บทที่ 779 อุโมงค์ใต้ดิน

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

———-

บทที่ 779 อุโมงค์ใต้ดิน

ซูอันนำศพของจระเข้ออกจากดวงแก้วผู้รอบรู้แล้วโยนลงในหม้อทองแดงขนาดใหญ่

หมี่ลี่รู้สึกประหลาดใจ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีอะไรแบบนี้ในอุปกรณ์เก็บของเชิงมิติของเจ้าด้วย น่าเสียดายที่จระเข้ตัวนี้ไม่มีค่าพอ และไม่สามารถใช้เป็นเครื่องสังเวยได้”

ซูอันเห็นว่านางกำลังจับตามองเพ่ยเหมียนหมาน หนังศีรษะของเขาก็ชาขึ้นมาด้วยความตึงเครียด ชายหนุ่มกังวลจริง ๆ ว่านางอาจจะฆ่าเหมียนหมานใหญ่ เขาหาเนื้อเทาเที่ยที่เคยเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ “ข้ามีพวกมันด้วย!”

“ศพเทาเที่ย? แม้ว่าจะดูน่ารังเกียจ แต่คนในราชวงศ์ซางมักใช้มันเป็นเครื่องสังเวยก่อนการสู้รบ มันควรจะตอบสนองความปรารถนาของเจ้าได้บ้าง” หมี่ลี่พยักหน้าในที่สุด

ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้ามันยังไม่พอ ข้าก็คงต้องเอาศพมังกรยักษ์ออกมาด้วย ซึ่งเขามั่นใจว่ามันไม่มีทางที่จะไม่เพียงพอ

สิ่งเดียวที่ทำให้ซูอันกังวลคือ เขาจะใส่ศพของมังกรขนาดใหญ่ลงไปในหม้อขนาดเล็กที่บอบบางนี้อย่างไร?

เพ่ยเหมียนหมานมองอย่างหวาดกลัว “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

เขาไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้านี้ของนางเลย แต่กลับโยนจระเข้และซากศพเทาเที่ยลงในหม้อตรงกลางศาลา นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซูอัน

เทาเที่ยมีขนาดใหญ่กว่าหม้อเล็กน้อย เขาหยิบกระบี่ไท่เอ๋อร์ออกมาและเริ่มตัดหัว แขน ขา และหางของมันออกก่อนจะใส่ลงไป

ของเหลวในร่างกายของเทาเที่ยไหลทะลักออกมา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่าของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนจะตกลงบนพื้นหรือหม้อทองแดง

“ข้ากำลังพยายามหาทางออกจากสถานการณ์นี้” ซูอันอธิบาย “เฮ้ เจ้าจุดไฟใต้หม้อได้ไหม? ข้าต้องทำอาหาร”

“อะไรนะ?” เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึง “แค่รักษาเปลวไฟเอาไว้ปกป้องเราสองคนยังเป็นเรื่องลำบาก ทำไมข้าถึงต้องทำอะไรไร้สาระแบบที่เจ้าพูดด้วย!”

นางไม่สามารถเข้าใจการทำงานภายในของสมองของชายคนนี้ได้จริง ๆ

ซูอันอธิบายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว โดยให้แนวคิดคร่าว ๆ เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างสถานที่นี้กับความจำเป็นในการถวายเครื่องบูชา

เพ่ยเหมียนหมานยังคงสงสัย แต่นางรู้ว่าซูอันมักจะไตร่ตรองสิ่งต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนลงมือทำเสมอ ซึ่งเป็นเหตุผลที่นางวางใจเขา

ด้วยเหตุนี้นางจึงแบ่งเปลวไฟสีดำปกป้องพวกเขาส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งแบ่งไปทำให้หม้อทองแดงร้อนขึ้น

หากไม่แบ่งพลังเช่นนี้ นางก็จะยังคงสามารถรักษาเปลวไฟสีดำของนางต่อไปได้อีกเกือบครึ่งชั่วยาม แต่ตอนนี้ มากที่สุดที่อยู่ได้คืออีกแค่หนึ่งเค่อ*[1]

นางมองไปที่ซูอันอีกครั้ง แต่กัดฟันและเลือกที่จะเงียบ

โชคดีที่เปลวไฟสีดำของเพ่ยเหมียนหมานนั้นไม่ธรรมดาและสามารถทำให้อุณหภูมิของหม้อสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานกลิ่นของการปรุงเนื้อสัตว์ก็ลอยออกมาจากหม้อพร้อมกับกลิ่นที่น่าขยะแขยงและน่าสะอิดสะเอียนอีกหลากหลายประเภท

มันอาจเป็นเมือกของเทาเที่ยและของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนที่กำลังเดือดพล่าน

ซูอันมองดูอาหารสีดำที่เดือดพล่านอยู่ในหม้อ สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวขึ้นมากในทันที

เทพบนสวรรค์จะไม่ปวดท้องเอาหรือไงถ้ากินไอ้นี่เข้าไป? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพซักองค์ลงโทษเราด้วยความโกรธแค้น…?

อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้เริ่มพิธีไปแล้ว และไม่สามารถถอยได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่เหลือคือการเตรียมพร้อมสำหรับผลที่ตามมา

เพ่ยเหมียนหมานขมวดคิ้วเช่นกัน นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “กลิ่นนี้มันเหมือนกับ…เหมือน…”

ซูอันหัวเราะเมื่อเห็นว่านางเขินอายเพียงใด “เหมือนขี้ใช่ไหม?”

“พอเลยหยุด!” เพ่ยเหมียนหมานรู้สึกปั่นป่วนท้อง นางย้อน “เจ้าแน่ใจหรือว่าไอ้นี่สามารถใช้เป็นเครื่องบูชาได้?”

“มันน่าจะได้มั้ง?” ซูอันไม่แน่ใจเหมือนกัน “มันทำมาจากเลือดเนื้อของเทาเที่ย แม้ว่ามันจะมีกลิ่นเหม็น แต่ก็เหมือนช็อกโกแลตรสขี้ ซึ่งสุดท้ายก็ยังเป็นช็อกโกแลต มันต้องดีกว่าขี้รสช็อคโกแลต ถ้าเจ้าเป็นเทพเจ้าจะเลือกแบบไหน?”

แม้ว่านางจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับช็อกโกแลตมาก่อน แต่เพ่ยเหมียนหมานก็สามารถเดาได้ว่าเขาหมายถึงอะไร นางบีบจมูกด้วยความขยะแขยง “ข้าขอไม่เลือกทั้งสองอย่าง!”

ความฟุ้งซ่านชั่วขณะทำให้เกิดช่องว่างในการป้องกันของนาง และวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนก็รุมเข้ามา

สีหน้าของเพ่ยเหมียนหมานเปลี่ยนไป ซูอันโอบนางไว้ในอ้อมแขน เขาหยิบไฟฉายวิเศษออกมา ของวิเศษชิ้นนี้มีประสิทธิภาพมากในการหยุดพวกภูติผีหรือบางสิ่งที่ตายไปแล้ว

แต่เขาเหลือมันอีกเพียงอันเดียวเท่านั้นซึ่งเขาไม่ต้องการเสียมันไปเว้นแต่จำเป็นต้องทำ

น่าเสียดายที่เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่ทันใดนั้นขณะที่เขากำลังจะเปิดใช้งานไฟฉายวิเศษ จู่ ๆ เหล่าวิญญาณร้ายกลับชะงักค้างก่อนจะหันหลังกลับไปราวกับถูกดึงดูดโดยของอร่อยในทันใด และจากนั้นพวกมันทั้งหมดก็กรูไปที่หม้อทองแดง

ช็อคโกแลตรสขี้ดูเหมือนเป็นอาหารอันโอชะสำหรับวิญญาณร้ายทั้งหมด!

ซากจระเข้และเทาเที่ยที่เต็มหม้อถูกวิญญาณร้ายกินไปจนหมดภายในเวลาไม่นาน

ไม่มีวิญญาณใดกลับออกมาอีกหลังจากเข้าไปในหม้อ หมอกอันน่าสะพรึงกลัวค่อย ๆ จางหายไป และเปลวไฟสีเขียวที่เผาไหม้อยู่บนคบไฟก็กลับเป็นสีปกติ วิญญาณร้ายได้หายไปหมดแล้ว

“มัน…ได้ผลจริง ๆ” ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานซีด นางยอมจำนนต่อชะตากรรมไปแล้ว แต่พวกนางก็สามารถเอาชีวิตรอดได้ในท้ายที่สุด

หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “ก็แค่นี้ นังหนูคนนี้รู้จักแต่วิธียั่วผู้ชายเท่านั้นจริง ๆ”

ซูอันเงยหน้าขึ้นอย่างงงงวย

เกิดอะไรขึ้นกับพี่หญิงใหญ่ในวันนี้? นางไม่ดูขี้อิจฉาเกินไปเหรอ?

