บทที่ 780 โถงทางเดินและหลุมกระดูก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

———-

บทที่ 780 โถงทางเดินและหลุมกระดูก

ซูอันยิ้ม เขาจับมือที่อ่อนนุ่มของเพ่ยเหมียนหมานและพูดว่า “เจ้าไม่ใช่แค่ช่วยข้าได้มากในมิติลับนี้เท่านั้น ตอนที่อยู่ข้างนอก หากข้าไม่มีเจ้า ชีวิตของข้าคงลำบากมากกว่านี้เป็นอย่างมาก”

เพ่ยเหมียนหมานใจเต้นรัว

หญิงสาวไม่คิดว่าอยู่ ๆ ซูอันจะจับมือนาง แต่บัดนี้เมื่อพ้นอันตรายแล้ว นางจึงสามารถผ่อนคลายตัวเองได้ จากนั้นก็กอดแขนและอิงแนบไหล่ของเขา แก้มของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ

หมี่ลี่พูดไม่ออกเมื่อเห็นทั้งสองแนบชิดกัน นางไม่ต้องการเห็นคู่ชู้ชื่นนี้แสดงความรักต่อหน้านาง!

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 333!

นางตัดสินใจกลับเข้าไปในกระบี่ไท่เอ๋อร์เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นสักขีพยานในเรื่องนี้อีกต่อไป…

ซูอันรู้ว่านางโกรธจริง ๆ เมื่อเขาเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่นางมอบให้

อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรอื่นที่เขาสามารถทำได้! ไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธความรักของเหมียนหมานใหญ่ได้!

ข้าแน่ใจว่าพี่หญิงใหญ่จะต้องชินกับมันในที่สุด

เพ่ยเหมียนหมานเอ่ยถาม “อาซู พวกเราจะลงไปไหม?”

นางมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นที่หายากนี้ นางไม่ต้องการทำลายช่วงเวลาดี ๆ และดำดิ่งสู่อันตรายที่ไม่รู้จัก

ซูอันพยักหน้า “ลงไปแน่นอน แต่ไม่ใช่เพียงเพื่อหาทางออก ข้างล่างอาจมีสมบัติล้ำค่าเช่นกัน…”

เขาอธิบายคร่าว ๆ ถึงสิ่งที่ได้รู้จากหมี่ลี่ ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดกับตัวเองว่านี่อาจเป็นหนึ่งในสิบสองดินแดนลี้ลับ และอาจจะมีเคล็ดวิชาอันแสนวิเศษซ่อนอยู่ที่นี่!

หากสมมุติฐานของชายหนุ่มถูกต้อง ไม่เพียงแต่ตัวเองจะได้รับประโยชน์มากมายแต่เขายังสามารถปลดล็อกฟังก์ชันใหม่ในระบบคีย์บอร์ดได้

เพ่ยเหมียนหมานไม่ได้สนใจในสมบัติอันยิ่งใหญ่ใด ๆ เลย แต่นางรู้ว่าการรั้งอยู่ที่ตรงนี้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หาทางออกให้ได้ก่อนดีกว่า แล้วค่อยหาเวลาดื่มด่ำกับความสัมพันธ์ของนางและเขา

ทั้งสองบรรลุข้อตกลงและเดินลงบันไดไป

เมื่อผ่านหม้อขนาดใหญ่ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าวิญญาณร้ายได้หายไปแล้ว เหลือเพียงกระดูกของจระเข้และเทาเที่ย

ซูอันสะดุดตากับกระดูกที่ดูพิเศษสองชิ้นที่มีอักขระโบราณสลักอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นอักขระพวกนั้นยังมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปมาอย่างน่าประหลาด

ชายหนุ่มจำได้ว่าสิ่งนี้คือเขาทั้งสองบนหัวของเทาเที่ย สิ่งที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ มันไม่ใช่ของธรรมดา ดังนั้นจึงตัดสินใจเก็บมันไว้

จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองกองกระดูกของเทาเที่ยยักษ์ ซึ่งถูกเหล่าวิญญาณร้ายกัดกินจนเหลือแต่กระดูกที่อยู่ตรงบันได เขาทั้งสองของมันใหญ่กว่าเขาของเทาเที่ยที่ถูกต้มในหม้อมาก ดังนั้นมันควรจะมีค่ามากกว่า

ซูอันกำลังจะเดินไปหยิบมันขึ้นมา แต่เมื่อก้าวลงบันได เสียงดนตรีแปลก ๆ ก็เริ่มดังอีกครั้ง และอากาศโดยรอบก็เย็นลง เปลวไฟบนคบเพลิงก็วูบวาบเช่นกัน

ซูอันดึงเท้าของตัวเองกลับทันที นี่เป็นเรื่องตลกร้ายแบบไหนกัน?

เขาไม่ต้องการเรียกวิญญาณร้ายออกมาอีก! ข้าไม่มีเครื่องสังเวยอีกแล้วนะ!

