บทที่ 716 ดีมาดีกลับ

บทที่ 716 ดีมาดีกลับ

แต่กับพ่อหนุ่มรูปงามที่ไม่รู้จักชื่อคนนั้น อิ่นหรูอวิ๋นยินดีที่จะฝืนใจทำดีกับซูเสี่ยวเถียนพวกตาไร้แววแล้วกัน! แต่มีหรือที่เด็กสาวจะมองสีหน้าไม่เต็มใจและอดกลั้นบนใบหน้านั้นไม่ออก

สีหน้านั้นมันตลกมากจริง ๆ รู้ทั้งรู้ว่าไม่อยากทำ แล้วทำเพื่อ?

ทำตัวให้ลำบากน้อยลงกว่านี้ไม่ดีกว่าหรือ? ทำไปทำไมให้เหนื่อย!

“เสี่ยวเถียน เธอก็รู้ว่าเราแสดงออกไม่เก่ง แต่ในเมื่อเธอเป็นน้อง ส่วนตัวเราเป็นพี่ งั้นเราจะปล่อยเธอไปนะ” อิ่นหรูอวิ๋นดึงแขนเสื้อน้องแล้วพูดเองเออเองคนเดียว

เสี่ยวเถียนเบี่ยงหลบ เธอไม่ชอบใกล้ชิดกับคนไม่รู้จักมากเกินไป โดยเฉพาะคนอย่างอิ่นหรูอวิ๋น เธอไม่ชอบเลยจริง ๆ

อิ่นหรูอวิ๋นดึงมืออกด้วยท่าทางลำบากใจ ก่อนยกยิ้ม

“พวกเราเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว” ว่าจบ รอยยิ้มบนใบหน้าอิ่นหรูอวิ๋นเลือนหายไปในทันที

ส่วนฉีเสี่ยวฟางไม่ได้เป็นฝ่ายพูดแทนแล้ว เจ้าตัวจัดเตียงเงียบ ๆ แล้วหยิบอุปกรณ์อาบน้ำเพื่อออกไปจัดการธุระส่วนตัว

ตอนนี้ได้แต่นึกเสียใจ ไม่เข้าใจเลยว่าตอนที่ต่งเยี่ยนอันอุตส่าห์ช่วยสานสัมพันธ์ตัวเองกับเสี่ยวเถียน ดันคิดอะไรอยู่ถึงย้ายมาอีกฝั่งแทน? เห็นได้ชัด ๆ เลยว่าเสี่ยวเถียนดีกว่าตั้งเยอะ! แต่จะมาเสียใจตอนนี้จะสายไปไหม?

ไม่หรอก มันสายไปแล้ว ตราบใดที่เกิดรอยร้าวก็ยากจะซ่อมแซมแล้ว

เสี่ยวเถียนหมดอารมณ์จะคุยด้วย เธอลุกขึ้นจากเตียงก่อนหยิบกะละมังอาบน้ำไปล้างตัวบ้าง

อิ่นหรูอวิ๋นอยากไล่ตามไปด้วยแต่สุดท้ายก็ยอมแพ้

หลังจากกลับมา เด็กสาวล้มตัวลงนอนบนเตียง

เธอทำผ้าม่านจากผ้าผืนหนึ่งง่าย ๆ เพื่อขึ้นมาบังสายตาคนอื่นๆ

อิ่นหรูอวิ๋นเฝ้ามองอย่างหมดหนทาง ซูเสี่ยวเถียนไม่ไว้หน้ากันสักนิดเลย แต่ตอนนี้เห็นว่าดึกแล้ว ใกล้จะปิดไฟแล้วด้วยจึงไปล้างเนื้อตัว

ส่วนคนอื่น ๆ หมดอารมณ์อ่านหนังสือไปโดยปริยาย จากนั้นก็แยกยายไปทำธุระส่วนตัวแล้วเข้านอนบ้าง

บรรยากาศห้อง 314 น่าหดหู่ต่างจากห้องอื่น ๆ มาก

เสี่ยวเถียนเริ่มอ่านหนังสือจากระบบอีกครั้ง เงียบเฉียบจนไม่มีใครนึกสังเกต กระทั่งเหลือบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว เด็กหญิงเก็บหนังสือก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรา

เป็นค่ำคืนที่ผ่านไปด้วยดี

เช้าวันต่อมา เสี่ยวเถียนตื่นขึ้นก่อนคนแรก และตามด้วยคนอื่น ๆ ทยอยกันตื่นตามขึ้นมา ทว่าบรรยากาศยังคงไม่คึกคักนัก

