ร่างของพิชิตแข็งทื่อ เห็นได้ชัดว่าที่นัทธีแหย่มานั้นเป็นเรื่องจริง
เขาไม่ได้นึกถึงพ่อกับแม่เลยจริงๆ
หลังจากที่รู้ว่านวิยาตาย เขาก็รีบมาที่นี่ เมื่อเห็นศพของนวิยา ตอนนั้น หัวใจของเขาพังทลาย หลังจากนั้นก็นั่งลงบนพื้นข้างศพนวิยา เขาตกอยู่ในห้วงของความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
ยังไงซะ นวิยาก็เป็นคนเดียวที่เขารัก รักมาสิบกว่าปีแล้ว พอนวิยาจากไป เขาคือคนที่รับไม่ได้มากที่สุด
ดังนั้นในตอนนั้น เขาตระหนักได้ว่าแค่ตามนวิยาไปด้วยกันก็พอแล้ว บางทีการอยู่ข้างล่าง พวกเขาคงจะอยู่ด้วยกันได้จริงๆ
แต่ถ้าว่าตั้งแต่มีความคิดนั้นขึ้นมา เขาก็ลืมคิดไปจริงๆ ว่าจะจัดการเรื่องของพ่อแม่ยังไงในอนาคต
เมื่อมองเห็นใบหน้าขาวซีดของพิชิต นัทธีก็กำหมัดแน่น หลังจากนั้นก็ย่อตัวลง แล้วทุ่มหมัดเข้าใส่หน้าของพิชิต
พิชิตร้องโอดโอยจากการถูกทุบ ป้องกันศีรษะไว้ตามสัญชาตญาณ
นัทธีดึงกำปั้นออก เสียงเย็นชาพูดอย่างเสียดสี “นายคิดแบบนี้จริงๆสินะ นายนี่มันช่างเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่จริงๆ พวกเขาเลี้ยงนายมาโตขนาดนี้ ที่แท้ก็ให้นายมาตายตามคนอื่น นายนี่มันลูกอกตัญญูแท้ๆ !”
พิชิตสั่นไปทั้งร่างกาย ไม่พูดอะไร
เพราะเขาไม่มีอะไรจะพูด แล้วก็ไม่มีอะไรมาโต้แย้งด้วย
เขาเป็นลูกที่ไม่มีความกตัญญูจริงๆ
นัทธีมองพิชิตที่มีน้ำตาไหลออกมาตากหางตา ลุกขึ้นแล้วพูด “ฉันไม่เข้าใจ ตกลงแล้วนวิยามีอะไร พี่ทำให้นายชอบได้ขนาดนั้น ชอบถึงขนาดยอมตายไปพร้อมเธอ เธอทำเรื่องเลวไว้มากมาย นายควรที่จะรังเกียจเธอไม่ใช่เหรอ?ชอบเธอไปได้ยังไง สิบกว่าปีไม่เปลี่ยนเลยเหรอ?”
พิชิตยกแขนขึ้น แล้วปิดตา มุมปากยกขึ้นอย่างข่มขืน เสียงแหบฝืดพูด “ฉันเองก็ไม่รู้ ความรู้สึกก็แปลกประหลาดแบบนี้แหละ ชอบก็คือชอบ”
นัทธีขมวดคิ้ว “นี่ตอบอะไรเนี่ย ?”
