———-
บทที่ 783 เด็กสาวปริศนา
“คิดว่าข้าไม่รู้เหรอ? แต่ข้าจะทำร้ายนางได้ยังไง?!” ซูอันเริ่มที่จะรำคาญ “ท่านได้โปรดเงียบไปเถอะ ถ้าจะพูดแต่เรื่องไม่สร้างสรรค์!”
หมี่ลี่ตกอยู่ในความเงียบงัน…
ซูอันรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าไม่มีคะแนนความโกรธแค้นจากนางเลยแม้แต่น้อย
“ไม่โกรธเหรอ?”
“ข้าจะโกรธเจ้าทำไม” เสียงของหมี่ลี่ค่อนข้างสงบ
“ท่านไม่ได้บอกข้าให้ฆ่าเหมียนหมานใหญ่เมื่อครู่นี้หรอกหรือไง?” ซูอันถาม
หมี่ลี่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าแค่ทดสอบดูว่าเจ้าจะมีคุณสมบัติของผู้เป็นใหญ่หรือไม่? เจ้าจะสามารถแยกอารมณ์และความปรารถนาออกจากเรื่องสำคัญได้หรือไม่? สุดท้ายเจ้าก็ล้มเหลวในเรื่องการสละผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”
ซูอันพ่นลมหายใจ “เฮอะ! ไม่ว่าอำนาจหรือสถานะจะยิ่งใหญ่เพียงไร ถ้าต้องเสียสละคนที่เราห่วงใยเพื่อบรรลุเป้าหมาย ท้ายที่สุดเมื่อไปถึงฝั่งฝันแล้ว มันจะไปมีความหมายอะไร?”
หมี่ลี่ถอนหายใจ ราวกับว่านางนึกถึงบางสิ่งในอดีต “ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าว่าไร้เดียงสาหรือมองการณ์ไกลดี หลายคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเจ้าอย่างเทียบไม่ได้กลับมองไม่เห็นในจุดนี้เช่นเจ้า”
ซูอันพึมพำในใจ การมองการณ์ไกลก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
“แล้วทำไมท่านดูไม่ผิดหวังเลยในตอนนี้ที่พบว่าข้าไม่มีศักยภาพที่จะเป็นผู้เป็นใหญ่?” เขาถามต่อ
หมี่ลี่ยิ้มอย่างคลุมเครือ “ทำไมข้าถึงต้องรู้สึกผิดหวัง? ไม่ใช่ว่าข้าต้องพึ่งพาเจ้าเพื่อครองโลก ในทางตรงกันข้าม จากสถานการณ์ปัจจุบันของเรา ข้าอยากให้เจ้ารักษาความดีงามนี้ในตัวของเจ้าไว้ วันนี้เจ้าไม่ยอมทอดทิ้งนังหนูอกภูเขาไฟแม้ชีวิตของเจ้าจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย วันหน้าเจ้าก็คงไม่หันหลังให้ข้าเช่นกัน…”
“นี่ท่านหวาดระแวงคนอื่นเกินไปหรือเปล่าเนี่ย!” ซูอันกล่าวอย่างเศร้าโศก “ท่านทดสอบข้าไปสองสามครั้งมาก่อนแล้ว!”
“การทดสอบเจ้าเรื่อย ๆ มันไม่ใช่เรื่องดีตรงไหน? และอีกอย่าง มันช่วยให้ข้าคลายความเบื่อได้เป็นอย่างดี” ริมฝีปากของหมี่ลี่โค้งขึ้น เห็นได้ชัดว่านางกำลังอารมณ์ดี
“ข้าไม่คิดว่าการทดสอบข้าเรื่อย ๆ มันจะได้ประโยชน์อย่างแท้จริง จริง ๆ แล้วการทดสอบของท่านมันอาจยังไม่ทำให้ท่านเข้าใจว่าข้าเป็นคนยังไงกันแน่ก็ได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกสิ่งที่ข้าทำลงไปก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงทั้งหมด?”
