บทที่ 782 ฆ่านางคือทางออก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

———-

บทที่ 782 ฆ่านางคือทางออก

ร่างกายของโครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับร่างกายของกุมารทอง และแน่นอนว่าพวกมันไม่ได้เก่งกาจเท่ากับนักรบโครงกระดูกที่ทั้งสองเจอข้างบน ไม่นานนักกระบี่ไท่เอ๋อร์ก็เริ่มสร้างความเสียหายบนกระดูกมากมาย

ซูอันเหลือบมองเพ่ยเหมียนหมาน เปลวไฟสีดำหมุนวนรอบตัวนางแผดเผาโครงกระดูกเหล่านั้นจนกระดูกสีขาวของพวกมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

เห็นได้ชัดว่ากระดูกของพวกมันไม่สามารถต้านทานเปลวไฟสีดำได้ ถ้าไม่ใช่เพราะการคุ้มครองจากกุมารทอง โครงกระดูกน่าจะกลายเป็นกองเถ้าถ่านไปแล้ว

ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่านางยังไม่เป็นอันตราย และหันความสนใจกลับไปโจมตีโครงกระดูกต่อ ทุกครั้งที่เขาเห็นช่องโหว่ ซูอันเลือกที่จะโจมตีที่ขาของพวกมันและหลังจากโจมตีจุดเดิมหลายครั้ง ในที่สุดกระดูกขาของโครงกระดูกแตกกระจาย จากนั้นจึงเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้น

ซูอันใช้โอกาสนี้แยกกระดูกส่วนที่เหลือออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กุมารทองควบคุมมันได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้ชายหนุ่มจะทำลายโครงกระดูกไปได้แล้ว แต่ความจริงที่ว่าตัวเองไม่รู้ว่าจะจัดการกับเหล่ากุมารทองเหล่านี้อย่างไร จึงทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก

ถ้าซูอันไม่สามารถกำจัดกุมารทองได้ พวกมันก็จะไปควบคุมโครงกระดูกอื่น ๆ อีกซึ่งท้ายที่สุดตนจะต้องหมดแรงอย่างแน่นอน

จู่ ๆ ซูอันก็เกิดความคิดบางอย่าง เขาหยิบเชือกขึ้นมาเพื่อมัดกุมารทองที่เสียการควบคุมโครงกระดูก

ซูอันมักจะเก็บสิ่งของต่าง ๆ มากมายไว้ในดวงแก้วผู้รอบรู้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่เคยขาดแคลนพวกเชือก อาวุธ หรือสิ่งของที่มีประโยชน์อื่น ๆ

คงจะดีมากถ้าเขามีสายโซ่เกี่ยววิญญาณของทูตยุทธ์เสื้อแพร ซึ่งสิ่งนั้นมันน่าจะทำให้คร่าชีวิตกุมกุมารทองได้อย่างแท้จริง

แม้ว่าเชือกที่เขาเก็บไว้ในดวงแก้วผู้รอบรู้จะดูแข็งแรง แต่มันก็ไม่ใช่อาวุธวิเศษ ซูอันไม่คิดว่าเชือกธรรมดาจะหมัดกุมารทองได้นานนัก

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่มีวิธีอื่นใดอีกแล้วจึงพยายามมัดกุมารทองให้แน่นที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

ซูอันสามารถจัดการโครงกระดูกได้อีกหลายตัว และจับกุมารทองได้ทั้งหมดเจ็ดตัว

ชายหนุ่มยินดีกับความสำเร็จและร้องเรียกหาเพ่ยเหมียนหมาน

“เหมียนหมานใหญ่ เจ้าไปทำให้กุมารทองหลุดออกจากโครงกระดูก ข้าจะจับพวกมันมัดเชือก!”

