ตอนที่ 714 กลัวสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 714 กลัวสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

ถงหมัวมัวตบมือเข้าหากันด้วยความดีใจ จากนั้นกล่าวเสียงดังลั่น “หายดีหมดแล้วเจ้าค่ะ ได้ยินเด็กอิ๋นซวงกล่าวว่าคนป่วยก่อนหน้านี้ที่กินยาจนหายดีแล้วกำลังช่วยดูแลคนป่วยคนอื่นๆ อยู่เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ”

“ข้าได้ยินเด็กอิ๋นซวงกล่าวว่า ตอนนี้ชาวบ้านที่อพยพมายังซั่วหยางต่างยกย่องว่าท่านหมอหงคือพระเจ้า กล่าวว่าจะสร้างป้ายบูชาให้ท่านหมอหงเจ้าค่ะ!” ถงหมัวมัวยิ้มจนเห็นรอยย่นบนใบหน้า

สิ้นเสียงของถงหมัวมัว ชุนเถาเดินถือจดหมายฉบับหนึ่งเข้ามาด้านในอย่างร้อนรน นางรีบยื่นจดหมายให้ไป๋ชิงเหยียนทันทีโดยไม่มีเวลาทำความเคารพ จากนั้นกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ จดหมายของคุณหนูรองเจ้าค่ะ! องครักษ์กล่าวว่าคนนำจดหมายมาให้หล่นมาจากหลังม้าทันทีที่มาถึง เขากล่าวเพียงให้มอบจดหมายให้คุณหนูใหญ่ จากนั้นสลบไปทันทีเจ้าค่ะ”

ใจของไป๋ชิงเหยียนกระตุกวูบ นางประคองสติและแกะจดหมายอ่านทันที

‘คลังสมบัติของแคว้นขาดแคลนอย่างหนักส่งผลกระทบต่อการสร้างหอบูชาเก้าชั้น รัชทายาทมีคำสั่งให้สังหารชาวบ้านที่ป่วยเป็นโรคระบาดทั้งหมดในเมืองหวาหยางและฉินไหวอย่างลับๆ ไม่ให้เหลือแม้แต่ผู้เดียว จากนั้นเผาศพทิ้งให้สิ้นซาก’

ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันกรอด รู้สึกเดือดดาลขึ้นทันที หญิงสาวขยำจดหมายในมืออย่างแรงจนนิ้วแทบทะลุเข้าไปในกระดาษ

คลังสมบัติมีเงินไม่เพียงพอในการสร้างหอบูชาเก้าชั้นจึงตัดสินใจสังหารชาวบ้านเมืองหวาหยางและฉินไหวอย่างนั้นหรือ!

เป็นรัชทายาทและจักรพรรดิที่ดีเสียจริง!

ชาวบ้านของสองเมืองประสบภัยพิบัติ ต้องใช้เงินจำนวนมากในคลังสมบัติของแคว้นเพื่อช่วยเหลือเยียวยา ทว่า รัชทายาทต้องการเร่งสร้างหอบูชาเก้าชั้นจึงตัดสินใจสังหารชาวบ้านทั้งหมดอย่างนั้นหรือ

ในสายตาของรัชทายาทการสร้างหอบูชาเก้าชั้นของฮ่องเต้สำคัญกว่าชีวิตของชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นอีกอย่างนั้นหรือ!

ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ประมวลผลในสมองอย่างรวดเร็ว…

ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วได้รับข่าวและส่งคนมายังซั่วหยาง คนของรัชทายาทคงอยู่ระหว่างทางไปหวาหยางและฉินไหวแล้ว

“ชุนเถา เจ้ารีบไปที่เรือนของท่านหมอหง บอกให้เขารีบเขียนสูตรยารักษาโรคระบาดออกมาให้ข้าสามชุด จากนั้นเจ้านำสูตรยาชุดหนึ่งไปรอข้าอยู่หน้าจวนไป๋โดยเร็วที่สุด!”

“เจ้าค่ะ!” ชุนเถาวิ่งออกจากห้อง มุ่งหน้าไปยังเรือนของหมอหงในทันที

ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับถงหมัวมัว “ถงหมัวมัวรีบไปหาพ่อบ้านเหา ให้เขานำบ่าวสิบคนที่ไว้ใจได้มาพบข้าโดยเร็วที่สุด”

“เจ้าค่ะ!” ถงหมัวมัวหมุนกายออกไปจากห้อง

ภายในห้องเหลือเพียงไป๋ชิงเหยียนคนเดียว หญิงสาวเผาจดหมายของไป๋จิ่นซิ่วทิ้งด้วยแววตาหนักแน่น จากนั้นเรียกสาวใช้ที่เฝ้าประตูด้านนอกเข้ามาช่วยเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้

