บทที่ 594 หยิ่งผยอง! (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 594 หยิ่งผยอง! (1)

ณ ถนนจูเชวี่ย

พอจิ้งคงเลิกเรียนเสร็จก็ไม่ได้กลับไปที่ตรอกปี้สุ่ย แต่กำลังคะยั้นคะยอให้หลิวเฉวียนพาเขาไปหากู้เจียว

หลิวเฉวียนรู้ว่ากู้เจียวกำลังพักฟื้นและพยายามปกปิดเรื่องนี้จากจิ้งคง จึงพยายามหาข้ออ้างว่าไม่รู้จักทาง แต่ไม่วายก็ถูกเจ้าตัวเล็กโต้กลับ “ข้าเคยไป ข้ารู้ทาง”

หากถามว่าสมาชิกในเรือนนี้ใครคือคนที่ถูกหลอกได้ยากสุดก็คงจะหนีไม่พ้นจิ้งคง หลิวเฉวียนไม่มีทางเลือกอื่น ยอมพาเขาไปแต่โดยดี

กู้เจียวฟื้นตัวได้ดีเยี่ยม จะเหลือก็แค่บริเวณข้อมือและช่วงหน้าท้องที่ยังต้องพันผ้าไว้ จิ้งคงมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ากู้เจียวบาดเจ็บหนัก

จิ้งคงไม่กล้าต่อว่าเจียวเจียวที่ปิดบังเรื่องนี้กับเขา จึงพุ่งตัวไปยังห้องหนังสือเพื่อไปลงกับพี่เขยตัวแสบแทน

จิ้งคงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพร้อมกับใบหน้าอันบูดบึ้งและมือที่ไขว้หลัง “พี่เขยจอมโกหก”

“ข้ากลายเป็นจอมโกหกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เซียวเหิงตอบกลับ

“เห็นๆ อยู่ว่าเจียวเจียวได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้ากลับไม่ยอมบอกข้า!” จิ้งคงเอ่ยโทษเขา

“เรื่องนี้เองหรอกรึ” เซียวเหิงยิ้มอ่อนให้เขาหนึ่งที “ข้าไม่ได้โกหกเจ้า เพียงแต่ข้าเล่าความจริงไม่หมด แม่ข้าเป็นโรคหัวใจจริงๆ และเจียวเจียวก็เป็นผู้อาสามาเฝ้าจริงๆ ”

จิ้งคงย่นคิ้วเล็กๆ พร้อมทำท่าครุ่นคิด

ก็ฟังดูมีเหตุผล แต่ก็แปลกอยู่ดี

“เอาละ ว่าแต่ เจ้าน่ะ ทำการบ้านของวันนี้เสร็จแล้วหรือยัง” เซียวเหิงเปลี่ยนเรื่องทันที “เจ้าท่องบทกลอนแคว้นเยี่ยนที่คราวก่อนหมิงเอ๋อร์ส่งมาให้จบแล้วรึ”

“ข้าอ่านใกล้จบแล้ว มีบางบทที่ข้าอ่านไม่ออก” จิ้งคงตอบกลับพร้อมเอามือเท้าเอว “แต่ข้าก็ก้าวหน้าขึ้นนะ แล้วเจ้าก็ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องด้วย ข้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว! เจ้าจะหลอกข้าเหมือนกับตอนที่ข้ายังเด็กอยู่ไม่ได้อีกแล้วนะ!”

เซียวเหิงเลิกมุมปากขึ้นหนึ่งที

ไม่เลวนี่เจ้าเณรน้อย ไม่ถูกจูงจมูกง่ายๆ แล้วสิ

จะว่าไป เจ้าเพิ่งจะห้าขวบเองนะ เอาอะไรมาพูดตอนที่ยังเด็ก

จิ้งคงเอามือกอดอก ย่ำเท้า ทำหน้าฉุนใส่ “ข้าไม่สน เจ้านั่นแหละที่ผิด!”

“จนแล้วจนรอด เจ้าก็ยังคิดว่าข้าปิดบังเจ้าสินะ หรือเป็นเพราะเจ้าอิจฉาที่ข้าได้อยู่เฝ้าเจียวเจียวทุกคืนล่ะ”

จิ้งคงถึงกับเลือดขึ้นหน้าหลังจากได้ฟังคำพูดแทงใจดำ “เชอะ! พี่เขยตัวแสบ!”