หลังล้างหน้าเสร็จ เด็กสาวไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าหรือทาแป้งสักนิด เพียงทาครีมก็เพียงพอแล้ว

“ยังไงเธอก็เด็กกว่าพวกเราอยู่ดีล่ะน้า ดูหน้าเล็ก ๆ นี่สิ!” น้ำเสียงฉู่เยว่เต็มไปด้วยความอิจฉา

อันที่จริงแล้วด้วยวัยฉู่เยว่ในตอนนี้ผิวหน้ายังมีคอลลาเจนอยู่ แค่คิดว่าผิวเสี่ยวเถียนดีกว่าก็เท่านั้น

“เสี่ยวเถียนใช้ครีมอะไรหรือ? ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” จ้าวหงเหมยจ้องกล่องครีมด้วยความสงสัย

“อาฉันส่งมาให้จากหรงเฉิงน่ะ ถ้าเธอชอบเดี๋ยวฉันให้อาส่งมาให้เพิ่มสองกล่องนะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม

อันนี้ก็เป็นข้ออ้างของเสี่ยวเถียนเหมือนกัน

มันเป็นครีมที่ได้มาจากตัวระบบ คุณภาพดีเช่นเคย พอได้ลองใช้แล้วรู้สึกสบายตัวมาก เลยใช้ครีมจากตลาดไม่ได้อีกเลย นอกจากตัวนี้จะใช้ง่าย ราคาก็ไม่แพงแล้ว ยังซื้อกี่กล่องก็ได้ฟรีเท่านั้นกล่องด้วยนะ

“ทำไมรู้สึกเกรงใจแบบนี้นะ? เสี่ยวเถียน ฉันจ่ายเงินเธอดีกว่าไหม?”

จ้าวหงเหมยไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ แต่เพราะเป็นคนชอบครีมมากจึงรีบเอ่ยทันที

“มันไม่แพงมากหรอก” เสี่ยวเถียนยิ้มตอบ “เสี่ยวเยว่ เยี่ยนอัน ฉันให้พวกเธอคนละกล่องด้วยนะ”

ตอนแรกทั้งสองอิจฉามากเพราะเสี่ยวเถียนจะเอาให้เพื่อนอีกคน แต่ตนเองรู้สึกอายเกินไปจึงไม่กล้าพูด

แต่ไม่คิดเลยว่าฝ่ายนั้นจะเป็นคนเสนอให้เอง

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณเสี่ยวเถียนด้วยนะ พอดีเลย แม่ฉันบอกช่วงอากาศเย็นจะส่งผ้าพันคอมาให้ฉัน ไว้ฉันส่งเอามาให้พวกเธอคนละผืนบ้างนะ”

ต่งเยี่ยนอันมาจากทางใต้ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของผ้าไหม เธอจึงเอ่ยตรง ๆ

ความรู้สึกของมนุษย์สั่งสมมาจากการพูดคุยนี่ล่ะ ดีมาดีกลับ

เสี่ยวเถียนไม่คิดเกรงใจ “งั้นก็ดีเลย แต่ตอนนี้หน้าร้อนน่ะสิ ผ้าพันคอยังไม่จำเป็นต้องใช้ ไว้อีกสองเดือนคงจะขาดไม่ได้แล้วล่ะ”

ต่งเยี่ยนอันยิ้มจริงใจกว่าเดิมเมื่อเสี่ยวเถียนไม่คิดปฏิเสธ อันที่จริงเธอมีความรู้สึกหนึ่งอยู่เสมอ เธอคิดว่าเสี่ยวเถียนสนิทกับเพื่อนอีกสองคนมากกว่า แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเจ้าตัวไม่ได้เห็นตนเป็นคนนอก

สองคนที่เหลือเริ่มคิดแล้วว่าจะให้อะไรเป็นการตอบแทนบ้าง

อิ่นหรูอวิ๋นและฉีเสี่ยวฟางไม่คุยกันสักนิด ต่างจากอีกฟากของห้องที่กำลังคุยกันอย่างกระตือรือร้น

พอเห็นว่าใกล้ถึงเวลา เด็กสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวออกไปข้างนอก

กระโปรงยีนส์ยาวถึงหัวเข่า และเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวพื้น แลดูอ่อนวัยและงดงามมาก ๆ

“เสี่ยวเถียน เธอสวยมากเลย!” จ้าวหงเหมยตื้นตันใจมาก “ไว้รออายุเท่าเราเมื่อไรก็รู้เองล่ะ ตอนเด็ก ๆ นี่แหละดีแล้ว!”

เสี่ยวเถียนหัวเราะ

ฉู่เยว่ทนไม่ไหวจนต้องเบิกตามองจ้าวหงเหมย

“พูดอย่างกับเธออายุเจ็ดสิบแปดสิบเลย!”