เมื่อเห็นว่าจดหมายถูกเผาจนเกือบหมดแล้ว ไป๋ชิงเหยียนทิ้งจดหมายลงบนถาดล้างพู่กัน จากนั้นเอื้อมมือปลดถุงทรายออกจากลำตัว

เมื่อถงหมัวมัวกลับเข้ามาในห้อง นางเห็นสาวใช้กำลังคุกเข่าสวมรองเท้าหนังให้ไป๋ชิงเหยียนอยู่ข้างเก้าอี้ ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดใหม่เป็นชุดที่หนากว่าเดิมเรียบร้อยแล้ว ด้านข้างมีเสื้อคลุมขนจิ้งจอกของไป๋ชิงเหยียนวางอยู่

“หมัวมัว…” ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อของตัวเองพลางกล่าวกับถงหมัวมัว “หมัวมัวช่วยกระจายข่าวเรื่องที่รัชทายาทจะสังหารชาวบ้านที่ติดโรคระบาดของเมืองหวาหยางและฉินไหวออกไปที ให้ผู้คนรับรู้มากเท่าใดยิ่งดี”

เช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจะได้มีข้ออ้างในการลาก “สังขารที่อ่อนแอ” ของตัวเองไปพบรัชทายาทที่เมืองหลวงได้อย่างสมเหตุสมผล

ถงหมัวมัวยังไม่ทันได้ถามว่าไป๋ชิงเหยียนเตรียมเปลี่ยนเครื่องแต่งกายไปที่ใดก็ถูกหญิงสาวใช้ให้ไปทำงานอื่นต่อแล้ว

พ่อบ้านเหาจัดการเรื่องทุกอย่างรวดเร็วเสมอ ไป๋ชิงเหยียนแต่งหน้าและริมฝีปากของตัวเองให้ดูซีดกว่าปกติ เมื่อหญิงสาวสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกเดินออกมาจากเรือนปัวอวิ๋นก็พ่อบ้านเหาพาองครักษ์ไป๋ร่างกายกำยำแข็งแรงทั้งสิบคนมารออยู่ที่หน้าประตูเรือนปัวอวิ๋นก่อนแล้ว

เมื่อพ่อบ้านเหาเห็นไป๋ชิงเหยียนที่แสร้งแต่งหน้าให้ดูอ่อนแอและสวมเครื่องแต่งกายสำหรับออกไปด้านนอกเดินออกมาจึงรีบก้าวเข้าไปทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่จะไปที่ใดขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนยื่นแผนที่ในมือให้พ่อบ้านเหา “พ่อบ้านเหาให้คนส่งแผนที่ฉบับนี้ไปให้เสี่ยวซื่อด้วย”

“ขอรับ!” พ่อบ้านเหารับแผนที่มา จากนั้นขมวดคิ้วมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่กำลัง…”

“คลังสมบัติของแคว้นต้องการนำเงินไปให้ก่อสร้างหอบูชาเก้าชั้น สถานการณ์โรคระบาดในเมืองหวาหยางและฉินไหวทวีความรุนแรงมากขึ้น เงินในคลังสมบัติไม่เพียงพอต่อการเยี่ยวยา รัชทายาททรงมีรับสั่งให้สังหารผู้ป่วยติดเชื้อในเมืองหวาหยางและซั่วหยางอย่างลับๆ ทว่า ชาวบ้านป่วยแทบทั้งเมือง การทำเช่นนี้ไม่ต่างอันใดกับการกวาดล้างทั้งเมือง ท่านหมอหงคิดค้นยารักษาได้แล้ว คนป่วยจำนวนมากเริ่มหายดี! พวกเจ้าจงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม นำสูตรยาไปยังเมืองหวาหยางและฉินไหวให้เร็วที่สุดโดยห้ามหยุดพัก ต้องขัดขวางคำสั่งประหารของรัชทายาทให้ได้”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังคนทั้งสิบพลางกล่าวออกมาทีละคำ “หากคนของรัชทายาทไม่ฟังคำของพวกเจ้า พวกเจ้าจงบอกพวกเขาว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนสั่งให้พวกเจ้านำสูตรยามา ข้ากำลังมุ่งหน้าไปทูลเรื่องนี้ให้รัชทายาททราบที่เมืองหลวงแล้ว หากพวกเขาไม่เชื่อสามารถส่งคนไปสอบถามรัชทายาทที่เมืองหลวงได้ สามารถอ้างกับพวกเขาได้ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วไป๋ชิงเหยียนเป็นคนห้ามไม่ให้พวกเขาสังหารชาวบ้านของเมืองหวาหยางและฉินไหว ข้าจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง”

พ่อบ้านเหาเบิกตาโพลง คุณหนูใหญ่ของพวกเขาจะเดินทางไปยังเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ…

“ขอรับ!”

