจะยื่นมือไปพลางกล่าว “สวัสดีอิ่นหรูอวิ๋น ฉันชื่อฉู่เยว่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

ตอนที่อิ่นหรูอวิ๋นพูดกับฉู่เยว่ก็อดไม่ได้ที่จะปรายตามองพวกซูเสี่ยวเถียนอย่างเย่อหยิ่ง

เพื่อนที่ชื่อฉู่เยว่ดูแล้วฐานะครอบครัวคงไม่เลวต้องเหมาะจะอยู่ข้างตนแน่นอน

แน่นอนว่าซูเสี่ยวเถียนเห็นฉู่เยว่แต่กลับไม่ได้ทักทายก่อน ทุกคนล้วนรู้จักกันแล้วไม่จำเป็นต้องสุภาพกันเกินไปนัก

ฉู่เยว่กลับสงสัยว่าห้าคนนี้ที่อยู่ในห้องพักเดียวกัน ทำไมจึงมีสองคนนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง ส่วนอีกสามคนนั่งอยู่อีกฝั่งดื่มกินกันอย่างครึกครื้นล่ะ?

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?

เดี๋ยวก่อนนี่มันกลิ่นเนื้อตากแห้งยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นยี่ห้อที่ตนชอบอีกด้วย

ฉู่เยว่รีบวางถุงตาข่ายในมือลงบนพื้น หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปทางพวกซูเสี่ยวเถียนที่มีสามคนและร้องโอ้โหขึ้นมา

“เสี่ยวเถียนพวกเธอแอบกินของอร่อยกันหรือ!”

ซูเสี่ยวเถียนเห็นฉู่เยว่เป็นเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้ไม่เกรงใจกันมากเกินไป แต่คนแบบนี้ย่อมเป็นมิตรและสานสัมพันธ์ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอิ่นหรูอวิ๋นจึงยิ่งดูสานสัมพันธ์ง่ายกว่ามาก

ซูเสี่ยวเถียนผลักขนมบนโต๊ะไปให้ทางฉู่เยว่พลางพูด “นี่ ชอบอะไรก็หยิบเลย!”

“หยิบอะไรก็ได้เลยหรือ?” ฉู่เยว่พูดในขณะที่มือเริ่มพลิกขนมในถุงดูแล้วถามขึ้น

อิ่นหรูอวิ๋นคาดไม่ถึงว่าอีกคนหนึ่งที่มาจะสนิทกับซูเสี่ยวเถียนแล้ว หรือสองคนนี้จะรู้จักกันมาก่อน?

อิ่นหรูอวิ๋นไม่ได้คิดเลยว่าทั้งสองคนจะเพิ่งพบกันวันนี้ เธอคิดว่าหากเป็นคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรกย่อมไม่สนิทกันถึงขนาดนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าเมื่อคนมีนิสัยคล้ายกันจะดึงดูดกันและกันไปตามธรรมชาติ

แน่นอนว่าคนแบบนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีจิตใจเรียบง่าย

คนที่คิดพิจารณามากมายเกินไปย่อมไม่อาจทำเช่นนี้ได้แน่นอน

ฉู่เยว่หาอาหารโปรดของตัวเองพลางพูด “คนในครอบครัวเธอใจดีมากจริง ๆ คาดไม่ถึงว่าจะซื้อของอร่อยมากมายมาให้เธอแบบนี้”

แม้ว่าสภาพครอบครัวของพวกเขาจะดี มีอาหารให้กินอิ่มมีเสื้อผ้าอุ่น ๆ ให้สวมใส่อย่างไม่มีปัญหาแต่ก็ไม่นับว่าดีมากมายนัก ถึงพ่อแม่จะรักเธออย่างไรก็ไม่อาจยอมตัดใจใช้เงินมากมายซื้อขนมให้เธอได้

ปกติแล้วนาน ๆ ทีจะได้ซื้อขนมมากินเล่นก็นับว่าดีแล้ว

แต่ซูเสี่ยวเถียนสามารถเอาขนมห่อใหญ่ถึงเพียงนี้มาชวนให้ทุกคนกินด้วย

หลังจากฉู่เยว่เปิดถุงเนื้อตากแห้งในมือ จู่ ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่าทำไมจึงเห็นซูเสี่ยวเถียนกินกับเพื่อนนักศึกษาสองคนนี้ แต่อิ่นหรูอวิ๋นและเพื่อนนักศึกษาอีกคนกลับมองอยู่ข้าง ๆ

หรือจะเกิดเรื่องอะไรที่ตนไม่รู้ขึ้นในห้องนี้กัน?