ซูอันพ่นลมหายใจ “และยิ่งไปกว่านั้น ท่านก็เคยโดนหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้ท่านทดสอบข้าอีกสักพันรอบ ท่านแน่ใจหรือว่าท่านจะเชื่อข้าได้อย่างสนิทใจจริง ๆ?”
หมี่ลี่ตกตะลึง นางไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองค่อนข้างเสียเวลาไปกับการทดสอบที่ผ่านมา
ถึงเวลานี้ซูอันก็เริ่มตื่นตระหนกอย่างแท้จริง “พี่หญิงใหญ่ ไหน ๆ ท่านก็ได้ทำการทดสอบอะไรก็ตามที่ท่านต้องการแล้ว ตอนนี้ท่านช่วยบอกข้าได้แล้วหรือยังว่าข้าจะช่วยเหมียนหมานใหญ่ได้ยังไง?”
การโจมตีของเพ่ยเหมียนหมานรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และนักรบโครงกระดูกที่ถูกครอบงำตัวอื่น ๆ ก็รุมล้อมเขาเช่นกัน
แม้ว่าซูอันจะมีวิชาร่างก้าวทานตะวัน แต่ตัวเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดได้ ร่างกายของเขาจึงเต็มไปด้วยบาดแผล
หมี่ลี่ส่ายหัว “แม้ว่าข้าจะทดสอบเจ้า แต่เรื่องช่วยผู้หญิงของเจ้า ข้าไม่ได้โกหก นอกจากการฆ่านางแล้ว ข้าก็ไม่รู้วิธีอื่นเลยจริง ๆ”
ซูอันรู้สึกราวกับถูกโยนลงไปในอ่างน้ำแข็ง เขาลูบจี้รอบคอ นึกถึงรอยยิ้มของเพ่ยเหมียนหมาน เขากัดฟันและพูดว่า “มีทางแน่นอน! ไม่ว่าจะยังไงข้าจะช่วยนางให้ได้!”
ทันใดนั้น เสียงขับร้องอันไพเราะเริ่มก้องไปทั่วสุสาน เสียงนั้นไพเราะเหมือนนกขมิ้น มันชัดเจนและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
เสียงนั้นเป็นของหญิงสาวอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานที่ที่แปลกพิสดารและอันตรายอย่างยิ่ง! มันไม่ควรมีหญิงสาวที่ไหนที่อารมณ์ดีถึงขนาดร้องเพลงในสถานที่บ้า ๆ แบบนี้ได้!
เพลงนี้มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ซูอันรู้สึกว่ามันคล้ายกับเพลงของเหล่าปีศาจไซเรนจากเกมที่เขาเคยเล่น แม้ไพเราะแต่มันอันตรายอย่างยิ่งยวด
ทั้งเพ่ยเหมียนหมานและโครงกระดูกรอบตัวเขาหยุดโจมตี กุมารทองหันหัวไปฟังเพลงนี้ การแสดงออกที่ชั่วร้ายค่อย ๆ หายไป ริมฝีปากของพวกมันโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาของทารก
“บู บู…!!”
กุมารทองหัวเราะขณะที่พวกมันกระโดดออกจากโครงกระดูกและคลานไปทางแหล่งที่มาของเสียง
เมื่อไร้พลังที่ควบคุม โครงกระดูกไร้ศีรษะทรุดตัวลงกับพื้นกลายเป็นกองกระดูกที่ไร้ชีวิตอีกครั้ง
ร่างกายที่แข็งทื่อของเพ่ยเหมียนหมานก็ผ่อนคลายเช่นกันก่อนจะล้มลงไปที่พื้น
ซูอันรีบวิ่งไปพยุงนาง “เหมียนหมาน! เจ้าเป็นยังไงบ้าง!”
