บทที่ 721 คนน่ารำคาญมาอีกแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 721 คนน่ารำคาญมาอีกแล้ว

บทที่ 721 คนน่ารำคาญมาอีกแล้ว

อี้หย่วนรู้ว่าน้องชอบอ่านหนังสือมากขนาดไหน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเสี่ยวเถียนอ่านหนังสือเป็นจริงเป็นจังมาก เป็นเรื่องแปลกที่อ่านแม้กระทั่งหนังสือมืออาชีพอันน่าเบื่อด้วย แถมยังอ่านอย่างจริงจังอีก เขาเคยพยายามคิดว่าเธอมีแรงใจอะไรถึงอ่านได้ขนาดนั้น?

แต่การเฝ้ามองเธอเติบโตมานั้น ทำให้อี้หย่วนรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีแผนในใจและวางแผนสำหรับอนาคตแล้ว

จื่อหนานเอ่ยถามคำถาม ส่วนเสี่ยวเถียนคอยตอบ จากนั้นก็ได้รู้อะไรกลับมามากมายเลย

“เหล่าต้วน แกเหมือนคนเสฉวนตัวปลอมเลยนะ!” ไอ้หมายิ้มแย้ม

ไม่ใช่แค่จ้าวเจี้ยนจวินที่คิดแบบนั้น ตัวคนเสฉวนเองยังนึกเหมือนกัน ไม่งั้นทำไมเสี่ยวเถียนถึงรู้แต่เขาไม่เลยล่ะ?

“เสี่ยวเถียน ตอนเรียนมัธยมปลายเรียนไม่หนักหรือ?”

ถึงจะไม่รู้จักน้องมากนักแต่มั่นใจได้ว่าเด็กคนนี้จะต้องเป็นคนในตำนานห้องพิเศษของโรงเรียนแน่นอน

สอบได้อันดับ 1 ของเมืองหลวงตั้งแต่อายุ 13 ปี

ด้วยสถานะของเสี่ยวเถียน เขาไม่กล้าสงสัยเลยว่ามันเป็นการรับเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์หรือเปล่า

“พอได้ค่ะ!”

จริงนะ สำหรับเสี่ยวเถียนคือพอโอเคอยู่

แต่พี่แปดพี่เก้ามันก็การเรียนทั่วไปนั่นแหละ ส่วนเด็กคนอื่น ๆ เหมือนอยู่ในอาณาเขตชำระวิญญาณเลย แต่สิ่งนี้เธอไม่ได้พูดออกไป เพราะคนที่เข้าสอบก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่เสี่ยวเถียนพูดเหมือนกัน

หรืออัจฉริยะก็คืออัจฉริยะ จะไปเหมือนกับคนธรรมดาได้ยังไง?

“เรื่องเรียนฉันยังยอมก้มหัวให้เลย พวกนายไม่ต้องอึดอัดหรอกนะ!”

หลังส่งถ้วนตะเกียบให้น้อง อี้หย่วนยกยิ้มสงบให้เพื่อน

เขาเป็นนักศึกษาแนวหน้าโดยไม่ต้องสงสัย แต่นักศึกษาคนนั้นกลับบอกว่าตัวเองเรียนได้ไม่ดีเท่าจนต้องก้มหัวยอมรับให้ แล้วเด็กคนนี้จะเรียนเก่งเพียงใดล่ะ?

ทุกคนไม่รู้เลย

ตอนนั้นเองที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟ กลุ่มชายหนุ่มย่อยไวตอนนี้หิวกันมาก!

อี้หย่วนมองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาเอ็นดู ถ้ามีคนสังเกตเห็นจะรู้เลยว่าความรู้สึกในสายตานั้นปกปิดเอาไว้ไม่มิด

“เสี่ยวเถียน เมนูนี้อร่อยนะ เธอน่าจะชอบ!”

“อร่อยจริง ๆ ค่ะ หนูให้ย่าทำอาหารเสฉวนตอนหนูกลับบ้านบ้างดีกว่า!” เด็กหญิงยิ้มขณะกิน

อิ่นหรูอวิ๋นเข้าร้านมาเจอฉากนี้พอดี แววตาที่หรุบลงเต็มไปด้วยความอิจฉา ทำไมผู้ชายที่ตนอยากคุยด้วยถึงปฏิบัติต่อยัยคนไร้ค่าแบบซูเสี่ยวเถียนดีนัก?

ยิ่งอีกหลายวินาทีต่อมาเห็นผู้ชายโต๊ะนั้นเหมือนจะทำดีกับเสี่ยวเถียนด้วยก็ยิ่งไม่ชอบใจยิ่งกว่าเก่า

ซูเสี่ยวเถียนมันเป็นจิ้งจอกตั้งแต่เด็กจริง ๆ ได้รับการดูแลจากผู้ชายเป็นอย่างดี! แล้วถ้าโตกว่านี้จะขนาดไหน?

อิ่นหรูอวิ๋นกำหมัดแน่น ทำอย่างกับว่าคนกลุ่มนั้นไม่ได้กินข้าวอยู่ แต่ทำอย่างอื่นที่ไม่สามารถอธิบายได้

ขอบอกเลยว่าความคิดของเธอคนนี้แปลกประหลาดเสียจริง เอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่เหมาะสม ควรได้รับการดูแลอย่างดี ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม และการทำดีต่อเธอเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าทำให้คนอื่นมันเป็นเรื่องที่ผิด

“บังเอิญจังเลยเสี่ยวเถียน ไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่ร้านอาหารด้วย”

อิ่นหรูอวิ๋นเข้าไปทักทาย ส่วนสายตาจับจ้องที่ฉืออี้หย่วน

จ้าวเจี้ยนจวินเงยหน้าขึ้นพอดี ก่อนจะเห็นสายตาของเธอคนนั้น จากนั้นก็ถอนหายใจ ผู้หญิงคนนี้ก็ชอบหนังหน้าอี้หย่วนเหมือนกันเรอะ?