ขณะเดียวกัน หมอซ่งที่มองเหตุการณ์อยู่ก็เริ่มจะทนดูต่อไม่ไหว พลางนึกโตป่านนี้แล้วยังแกล้งเด็กตัวเล็กๆ ได้ลงคอ

เขาตะโกนเรียกจิ้งคง “นี่ จิ้งคง ข้ากำลังต้มยาให้ท่านหมอกู้ เจ้ามาช่วยข้าไหม”

ความรู้สึกอยากช่วยต้มยาให้กู้เจียวย่อมชนะการต้องมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับพี่เขยตัวแสบ จิ้งคงถลึงตาใส่เซียวเหิงหนึ่งที ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไป

การต้มยาที่ว่าก็คือหมอซ่งจะเป็นคนต้มน้ำ จากนั้นเปิดถุงยาออก ส่วนจิ้งคงมีหน้าที่นำสมุนไพรแห้งใส่ลงไปในหม้อต้มแล้วยืนเฝ้าจนได้ที่

กู้เจียวไม่ชอบยาต้ม แต่เพื่อไม่ให้เจ้าตัวเล็กเสียหน้าก็เลยต้องฝืนดื่มเข้าไป

พวกเขาอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันที่ถนนจูเชวี่ย

ระหว่างนั้น จิ้งคงก็เกิดสงสัยจึงถามขึ้น “เหตุใดข้าถึงไม่เจอองค์หญิง หลงอี กับอวี้จิ่นเลยล่ะ”

“พวกเขาออกไปข้างนอกน่ะ” เซียวเหิงตอบ “อีกไม่กี่วันคงกลับมา”

กู้เจียวสบตาเซียวเหิงหนึ่งที

เซียวเหิงจึงเอ่ยต่อ “ไม่มีอะไรมากหรอก พวกเขาออกไปจัดการกับคนพวกนั้น”

หลังทานข้าวเสร็จ จิ้งคงก็เดินกอดหมอนหนุนเข้ามาใกล้เตียงของกู้เจียว จิ้งคงไม่แม้แต่คิดจะขออนุญาตพี่เขยตัวแสบเรื่องค้างคืนที่นี่ เพราะรู้ว่าคงได้คำปฏิเสธกลับมาแน่นอน

จิ้งคงปืนขึ้นเตียงพร้อมกับมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มราวกับลูกหมู จากนั้นทิ้งตัวนอนข้างๆ กู้เจียว

กู้เจียวกำลังอ่านตำรากุญแจเสียง

เป็นตำราผุพังเก่าเก็บของจิ้งคง เป็นเพราะไม่มีอะไรทำ กู้เจียวถึงได้เปิดอ่านมัน

จิ้งคงกลิ้งไปมาบนที่นอนด้วยความตื่นเต้น “เจียวเจียว!”

“หืม” กู้เจียวหันไปทางร่างเล็กนุ่มนิ่มนั้น

“เจียวเจียวชอบดูหนังสือแบบนี้หรือ” จิ้งคงเอ่ยถามหลังจากที่เห็นตำราในมือของนาง

“ดูไปอย่างนั้นแหละ” ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบเสียทีเดียว สายลับจอมโหดเครื่องสังหารหมายเลขหนึ่งขององค์กรอย่างนางน่ะหรือจะมีปัญญาไปสนใจศิลปะ

จิ้งคงตอบกลับ “ข้าชอบอ่านมันนะ”

“เหตุใดถึงชอบล่ะ” กู้เจียวถามต่อ

จิ้งคงกลอกตาครุ่นคิดหนึ่งที ก่อนให้คำตอบ “เอ่อ…มันสวยดี!”

ปากบอกสวยก็จริงแต่ก็ไม่เคยเห็นเจ้าแตะมันเลยสักครั้ง

กู้เจียวดึงผ้าห่มให้ตึง พร้อมเอ่ยขึ้น “นอนกันเถอะ”

จิ้งคงน้อยหลับตาพริ้มอย่างเชื่อฟัง

อันที่จริงเขาแค่ทำเป็นเชื่อฟัง เพราะเขายังไม่ง่วงนอนแม้แต่นิดเดียว หลับตาไปได้ครู่เดียวเขาก็ลืมตาขึ้น จากนั้นเขาขยับตัวเข้าไปแนบชิดร่างของกู้เจียวให้มากขึ้นกว่าเดิม

กู้เจียวคุ้นชินกับท่าทางของเจ้าตัวเล็กดี หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

“เอ๋”

จิ้งคงส่งสียงร้องกะทันหัน

“มีอะไรรึ” กู้เจียวถาม

จิ้งคงพลิกตัวขึ้น จากนั้นชี้นิ้วไปยังบริเวณบั้นเอวของกู้เจียว “เจียวเจียวมีดอกไม้อยู่ตรงนี้อีกด้วย!”