พิชิตหลับตา ไม่พูดต่อ
นัทธีเองก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก รับผ้าเช็ดหน้าที่มารุตยื่นมาให้ แล้วเช็ดมือตัวเองอย่างสง่า “ช่างเถอะ ที่ควรพูดฉันก็บอกนายไปหมดแล้ว ถ้านายยังอยากตายตามนวิยาไป ก็ไปซะ ฉันจะไม่ขวางนาย แต่พ่อแม่นาย ฉันไม่ดูแลให้หรอกนะ นายทำตัวเองให้ดีๆแล้วกัน”
พูดจบ เขาก็โยนผ้าเช็ดหน้าใส่พิชิต มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วหันหลังเดินไปที่ลิฟต์ท์
มารุตไม่ได้ตามไป แต่เดินไปหาเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยแล้วชี้ไปที่พิชิต สื่อว่าให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองดูพิชิตอย่างดี อย่าให้พิชิตทำเรื่องโง่ๆ ทีหลัง แล้วจึงหันหลังตามนัทธีไป
เขารู้ ถึงแม้ปากประธานจะพูดว่าไม่ห้ามคุณหมอพิชิตให้ไปตาย แต่ในใจไม่ยอมให้คุณหมอพิชิตไปตายจริงๆ แน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตั้งใจมาที่นี่ ตั้งใจดึงเรื่องพ่อแม่คุณหมอพิชิตออกมาสอนคุณหมอพิชิตหรอก แต่ทำไม่สนใจคุณหมอพิชิต
ดังนั้นสรุปแล้ว ประธานเป็นคนปากแข็งใจอ่อน
มาถึงประตูใหญ่หน้าโรงพยาบาล ทันใดนั้นนัทธีก็หยุดฝีเท้า ภายใต้ความสงสัยของมารุต หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออกไป
ไม่ช้า มารุตก็รู้ว่าเขาโทรหาใคร โทรหาพ่อแม่ของพิชิต เรื่องการตายของนวิยา พิชิตรู้สึกหมดหวัง และเตรียมฆ่าตัวตายบอกพ่อและแม่ของพิชิต
หลังจากพ่อและของพิชิตฟังจบ ก็เกือบจะเป็นลม
พวกเขาเองก็รู้ว่านวิยาเป็นคนยังไง ดังนั้นการที่พิชิตชอบนวิยา พวกเขาไม่เคยเห็นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกี่เดือนก่อน เรื่องความสัมพันธ์ของพิชิตกับนวิยา ก็ถูกพวกเขาคัดค้านอย่างพร้อมเพรียง ถึงขนาดที่ทั้งนวิยา พิชิตสร้างความขัดแย้งมากมายกับพวกเขา
แต่พ่อแม่ก็ไม่สามารถต้านทานลูกๆ ได้ สุดท้ายพวกเขาก็ประนีประนอมถอยให้ ให้พิชิตกับนวิยาคบหากัน เพราะพวกเขาดูออก หัวใจของนวิยาไม่ได้อยู่กับพิชิต ที่คบหากับพิชิต ก็เพียงเพราะหลอกใช้เท่านั้น หลังจากนั้นเธอจะต้องเทพิชิตอย่างแน่นอน
พวกเขาคิดว่า เมื่อไหร่จะถึงตอนนั้น พิชิตก็จะได้รับความขมขื่น และจะสามารถเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนวิยา ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้ทั้งคู่คบกัน
เรื่องจริงก็เป็นไปแบบนี้ พิชิตเลิกกับนวิยาอย่างรวดเร็ว พิชิตเองก็ได้รับการโจมตีอย่างแรง พวกเขาที่เป็นพ่อและแม่ ถึงจะสงสารจับใจ แจ่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีมากกว่า น่ายินดีที่นวิยาปล่อยลูกชายเขาไวขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นต่อไปพิชิตคงถูกนวิยาบีบใช้จนคุ้ม ก็จะเจ็บปวดมากกว่านี้
ในตอนแรกคิดว่าการที่นวิยาเลิกกับพิชิตแล้ว พิชิตจะเดินออกมาจากความเจ็บปวดได้ในไม่ช้า แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงเลยคือ สุดท้ายแล้วนวิยาคือหนึ่งในฆาตรกรที่ฆ่าพ่อและแม่ของนัทธี นัทธีจึงจับนวิยาขัง แต่นวิยาก็หลอกพิชิต ให้พิชิตปล่อยนวิยา ส่งผลถึงมิตรภาพของพิชิตกับนัทธี มิตรภาพของตระกูลไชยรัตน์กับตระกูลอักษรพิรัตจบลงอย่างหมดสิ้น
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้พวกเขาเกลียดนวิยาอย่างมาก และตอนนี้ นวิยาไปตายเองคนเดียวไม่พอ ยังจะอยากลากพิชิตตามไปอีกด้วย จะทำแบบนี้ได้ยังไง!