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดออกมาดัง ๆ เพราะตัวเองต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป

เสียงดังแปลก ๆ ก้องขึ้นในอากาศ และส่วนหนึ่งของพื้นด้านหลังหม้อทองแดงจู่ ๆ แยกออกเปิดเผยให้เห็นอุโมงค์ซึ่งมีบันไดทอดยาวลงไปใต้ดิน

เปลวไฟใต้หม้อทองแดงส่องสว่างให้เห็นเพียงบันไดขั้นแรก ๆ เท่านั้น และส่วนที่เหลือของอุโมงค์ที่ทอดยาวลงไปนั้นมืดสนิท ไม่มีทางบอกได้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างล่าง

“พี่หญิงใหญ่ เกิดอะไรขึ้น” เนื่องจากหมี่ลี่ตื่นแล้ว ซูอันไม่ต้องการเสียโอกาสถามความสงสัยนี้ เผื่อว่านางจะกลับไปนอนอีกครั้ง

น้ำเสียงของหมี่ลี่เคร่งขรึม “ข้าอ่านบันทึกเก่าแก่มาก่อนซึ่งเคยบันทึกเกี่ยวกับความแปลกทางสถาปัตยกรรมของอินซาง ขณะที่พระราชวังอยู่เหนือพื้นดิน สุสานจักรพรรดิจะถูกสร้างอยู่ด้านล่าง เนื่องจากที่นี่คือแท่นบูชา จึงเป็นที่ที่เชื่อมโยงกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ผู้คนในราชวงศ์ซางไม่เพียงแต่ถวายเครื่องบูชาแก่เทพเจ้าเท่านั้น พวกเขาบูชาผีเช่นกัน เทวดาอยู่บนสวรรค์ ส่วนผีเป็นบรรพบุรุษ หากความสงสัยของข้าถูกต้อง เส้นทางนี้น่าจะนำไปสู่สุสานจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ซาง”

ซูอันกลืนน้ำลาย “เราเจออันตรายมากมายในวังแล้ว! อย่างแรกคือนักรบโครงกระดูกที่ทรงพลัง และวิญญาณกินเนื้อ…มีอะไรรอเราอยู่ข้างล่างอีกก็ไม่รู้!”

หมี่ลี่สูดลมหายใจ “เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เจ้าลืมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมิติลับที่เจ้าพบข้าหรือไม่? ทุกมิติลับมีแกนกลางของตัวเอง และถ้าเจ้าไม่ทำลายแกนมิติลับนี้ เจ้าจะติดอยู่ข้างในตลอดไป จากสิ่งที่เจ้าเห็นมาจนถึงตอนนี้ แกนมิติลับนี้ไม่ได้อยู่เหนือพื้นดิน จึงต้องอยู่ด้านล่าง”

“ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีซากมังกรอีกสองตัว และเจ้าก็พกของใช้จำเป็นเพื่อการยังชีพมาด้วย สิ่งเหล่านั้นอาจทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่รอดได้อีกสักหลายปี แต่ถ้าเกิดเจ้าต้องติดอยู่ในนี้สองหรือสามทศวรรษหรือหนึ่งศตวรรษล่ะ? สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอยู่แล้ว! ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในบริเวณพระราชวังบนพื้นดินนี้”

“นอกจากนี้ หากข้าเดาไม่ผิด มิติลับนี้ควรมีทักษะอัศจรรย์ที่อย่างน้อยก็เทียบเท่ากับวิชาปฐมบทแรกเริ่มแน่นอน ตอนนี้เจ้าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะสามารถเข้าไปในแกนกลางมิติลับนี้ได้ เจ้าจะมาลังเลอยู่ทำไมอีก?”

เมื่อเห็นว่านางรับบทบาทอาจารย์ที่เข้มงวดซูอันก็พึมพำ “ข้าแค่บ่น… ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าข้าจะไม่ลงไป…”

“ดี” การแสดงออกของหมี่ลี่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางมองไปที่เพ่ยเหมียนหมาน “โชคดีจริง ๆ ที่เจ้าเข้ามาในมิติลับกับผู้หญิงคนนี้ ตามที่ข้าในสมัยราชวงศ์ซาง ผู้หญิงได้รับการยอมรับมากกว่าราชวงศ์ศักดินาอื่น ๆ จักรพรรดินีซางมักควบตำแหน่งเป็นมหาปุโรหิต แม่ทัพ หรือไม่ก็ดำรงตำแหน่งอื่น ๆ ที่คล้ายกับเสนาบดีอาวุโสคอยช่วยจักรพรรดิจัดการราชสำนัก ดังนั้นการที่เจ้ามีผู้หญิงอยู่เคียงข้างอาจเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ก็ได้”

[1] ราว 15 นาที