แม้จะตะโกนหลายครั้ง แต่เขาไม่ได้รับคำตอบ

ด้วยความตกใจจึงรีบหันกลับไปและเห็นว่าเพ่ยเหมียนหมานสบายดี โครงกระดูกที่เคยรุมล้อมนางทั้งหมดกองอยู่บนพื้นอย่างนิ่งสนิท พวกมันได้รับการจัดการอย่างเด็ดขาด

ซูอันรีบไปหานาง “เหมียนหมานใหญ่ เจ้าทำได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้นกับกุมารทองบนหลังมัน?” เขาถาม

เขายังคงคาดหวังคำตอบ แต่แล้วจู่ ๆ เปลวไฟสีดำกลับพุ่งเข้ามาหาเขาแทนคำตอบ

ซูอันไม่คิดเลยว่านางจะโจมตีเขาอย่างเลือดเย็น!

ชายหนุ่มหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกเปลวไฟได้ทั้งหมด ทำให้ประกายไฟไหม้เสื้อผ้าส่วนหนึ่งของเขา

ชายหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเปลวไฟสีดำของเพ่ยเหมียนหมานแข็งแกร่งเพียงใด หากสัมผัสกับร่างกายโดยตรง แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือทิ้งไว้เบื้องหลัง

ซูอันรีบดึงเสื้อผ้าส่วนนั้นออกและตบเบา ๆ ตามร่างกาย เขารู้ว่าหากมีเปลวไฟสีดำสัมผัสกับเนื้อหนังของเขา มันคงยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะดับ

อย่างไรก็ตาม น่าแปลกที่เปลวไฟสีดำดับไปเองในครู่หนึ่ง และไม่ลามไปถึงตัวเขาที่เหลือ

ในที่สุดชายหนุ่มก็จำจี้ที่นางให้มา ซึ่งทำให้เขามีภูมิคุ้มกันต่อเปลวไฟสีดำ

เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!

ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบดีใจที่ตัวเองยังไม่ได้คืนจี้ให้แก่นาง

เขาหันไปหาเพ่ยเหมียนหมาน “เจ้าเป็นอะไรของเจ้า!?”

ดวงตาของนางจ้องกลับมาที่เขา แต่ไม่พูดอะไรตอบกลับและเริ่มโจมตีเขาต่อ

“เหมียนหมานใหญ่???” ซูอันยังคงตะโกนต่อไป เขาเกือบจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้ง เพ่ยเหมียนหมานมีดีมากกว่าเปลวไฟสีดำของนาง

เสียงเย็นชาของหมี่ลี่จู่ ๆ ดังขึ้นในหัวของซูอัน “กุมารทองได้ควบคุมนางแล้ว หากเจ้ายังคงลังเล มีโอกาสสูงที่เจ้าจะถูกนางฆ่า”

“พี่หญิงใหญ่!” ซูอันทั้งตกใจและดีใจมาก ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของนาง

ในเวลาเดียวกัน เขาสังเกตรอบตัวของเพ่ยเหมียนหมานอย่างรวดเร็ว และเห็นว่ามีกุมารทองตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่หลังคอของนาง ริมฝีปากของมันแยกเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองดูมัน

ซูอันรู้สึกหนาวสั่น ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ากุมารทองหายไปไหนหลังจากที่โครงกระดูกรอบตัวนางทรุดตัวลง

ซูอันใจสั่น “ไอ้ตัวบ้านี่สามารถควบคุมคนเป็นได้ด้วย?”

หมี่ลี่ตอบว่า “แน่นอน เจ้าไม่ได้พูดก่อนหน้าหรือไงว่าแม่ทัพที่ชื่อขุนแผนคนนั้นได้รับชัยชนะเสมอเมื่อเขามีกุมารทองติดตามไปในทุกสมรภูมิ? ข้าเชื่อว่าอาจเป็นเพราะมันสามารถควบคุมจิตใจของมนุษย์ได้”

“แล้วทำไมข้าถึงไม่ถูกควบคุม??” ซูอันรู้สึกได้เช่นกันว่าก่อนหน้านี้กุมารทองบางตัวได้พยายามบุกรุกจิตวิญญาณของเขาหลายครั้ง ซึ่งมันทำให้เขาตื่นกลัวอยู่หลายรอบ

หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “จิตวิญญาณของเจ้าผูกพันกับข้า ไม่มีทางที่เจ้าจะถูกกุมารทองควบคุมได้”

“แล้วข้าจะปลดปล่อยคนที่ถูกควบคุมได้ยังไง?” ซูอันรีบถาม

เสียงของหมี่ลี่เย็นชา “ไม่มีทางทำได้ ตอนนี้มีทางออกเดียวคือเจ้าต้องฆ่านางซะ!”