พ่อแม่ของพิชิตคิดถึงเท่านี้ ก็แทบจะโกรธอย่างสุดขีด
พ่อของพิชิต พูดอย่างรวดเร็ว “นัทธี พ่อรู้แล้ว ขอบคุณมากนะที่นายตั้งใจโทรมาบอกพวกเรา พวกเราจะไปโรงพยาบาลรุ้งจรัส พาไอ้งั่งนั่นกลับมา”
นัทธีตอบตกลง แล้ววางโทรศัพท์
เหมือนที่มารุตคิดไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด ถึงแม้เขาจะพูดว่าไม่ห้ามให้พิชิตตายตามนวิยาไป แต่ในใจของเขา ไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นจริงๆ
อย่างแรกเลยนวิยาไม่คู่ควรที่พิชิตจะทำแบบนั้น
อย่างที่สองคือ พิชิตเป็นเพื่อนเขามาตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่ของพิชิตดีกับเขามาก ทำให้เขารู้สึกถึงการได้รับความห่วงใยจากผู้ใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง เขาปล่อยให้พิชิตตายไปจริงๆ ไม่ได้
ตอนนี้สิ่งที่เขาควรกล่อมก็คุยกล่องก็หมดแล้ว ทำได้แค่ปล่อยให้พ่อแม่ของพิชิตเกลี้ยกล่อมเขาต่อไป
ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วพ่อแม่ของพิชิตเกลี้ยกล่อมไม่อยู่ พิชิตยืนกรานที่จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ งั้นเขาก็ไม่สามารถหยุดได้จริงๆ เพราะเขาเคยหยุดห้ามแล้ว สิ่งที่ควรทำก็ทำแล้ว หากพิชิตยังคงยืนกรานที่จะแบบนั้น งั้นก็แสดงให้เห็นว่าอย่างพิชิต ก็ไม่เหมาะที่เขาจะห้ามต่อ
“ไปเถอะ” นัทธีขมวดคิ้ว ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วยกเท้าลงบันได เดินไปหารถที่อยู่ริมถนน
มารุต ยังคงตามอยู่ข้างหลัง หลังจากที่ถึงรถ เขาก็เร่งสาวเท้านำหน้านัทธี แล้วเปิดประตูรถ “ประธาน เชิญครับ”
นัทธีก้มตัวขึ้นรถ
มารุตเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเข้าไป หลังจากนั้นก็ขับรถไปที่โรงพยาบาลรุ้งจรัส
ส่วนรถที่เขาขับมาเองนั้น ก็ทำได้แค่ให้คนมาขับกลับพรุ่งนี้
เมื่อนัทธีกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ ก็เป็นเวลาตีสามแล้ว
เขาบีบคลึงเข้าที่ขมับที่บวมเปล่ง แล้วเดินขึ้นไปข้างบนด้วยความเหนื่อยล้า
เขาที่เพิ่งจะเดินถึงหน้าประตู กำลังที่จะเปิดประตู ประตูก็เปิดออกเอง
เงาของวารุณีปรากฏขึ้นอยู่หลังประตู “กลับมาแล้วเหรอคะ?”
นัทธีตกใจนิดหน่อย “ยังไม่นอนอีกเหรอ?”
“ก็รอคุณไง” วารุณีดึงมือของเขา แล้วลากเขามาเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ปิดประตู
นัทธีขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย “ถึงบอกให้ไม่ต้องรอผม ให้นอนได้เลย ทำไมถึงไม่ฟัง?”
เขากลับมารอบนี้เหนื่อยแทบจะไม่ไหว ง่วงไม่ไหว อย่าพูดถึงเธอเลย
วารุณีถอดเสื้อคลุมแทนเขา “ฉันก็อยากนอนแล้ว แต่มันนอนไม่หลับ ฉันเลยวาดผังไปด้วยหรอกคุณไปด้วย”
“คิดอะไรอยู่ถึงนอนไม่หลับ?” นัทธีก้มหน้ามองเธอ
วารุณีพับเสื้อของเขาเสร็จ ก็วางไว้ข้างๆ ยิ้มตอบ “ก็เป็นห่วงคุณไง คุณออกไปกลางดึกขนาดนั้น”
นัทธีได้ยิน ใจเขาก็เต้นแรง “ผมมีอะไรน่าเป็นห่วงกัน อีกอย่าง ผมเป็นผู้ชาย……”
“อันตรายมันไม่แบ่งแยกชายหญิงหรอกนะคะ แน่นอน แน่นอนอันทพาลพวกนั้นไม่กล้าเข้ามาหาเรื่องคุณหรอก แต่นิรุตติ์ล่ะ?” วารุณีมองไปที่เขา “อย่าลืมสิ ว่าตอนนี้นิรุตติ์ ยังลอยนวลอยู่ข้างนอกนะ