สาว ๆ หัวเราะลั่น ในเมื่อเสี่ยวเถียนมีนัดกับฉืออี้หย่วน พวกเราก็ไม่ได้รอเธออีก

ฉีเสี่ยวฟางอิจฉาจริง ๆ ตอนเห็นคนพวกนี้พูดคุยกันอย่างมีความสุข เธอเสียใจที่ควรได้อยู่ด้วยตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ก็พลาดไปแล้ว

ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเรื่องเสื้อผ้าเท่าไร

ในใจเธอคิดอยู่อย่างเดียวคือ ขอแค่กินอิ่มก็พอ!

เสี่ยวฟางมองเสี่ยวเถียนสวมผ้าใบสีขาวแล้วสะพายกระเป๋าออกไป แล้วก้มหน้ามองมือตัวเอง

ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย เธอยังไม่ได้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับคนในเมืองเลย ทว่าตอนนี้รู้แล้วล่ะ

มือเธอหยาบกร้านราวกับกระดาษทราย แต่มือคนอื่น ๆ เทียบกันไม่ติดสักนิด และในตอนเธอพยายามที่จะเข้าใกล้อิ่นหรูอวิ๋น กลับดันโดนอีกฝ่ายดูถูก

ฝั่งอิ่นหรูอวิ๋นเองรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของฉีเสี่ยวฟางที่มีต่อตน แต่ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อคืนและตอนนี้ตระหนักได้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ไม่ได้พูดอะไรกับเธอตั้งแต่เมื่อคืน กระทั่งเช้าวันนี้ก็ยังเงียบอยู่

ตอนเสี่ยวเถียนออกมาเป็นช่วงกินข้าวเช้าพอดี ตัวเธอจึงเป็นที่ดึงดูดสายตาอิจฉามากมาย

เด็กสาวอายุ 13 ปี เป็นวัยแรกแย้ม ทั้งยังสวมเสื้อผ้าสีสดสะอาดและทันสมัยเช่นนี้ จะไม่ให้เขาอิจฉาตาร้อนได้ยังไง?

ตอนนี้ที่เมืองหลวงยังไม่มีการใส่กระโปรงยีนส์ และตัวที่เสี่ยวเถียนใส่อยู่มันมาจากหรงเฉิงเสื้อผ้าที่เมืองนั้นทันสมัยกว่าเสื้อผ้าในเมืองหลวงมาก เวลาอาใหญ่เห็นเสื้อผ้าสวย ๆ จะส่งมาให้เสี่ยวเถียนเสมอ รวมถึงกระโปรงตัวนี้ด้วยเช่นกัน

อันที่จริง เสี่ยวเถียนมีเสื้อผ้าให้ใส่เยอะมาก

ตอนนี้ร้านป้าเถาฮวาก็ขยายขนาดกิจการ คล้ายคลึงกับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดเล็กที่มีคนงานสิบกว่าคน

เสื้อผ้าหลายๆ ชุดเป็นสไตล์ที่เสี่ยวเถียนเสนอไว้ให้ หลังจากตัดเย็บออกมาเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป หากมันมีชุดไหนที่เหมาะกับช่วงวัยเสี่ยวเถียน เถาฮวาจะเก็บไว้ให้เสมอ

แล้วก็ยังได้พี่ ๆ ซื้อของให้ คุณปู่คุณย่าบุญธรรม คุณปู่คุณย่ารองอีก คงอยากจับเสี่ยวเถียนแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงหรือตุ๊กตาอะไรแบบนั้น

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่ามันสิ้นเปลือง เธอเองก็ยังอยู่ในช่วงวัยกำลังโต ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าเยอะขนาดนั้น ถ้าสูงขึ้นจนใส่ไม่ได้ก็เสียเปล่าแล้ว

ทว่าคนอื่น ๆ ไม่เห็นด้วยทั้งยังบอกอีกว่าตอนนี้ฐานะบ้านเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในเมื่อมีเงินก็ต้องเอาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้สิ

เพราะงั้นตู้เสื้อผ้าของเธอจึงเต็มไปด้วยเสื้อผ้าตัวใหม่ ๆ หลากหลายสไตล์ สีสัน และเนื้อผ้า

แต่ไหนแต่ไรมาเสี่ยวเถียนไม่ใช่คนที่ทำให้ตัวเองต่ำต้อย ในเมื่อมามหาวิทยาลัยแล้ว เธอจึงขนเสื้อผ้าครบเซต เดรส กระโปรง กางเกง ขนมาทั้งหมดเลย