องครักษ์ไป๋ทั้งสิบคนรับคำ

“พวกเจ้าทั้งสิบคนจงรีบไปขอสูตรยาจากท่านหมอหง อย่ามัวเสียเวลาเด็ดขาด ชีวิตของชาวบ้านเมืองหวาหยางและฉินไหวขึ้นอยู่กับความรวดเร็วของพวกเจ้า”

องครักษ์ทั้งสิบคนรีบทำความเคารพแล้วจากไปทันที

“คุณหนูใหญ่ ข้าไปเมืองหลวงแทนคุณหนูดีหรือไม่ขอรับ คุณหนูใหญ่ ‘ร่างกายอ่อนแอ’ อยู่ ไม่ควรเดินทางไกลขอรับ” พ่อบ้านเหากลัวว่าหากรัชทายาทเห็นร่างกายที่ฟื้นตัวของคุณหนูใหญ่ สิ่งที่คุณหนูใหญ่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า

“พ่อบ้านเหาไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารู้ขอบเขตดี” ไป๋ชิงเหยียนลูบท้องของตัวเอง “ข้านำยาที่ท่านหมอหงให้ไปด้วย…”

หมอหงคิดค้นยาทีทำให้ชีพจรอ่อนแอให้ไป๋ชิงเหยียนพกติดตัวเพราะกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะถูกผู้อื่นตรวจชีพจร

กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนเดินลงบันไดไปทันที

พ่อบ้านเหาเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปอย่างเป็นห่วงพลางกล่าวขึ้น “ทว่า หากทานยานั่นมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายนะขอรับ”

“คลังสมบัติของแคว้นมีเงินไม่พอ รัชทายาทต้องการสร้างหอบูชาเก้าชั้นเพื่อเอาใจฮ่องเต้ กองทัพที่กำลังทำสงครามกับต้าเหลียงต้องการเงินและเสบียง หากข้าไม่ไปด้วยตัวเอง ผู้อื่นอาจโน้มน้าวรัชทายาทไม่สำเร็จ ข้ากลัวว่ารัชทายาทจะลดเสบียงของพวกทหารที่ทำสงครามอยู่ที่ต้าเหลียง”

ไป๋ชิงเหยียนรู้จักนิสัยของรัชทายาทดี ในเมื่อเขาตั้งใจสร้างหอบูชาเก้าชั้นเพื่อเอาใจฮ่องเต้ เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางหยุดการสร้างหอลงชั่วคราวเพื่อประหยัดเงินแน่นอน

สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึม ก้าวเท้าไปด้านหน้าไม่มีหยุด “ที่สำคัญ รัชทายาททรงมีรับสั่งให้สังหารชาวบ้านทั้งสองเมืองอย่างลับๆ หากคนของเราไปห้ามคนของรัชทายาทไม่ให้สังหารชาวบ้านได้ทัน ข้าต้องคิดคำไว้อธิบายกับรัชทายาทให้ดี อีกทั้งต้องยอมให้คนของรัชทายาทตรวจชีพจรของข้าด้วย เช่นนี้รัชทายาทจะได้วางพระทัยอย่างเต็มที่”

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองพ่อบ้านเหา “ดังนั้นข้าจำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง”

พ่อบ้านเหารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นคนรอบคอบ

“ข้าทราบดีขอรับ ข้าจะเตรียมการทุกอย่างให้คุณหนูใหญ่ขอรับ หากคำนวณจากเวลาแล้ว เมื่อคนของเราไปถึงสองเมืองนั่น คนของรัชทายาทต้องกลับไปสอบถามความเห็นจากรัชทายาทก่อน คุณหนูใหญ่นั่งรถม้าไปเมืองหลวงก็น่าจะทันขอรับ” พ่อบ้านเหากล่าว

“เตรียมม้าเถิด รถม้าช้าเกิดไป ข้ากลัวสถานการณ์เปลี่ยนแปลง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยสีหน้านิ่งขรึม

“ฝากพ่อบ้านเหาดูแลเรื่องในจวนด้วย ข้าไม่มีเวลาไปบอกลาท่านแม่ กลัวว่าท่านจะไม่อนุญาต พ่อบ้านเหาช่วยเรียนให้ท่านแม่ทราบและช่วยแก้ต่างให้ข้าต่อหน้าท่านแม่ที”