ซูอันรู้สึกเหมือนอกกำลังจะระเบิด ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว “พี่หญิงใหญ่ ท่านไม่สามารถเป็นแบบนี้ได้เพียงเพราะหน้าอกของนางใหญ่กว่าท่าน!”

หมี่ลี่แสดงออกอย่างต่อเนื่องว่าไม่ชอบเพ่ยเหมียนหมานมาตลอดทาง กระทั่งโน้มน้าวให้เขากำจัดเพ่ยเหมียนหมานอยู่หลายครั้ง และนี่เป็นอีกครั้งที่นางขอให้เขาฆ่าเพ่ยเหมียนหมาน!

หมี่ลี่เยาะเย้ย “น่าขำ! คนอย่างข้าเนี่ยนะจะอิจฉานาง?”

ซูอันกลอกตา “ข้าพูดผิดหรือไง?”

“แน่นอน! แม้ว่า…” หมี่ลี่ก็ดูไม่มั่นใจอีกต่อไป “แม้ว่าหน้าอกของนาง…จะใหญ่กว่าของข้าเล็กน้อย แต่ของข้าก็ไม่ได้เล็กหากเทียบกับคนทั่วไป!”

ซูอันยิ้มอย่างเย้ยหยัน

หมี่ลี่โกรธจัด อย่างไรก็ตาม นางใช้เวลานี้ในการตกผลึกความคิดของตัวเอง “ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็เห็นด้วยตาของตัวเองก่อนหน้านี้หรือไง การที่จะทำให้กุมารทองแยกตัวออกจากโครงกระดูกได้ก็คือ เมื่อเจ้าทุบทำลายโครงกระดูกที่พวกมันเกาะอยู่จนเป็นเศษเล็กเศษน้อยแล้วเท่านั้น นังเด็กหน้าอกภูเขาไฟของเจ้าก็ถูกครอบงำเช่นเดียวกับพวกโครงกระดูก ดังนั้นแล้วเจ้าจะทำอะไรได้อีก?”

ซูอันไม่ตอบ แต่เขาพยายามเคลื่อนที่เข้าไปประชิดเพ่ยเหมียนหมานจากทางด้านหลังของนางและแทงกุมารทองที่ห้อยอยู่ที่คอของนางด้วยกระบี่

น่าเสียดายที่ทักษะการเคลื่อนไหวของเพ่ยเหมียนหมานไม่ได้ต่ำต้อยจนแผนการของเขาสำเร็จได้ง่ายขนาดนั้น

แม้ว่าจะมีบางช่วงเวลาที่นางขยับช้าเกินไปจนชายหนุ่มสามารถแทงกระบี่ได้สำเร็จ แต่ร่างของกุมารทองนั้นคล้ายกลับไร้เทียมทาน แม้แต่กระบี่ไท่เอ๋อร์อันสุดแสนจะคมกริบก็ไม่สามารถสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน

ยิ่งไปกว่านั้นซูอันต้องระมัดระวังตลอดเวลาเพื่อไม่ให้พลาดทำร้ายเพ่ยเหมียนหมานจนเขาเกือบได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง

เสียงของหมี่ลี่เปี่ยมล้นไปด้วยความไม่พอใจ “แม้ว่าเปลวไฟสีดำของนังหนูอกภูเขาไฟผู้นี้ไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้มากนัก แต่นางก็ยังเป็นผู้บ่มเพาะระดับหก นางมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่ามือใหม่อย่างเจ้า เจ้าอาจสามารถจัดการกับนางได้หากเป็นสถานการณ์อื่น แต่ตอนนี้ การที่เจ้ากังวลว่าจะไม่ทำร้ายนางในขณะที่นางสามารถโจมตีเจ้าได้โดยไม่ต้องยั้งมือใด ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ในที่สุดเจ้าจะต้องหมดแรงและพ่ายแพ้!”