แม้ว่าชายหนุ่มจะเสียใจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลิกสนใจซากของเทาเที่ยยักษ์

ทั้งสองคนต่างเดินไปหยิบคบเพลิงที่ใกล้ที่สุดมาไว้ในมือ แล้วมุ่งหน้าลงอุโมงค์มืด

บันไดคดเคี้ยวราวกับวนเป็นเกลียวรอบเสาตรงแกนกลาง

ภาพของเหล่านักรบแห่งอาณาจักรซางจำนวนมากถูกวาดไว้ตามผนังตลอดทาง พร้อมกับภาพมังกร เต่า สายฟ้า นก สัตว์ร้าย และลวดลายตกแต่งอื่น ๆ

ซูอันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสาขาโบราณคดี ดังนั้นจึงทำได้แต่เพียงพึ่งพาความรู้ของตัวเองจากที่เคยดูสารคดีมาเท่านั้น

ชายหนุ่มต้องการขอความช่วยเหลือจากหมี่ลี่ แต่คราวนี้หมี่ลี่ดูโกรธจริง ๆ และไม่ตอบคำถามใด ๆ ของเขา

สำหรับเพ่ยเหมียนหมาน แม้ว่านางจะเคยมีนิมิตบางอย่างที่มหัศจรรย์มาก่อน แต่ความสามารถนั้นดูเหมือนจะหายไปแล้ว และไม่มีอะไรที่นางสามารถอธิบายได้เกี่ยวกับภาพบนผนังเหล่านี้

ไม่นาน ทั้งสองคนก็เดินลงไปถึงขั้นล่างสุดของบันได

ทางเดินขนาดใหญ่ที่ดูเก่าแก่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าพวกเขา พื้นทั้งหมดปูด้วยแผ่นหินขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ จำนวนกำลังคนและทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างสิ่งนี้น่าจะเป็นจำนวนที่ไม่อาจประมาณได้

ขณะที่พวกเขาเดินทางต่อไปพร้อมกับคบเพลิงในมือ เพ่ยเหมียนหมานก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกและรีบโผเข้ากอดซูอัน “อาซู…”

ซูอันมองตามไปยังทิศทางที่นางมองและสังเกตว่ามีหลุมลึกทั้งสองด้านของทางเดิน แต่ทว่าหลุมเหล่านี้ก็ไม่ลึกเท่ากับหลุมที่พวกเขาตกลงไป แต่ในหลุมทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยกองกระดูกสีขาวจำนวนมาก

ซูอันลูบมือของเพ่ยเหมียนหมานเพื่อปลอบนาง จากนั้นจึงเดินไปที่ขอบหลุมแห่งหนึ่ง หลุมนี้ลึกเพียงไม่กี่จั้ง*[1] มันคงไม่สามารถใช้เป็นกับดักต่อผู้บ่มเพาะที่มีชีวิตอยู่ได้

อย่างไรก็ตาม ซูอันยังกังวลว่าอาจมีบางอย่างอยู่ก้นหลุม หรืออาจมีพวกงูที่ชอบซ่อนตัวอยู่ภายในโครงกระดูกทั้งหลาย

ดังนั้นชายหนุ่มจึงยังไม่เสี่ยงที่จะเดินลงไปสำรวจใกล้ ๆ เขาหยิบก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วโยนเข้าไปในหลุม และเมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ที่เคยจินตนาการไว้ เขาจึงค่อย ๆ เดินลงไปในหลุมเพื่อสำรวจต่อ

“อาซู กลับมาได้แล้ว!” เพ่ยเหมียนหมานไม่เต็มใจที่จะก้มหน้าลงมอง และกังวลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับซูอันด้านล่าง

ซูอันมองไปรอบ ๆ ครู่หนึ่งก่อนที่จะกระโดดกลับออกไป “ที่นี่น่าจะเป็นหลุมสำหรับวางเครื่องบูชายัญซึ่งต่างจากหลุมข้างนอกที่เราตกลงไป กระดูกเหล่านี้ดูแข็งแกร่งมากกว่าโครงกระดูกที่อยู่ในหลุมข้างนอก”

“เจ้าพูดก่อนหน้านี้ว่าที่นี่อาจเป็นสุสานของจักรพรรดิอินซาง ดังนั้นคุณภาพของเครื่องบูชายัญในนี้มันย่อมสูงกว่าภายนอกแน่นอน” เพ่ยเหมียนหมานตั้งข้อสังเกต

“น่าจะเป็นแบบนั้น” ซูอันมีข้อสรุปในใจที่คล้ายกัน “ที่แปลกก็คือโครงกระดูกข้างบนนั้นไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนัก แต่โครงกระดูกที่นี่กลับแตกกระจัดกระจายไปทั่ว”

กะโหลกของโครงกระดูกที่นี่ถูกแยกออกจากส่วนที่เหลือ เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดออกว่ากะโหลกชิ้นไหนเป็นของโครงร่างไหน

“ศัตรูหรือนักรบที่เป็นเชลยจะถูกประหารชีวิตก่อนที่จะถูกสังเวยเพื่อให้แน่ใจว่าสวรรค์จะได้รับเครื่องบูชายัญคุณภาพสูงสุด” เพ่ยเหมียนหมานกล่าวโดยทันใด

ซูอันมองนางด้วยความตกใจ นางรู้ได้ยังไง?

เพ่ยเหมียนหมานปิดปากของนางด้วยความตื่นตระหนกหลังจากพูดประโยคเมื่อครู่ นางใช้เวลาพักใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น…ข้าโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เจ้าคิดว่าข้าถูกผีสิงหรือเปล่า?”

นางกังวลอย่างมาก ตอนนี้มีความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นระหว่างนางและซูอัน นางจึงมีความหวังสำหรับอนาคต นางไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับนางในตอนนี้!

ซูอันกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่คิดว่าเจ้ากำลังถูกอะไรครอบงำ ข้าเดาว่าเจ้าอาจเคยมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับสถานที่แห่งนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัว มันอาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไป”

เขานึกถึงสิ่งที่หมี่ลี่พูดก่อนหน้านี้ ใครจะไปรู้บางทีมิติลับนี้อาจต้องการให้พวกเขาทั้งคู่มาที่นี่จริง ๆ

[1] เมตร