กู้เจียวที่สวมชุดนอนแยกชิ้น ไม่ทันได้สังเกตว่าเสื้อตัวบนเลิกขึ้นจนเผยให้เห็นเอวเล็กอ้อนแอ้นอรชรที่ขาวเนียนราวหิมะ

ซึ่งบริเวณบั้นเอวคือจุดที่นางมองไม่เห็น

กู้เจียวร้องอ๋อหนึ่งที พลางเอ่ย “ดอกใหญ่ไหม”

“อื้อ…ใหญ่ประมาณนี้!” จิ้งคงเอ่ยพร้อมกับวาดให้ดู

มันมีขนาดเล็กประมาณข้อนิ้ว

น่าจะเป็นปานมากกว่า

ร่างเล็กของนางมีรอยปานเยอะขนาดนี้เชียวรึ

จิ้งคงยังคงชี้นิ้วไปที่บั้นเอวของนาง แล้วเอ่ยถามต่อ “แต่ว่า เหตุใดดอกนี้ถึงไม่ใช่สีแดง แต่เป็นสีเขียวแทนล่ะ!”

เขาชอบดอกไม้สีแดงมากกว่า

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นสีอะไรก็สวยหมดถ้าอยู่บนตัวเจียวเจียว!

กู้เจียวยังคงมองไม่เห็น แต่ต่อให้เห็น นางก็ไม่สนใจอยู่ดี ขนาดรอยปานบนใบหน้านางยังมองข้ามเลย นับประสาอะไรกับในจุดที่มองไม่เห็น

กู้เจียวยื่นมือไปลูบหัวกลมๆ ของเจ้าตัวเล็ก “ผมยาวขึ้นอีกแล้วสินะ อีกหน่อยเดี๋ยวก็มัดจุกได้แล้ว รีบนอนเถอะ นอนเยอะๆ จะได้ตัวสูงๆ ”

“อื้อ!”

คราวนี้จิ้งคงหลับตาลง นอนกลิ้งไปมาสักพักก็ผล็อยหลับไป

เซียวเหิงเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะหันไปทางเจ้าก้อนเล็กที่นอนอยู่บนเตียง “เขาหลับแล้วรึ”

“หลับแล้วล่ะ” กู้เจียวตอบ

“เดี๋ยวข้าไปส่งเขาเอง” เซียวเหิงเอ่ย จากนั้นอธิบายต่อเพราะเกรงว่านางจะเข้าใจผิด “พรุ่งนี้เขายังต้องเรียนหนังสือ ถนนเส้นนี้ช่วงเช้ารถสัญจรเยอะนัก เขาอาจไปสายได้”

กู้เจียวปิดหนังสือลง พร้อมกับเอ่ย “ได้สิ”

เซียวเหิงคว้าร่างหลับปุ๋ยของเจ้าตัวเล็กขึ้นมาจากเตียง จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ไม่ว่าเขาจะขยับเยอะแค่ไหนเจ้าตัวเล็กก็ดูไม่มีทีท่าจะตื่นแต่อย่างใด

เซียวเหิงหยิกแก้มกลมของจิ้งคงเบาๆ หนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะหันไปทางกู้เจียว “ประเดี๋ยวเจ้าอย่าลืมกินยาล่ะ ข้าพาเขาไปส่งเสร็จเดี๋ยวก็กลับมา”

กู้เจียวตอบรับด้วยท่าทีนิ่งเรียบ “ได้สิ”

เซียวเหิงเดินอุ้มจิ้งคงออกมา ก่อนจะส่งต่อให้หลิวเฉวียน “เจ้าพาจิ้งคงกลับไปที”

“เอ่อ ขอรับ” หลิวเฉวียนคิดในใจ ไหนว่าจะพาไปส่งเองมิใช่หรือ

เซียวเหิงได้วานให้องครักษ์หลงอิ่งเว่ยและองครักษ์ของกู้เหยี่ยนคอยติดตามหลิวเฉวียนเพื่อความปลอดภัยตลอดทาง

หลิวเฉวียนอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นรถม้า ขณะนั้นเขาก็พบว่าเซียวเหิงกำลังเดินขึ้นรถม้าอีกคัน จึงอดสงสัยไม่ได้ “ดึกป่านนี้แล้ว จะออกไปไหนรึ”

เซียวเหิงตอบ “มีเรื่องที่กรมนิดหน่อยน่ะ”

หลิวเฉวียนคิดในใจ อ๋อ ที่ไม่ไปส่งจิ้งคงก็เพราะงานเข้านี่เอง

จากนั้นหลิวเฉวียนก็พาจิ้งคงกลับไป

เซียวเหิงจึงสั่งสารถี “ออกเดินทาง”

“ขอรับ!”

………………………………………………………