ฉู่เยว่เหลือบมองไปทางอิ่นหรูอวิ๋นก็เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของอิ่นหรูอวิ๋นพอดี

ฉู่เยว่เมื่อเห็นสีหน้าของอิ่นหรูอวิ๋นก็ตกใจ

เธอไม่กล้ามองต่อ และเริ่มกินเนื้อตากแห้งอย่างว่าง่าย

“สวัสดีฉันชื่อจ้าวหงเหมย หลังจากนี้พวกเราเป็นรูมเมทกันแล้วนะ!”

จ้าวหงเหมยกินเนื้อตากแห้ง ก่อนจะแนะนำตัวกับฉู่เยว่

เธอมองออกว่าฉู่เยว่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อซูเสี่ยวเถียน

เธอสังหรณ์ใจว่าเพื่อนร่วมห้องในหอพักของเธอนี้อาจถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย และพวกเธอหากไม่มีอะไรผิดพลาดคงตั้งเป็นกลุ่มของตัวเอง

โธ่เป็นปัญหาจริง ๆ เดิมทีเธอไม่ได้คาดหวังเช่นนี้แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

อยู่ในห้องพักเดียวกันจะไม่เป็นไรหรือ?

แต่เรื่องนี้เธอก็ไม่อาจโทษซูเสี่ยวเถียนได้ ถึงอย่างไรอิ่นหรูอวิ๋นก็ทำผิดก่อน เห็นได้ชัดว่าเธอมีทางเลือกอื่นทำไมต้องมาแย่งที่นอนของคนอื่นด้วย?

“สวัสดีฉันชื่อฉู่เยว่หลังจากนี้พวกเรามาเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดีกันเถอะ!” ฉู่เยว่พูดอย่างร่าเริงเป็นอย่างยิ่ง

เธอรู้สึกว่าจ้าวหงเหมยเป็นผู้หญิงที่ไม่เลวเลย คนนิสัยแบบนี้สามารถพูดคุยกันได้อย่างดี

ซูเสี่ยวเถียนเห็นทั้งสองคนพูดคุยกันแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

คนถูกแบ่งกลุ่มออกอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด

นิสัยอย่างจ้าวหงเหมยและฉู่เยว่หากสามารถเป็นเพื่อนกับอิ่นหรูอวิ๋นได้ก็นับว่าแปลกจริง ๆ

อิ่นหรูอวิ๋นไม่ใคร่จะพอใจนัก ทำไมทุกคนถึงชอบยายเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างซูเสี่ยวเถียน?

“เสี่ยวฟางพวกเราไปข้างนอกกันเถอะ เพิ่งมาถึงมหาวิทยาลัยยังไม่ได้ไปดูรอบ ๆ เลย!” อิ่นหรูอวิ๋นอ้างเหตุผลอย่างหนึ่งขึ้นมา

เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวจริง ๆ พวกซูเสี่ยวเถียนน่ารำคาญเกินไป

ฉีเสี่ยวฟางก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อลุกขึ้นเดินออกไปกับอิ่นหรูอวิ๋นทันที

แท้จริงแล้วฉีเสี่ยวฟางยังคิดน้อยเกินไป เธอคิดว่าอิ่นหรูอวิ๋นคิดจะออกไปซื้อขนมหรือ?

กลิ่นเนื้อตากแห้งหอมเกินไปจนเธอหิวแล้ว

อิ่นหรูอวิ๋นไม่รู้ว่าฉีเสี่ยวฟางอยู่กับเธอเพราะมีความคิดแบบนี้

หลังจากทั้งสองคนออกไปบรรยากาศในห้องพักก็ยิ่งกลมเกลียว เด็กสาวทั้งสี่คนอายุห่างกันไม่มากแต่นิสัยกลับคล้ายกันจึงพูดคุยกันถูกคอ

พวกเขาพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หลังทำความรู้จักกันฉู่เยว่ก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าทั้งสองคนออกไปแล้ว

แม้นิสัยของเธอจะไม่ค่อยสนใจสิ่งใดแต่ในตอนนี้กลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ ในหอพัก

“เสี่ยวเถียนเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ชื่ออิ่นหรูอวิ๋นหรือ?”

เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นนิสัยแปลกประหลาด แม้ตอนที่พูดจะอ่อนโยนแต่กลับทำให้คนรู้สึกแปลก ๆ

“เธอขโมยที่นอนฉันแล้วฉันต้องการเอาคืนมา!” ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างไม่ยี่หระ

“แย่งที่นอนเธอหรือ? ทำไมถึงทำแบบนั้น?” ฉู่เยว่ถามอย่างแปลกใจ

ที่นอนของซูเสี่ยวเถียนคงจัดไว้เรียบร้อยแล้วหรือเปล่า?

เธอเห็นแล้วพอใจแต่อิ่นหรูอวิ๋นกลับไม่เกรงใจกันเลยจริง ๆ แล้วก็เข้ามาแย่งง่าย ๆ เลยหรือ