น่าเสียดายจริง ๆ!

เรื่องที่ฉืออี้หย่วนปฏิเสธใครต่อใครเขารู้กันทั้งมหาวิทยาลัย

หายากมากที่ผู้หญิงคนนี้จะกล้ามาหาเอง

“ใช่ บังเอิญเนอะ!” เสี่ยวเถียนไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าไอ้คำว่า ‘บังเอิญเนอะ’ ได้บอกกับอิ่นหรูอวิ๋นหรือเปล่า

อ้ายอวี้ที่อยู่ด้านหลังโกรธจัด

“ไม่มีมารยาทบ้างเลยหรือไง หรูอวิ๋นคุยกับเธอนะ เมินกันแบบนี้ได้ยังไง?”

คำพูดอ้ายอวี้ทำเสี่ยวเถียนโมโหได้จริง ๆ

ก็อย่างที่ว่า เธอไม่อยากตอบก็เลยไม่ตอบ มันผิดด้วยหรือไง?

“เธอเป็นองค์หญิงสูงส่งหรือราชินีหรือไง? ต้องให้ฉันกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งไหม?” เสี่ยวเถียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง

แต่อ้ายอวี้เป็นพวกหัวรั้น ในเมื่อเธอมั่นใจในสิ่งที่คิดแล้ว ต่อให้เอาวัวแปดตัวมาลากก็รั้งไว้ไม่อยู่

“ทำไมพูดจาไม่รื่นหูแบบนี้ล่ะ? เธอกับหรูอวิ๋นอยู่ห้องเดียวกันนะ ในเมื่อเขาทักเธอ อย่างน้อยเธอก็ต้องมีมารยาทสักหน่อยนะ!”

เสี่ยวเถียนยิ้ม

อย่างน้อยก็ต้องมีมารยาท?

เธอไม่รู้คนอื่นมีไหม แต่ยัยอิ่นหรูอวิ๋นมันไม่มีแน่นอน

“และการมีมารยาทของมนุษย์คือไม่รบกวนมื้ออาหารของคนอื่นเนอะ แต่น่าเสียดายที่พวกเธอสองคนทำให้ฉันหมดความอยากอาหารตลอดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว!”

เป็นคำพูดคำจาที่แทงใจดำจนอ้ายอวี้ยังหน้าแดง

ซูเสี่ยวเถียนเอาแต่พูดจาทิ่มแทงไม่รื่นหู หรูอวิ๋นที่เป็นรูมเมทต้องทนทุกข์ระทมเป็นแน่

“หรูอวิ๋น ฉันว่าเธอเปลี่ยนหอเถอะ! การที่ต้องมาอยู่ร่วมกับคนแบบนี้รังแต่จะทำให้เธอตกต่ำลงนะ!”

คำพูดของอ้ายอวี้ทำให้ฉืออี้หย่วนใบหน้าดำมืด

“พนักงานครับ คนคนนี้มารบกวนเวลากินข้าวของพวกเราครับ!”

เขาอายเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะขอความช่วยเหลือจากคนนี้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?

ความจริงคือ ตอนที่สองคนนี้เข้ามาหาเรื่องและเริ่มทะเลาะกัน ฝ่ายพนักงานกำลังอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ แล้วฉืออี้หย่วนก็เรียกเธออีก มันจึงยากต่อการตัดสินใจมาก

ในฐานะพนักงานเสิร์ฟ การให้บริการลูกค้าอย่างดีถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สุด แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกันนี่ แล้วเราควรทำยังไงล่ะ?

พนักงานคนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเถ้าแก่

“นักศึกษา ถ้าอยากกินอาหารก็เชิญนั่งครับ แต่ถ้าไม่อยากกินอย่าหาว่าทางร้านไม่ต้อนรับนะ!”

เถ้าแก่คนนี้ไม่ได้โง่ คนกลุ่มนี้มากินอาหารร้านเราบ่อยมาก ถือได้ว่าเป็นผู้สร้างรายได้รายใหญ่เลยด้วยซ้ำ

ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับคนแปลกหน้า อาจจะเป็นลูกค้าที่ดีหรือไม่ก็ได้ ไม่รู้อีกว่าอนาคตจะมากินที่ร้านตนอีกหรือเปล่า เพราะงั้นอย่าล่วงเกินลูกค้ากลุ่มนี้เลยจะดีกว่า

อิ่นหรูอวิ๋นคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าของร้านชนชั้นล่างจะปฏิบัติต่อเธออย่างหยาบคายเช่นนี้

พวกพ่อค้าเป็นอาชีพระดับต่ำสุดในชนชั้นทั้ง 4*[1]กล้าทำตัวแบบนี้กับเธอได้ยังไง? แต่หญิงสาวแค่คิดในใจไม่ได้พูดออกมา เพราะเธอต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีเอาไว้อยู่แล้ว

[1] จีนในยุคศักดินาจะแบ่งชนชั้นออกตามอาชีพเป็น 4 กลุ่ม เรียกว่าชนชั้นทั้ง 4 ประกอบไปด้วย บัณฑิต เกษตรกร กรรมกร และพ่อค้า