เพ่ยเหมียนหมานค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นางรู้สึกประทับใจเมื่อเห็นซูอันมองลงมาที่นางด้วยแววตาเป็นห่วง “อาซู เจ้า…เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ข้าจะเป็นอะไรได้ยังไง?” ซูอันยิ้ม เขาเช็ดน้ำตาของนางเบา ๆ
“ข้าขอโทษ… ก่อนหน้านี้ข้าไม่สามารถควบคุมร่างกายของข้าได้ ข้าทำได้แค่เฝ้าดูขณะที่ข้าโจมตีเจ้าไปเรื่อย ๆ”
เพ่ยเหมียนหมานขอโทษอีกครั้งและอีกครั้ง นางดูละอายและเศร้าโศกอย่างแท้จริง
“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าถูกกุมารทองควบคุม” ซูอันกล่าวขณะที่มองไปที่ทารกแปลก ๆ เขาเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงจากไป?” เพ่ยเหมียนหมานสะเทือนใจอย่างชัดเจนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ข้าคิดว่าเป็นเพราะเพลงนี้ที่เรากำลังได้ยิน” ซูอันเริ่มจริงจัง อะไรก็ตามที่สามารถควบคุมกุมารทองเหล่านี้ได้คงต้องเก่งยิ่งกว่าพวกมัน
จากนั้นไม่นานเสียงหัวเราะของกุมารทองค่อย ๆ ดังใกล้เข้ามาอีกครั้ง
พวกมันกลับมาแล้ว!
ทั้งสองก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ และเฝ้าดูเหล่ากุมารทองอย่างระมัดระวัง
เหล่ากุมารทองเกาะเบียดเสียดกันอยู่รอบร่างสตรีที่บอบบางผู้หนึ่ง กุมารทองตัวที่ไม่ได้เกาะห้อยติดอยู่กับนางคลานตามอยู่ไม่ห่าง
ในที่สุดพวกเขาก็เห็นร่างนั้นชัดเจน นางเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่งดงามสวมชุดฟาง ชุดนี้ปกปิดเฉพาะบริเวณส่วนสงวน เปิดเผยเนื้อหนังแทบจะทุกส่วน
“ผู้หญิงคนนี้แต่งตัววาบหวิวมาก!” เพ่ยเหมียนหมานหน้าแดง นางมักจะเป็นคนที่หัวสมัยใหม่เมื่อพูดถึงการแต่งกาย แต่นางกลับตกใจมากกับชุดโชว์เรือนร่างของเด็กสาวคนนี้!
แม้แต่นางคณิกายังไม่ค่อยใส่เสื้อผ้าแบบนี้เลย
แต่ที่แปลกที่สุดคือเด็กสาวคนนี้ไม่ได้แผ่กลิ่นอายอันน่าสยองออกจากร่างกายเหมือนไอ้พวกตัวประหลาดต่าง ๆ ที่พวกเขาเจอในมิติลับนี้เลย พวกเขาไม่แน่ใจว่าเด็กสาวคนนี้ต้องการอะไรกันแน่?
ซูอันขมวดคิ้ว “ข้าเชื่อว่านี่เป็นการแต่งกายของชนเผ่าโบราณ ในตอนนั้น อุตสาหกรรมการปั่นและทอผ้าไม่ได้พัฒนาอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เสื้อผ้าของพวกเขาที่สวมใส่มักจะมีเอาไว้เพื่อปกปิดส่วนสงวนเท่านั้น”
“ชนเผ่าโบราณ? ถ้าเช่นนั้นมันไม่ได้หมายความว่านางเป็น…” เพ่ยเหมียนหมานเริ่มขนลุก
“อันที่จริง ข้าตายไปหลายปีแล้ว” แม้ว่าจะยิ้ม แต่คำพูดของหญิงสาวก็น่ากลัวอย่างยิ่ง
ซูอันกระซิบกับหมี่ลี่ “พี่หญิงใหญ่ แม้แต่ท่านก็อาจต้องเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าคุณยาย…”
“ยายเจ้าสิ!” หมี่ลี่ตวาดกลับ
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 111!
—
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด นางน่าจะเป็นคนของยุคอินซาง ซึ่งมันหมายความว่านางแก่กว่าท่านมาก ไม่สิ บางทีแค่เรียกยายอาจจะยังไม่พอเลย!”
หมี่ลี่พูดไม่ออก
ซูอันก้าวไปข้างหน้าและประสานมือขอบคุณผู้หญิงลึกลับ “ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของท่านจริง ๆ แม่นาง”