บทที่ 720 ครอบครัวแบบไหน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 720 ครอบครัวแบบไหน

บทที่ 720 ครอบครัวแบบไหน

ฉืออี้หย่วนมองเห็นความไม่พอใจในตัวเพื่อน จากนั้นก็รักษาท่าทางสุขุมแล้วมองไปที่ต้วนจื่อหนาน

“พี่ใหญ่เสี่ยวเถียนทำงานเป็นนักแปลอยู่ในกระทรวงฯ ตอนนี้สอบระดับบัณฑิตศึกษาได้แล้วด้วย”

หลังจากหย่อนระเบิดลงไป พวกต้วนจื่อหนานตื่นตกใจกันมาก ก่อนจะเบนสายตาไปยังเสี่ยวเถียนด้วยสายตาชื่นชม ไม่ว่าจะทำงานแปลหรือสอบระดับบัณฑิตศึกษา ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้หรอกนะ

“พี่ใหญ่เสี่ยวเถียนเก่งขนาดนี้เลยหรือ?” คนข้าง ๆ อดถามไม่ได้

ได้ยินว่าใครทำงานแปลในกระทรวงจะต้องรู้ภาษาต่างประเทศอย่างน้อยสองภาษาเลยนะ ว่ากันง่าย ๆ คือพี่ใหญ่เขารู้ภาษาต่างประเทศอย่างน้อยสองภาษา และเรียนเก่งมาก

ในยุคนี้อัตราการรับเข้ามหาวิทยาลัยต่ำมาก และอัตราการรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาก็ต่ำเช่นกัน ถึงจะดูพูดเวอร์ไปหน่อย แต่คงพูดได้เลยว่าหนึ่งในพันด้วยซ้ำ

“พี่รองของเสี่ยวเถียน ทุกคนน่าจะรู้จักกัน เขาชื่อซูซื่อเลี่ยงจากคณะวิจิตรศิลป์ของมหาวิทยาลัยเรา เป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่งของประเทศด้านจิตรกรรมและอักษรวิจิตร ได้รับรางวัลมากมายตั้งแต่อายุยังน้อยเลย” ฉืออี้หย่วนเอ่ย

ได้ยินสิ่งที่เพื่อนเอ่ย ต้วนจื่อหนานก็ไม่อยากพูดอะไรอีก นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้เลยจริง ๆ ไม่แปลกใจที่เด็กคนนี้ดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ ท่าทางก็ดูเก่งด้วย

แน่นอนว่าไม่ธรรมดาทั้งบ้านแน่

หลังจากจัดไปสองรอบ ต้วนจื่อหนาไม่อยากได้ยินอีกแล้วว่าพี่ชายที่เหลือเก่งแค่ไหน เขาล้มเลิกการเป็นพี่ชายเสี่ยวเถียนดีกว่า! เหตุผลง่ายมากแค่สองคำเท่านั้น ไม่เหมาะ!

แต่ฉืออี้หย่วนไม่คิดจะปล่อยไว้ จึงเอ่ยต่อ

“พี่สามอาจไม่เก่งเท่าพี่ใหญ่พี่รอง แต่ไม่ได้รั้งท้ายแน่นอน เขาเป็นทั้งลูกศิษย์และลูกทีมของอาจารย์เสิ่นจื่อเจิน แล้วยังเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตที่อาจารย์แกคอยชี้นำด้วย ตอนนี้ได้รับการยกย่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สูงสุดเลยนะ”

“พี่สี่ก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะยังเรียนไม่จบ สิ่งเดียวที่เขาทำคือเปิดห้างร้านอยู่หลายแห่ง ชื่อห้างร้านหรงฟา พวกนายคงเคยได้ยินชื่อ ร้านนั้นสี่เป็นคนเปิดเองล่ะ!”

ฉืออี้หย่วนเอ่ยจริงจังมาก และมันทำให้รูมเมทแต่ละคนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เป็นไปได้ยังไงเนี่ย ตระกูลซูเป็นครอบครัวแบบไหนกัน?

ลูกเลี้ยงออกมาได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้ยังไง?

แต่เปิดธุรกิจได้ขนาดนี้แล้วยังบอกไม่ได้ทำอะไรมากมายเนี่ยนะ?

แล้วถ้าทำมันจะขนาดไหนเนี่ย?

แล้วคนแบบเรา ๆ ที่กินข้าวเนี่ย ไม่ใช่พวกขยะเลยหรือไง?

ทุกคนมองฉืออี้หย่วนเป็นสายตาเดียวกัน นายเจตนาร้ายหรือเปล่าเนี่ย? เพราะรู้ว่าเจ้านี่เป็นพวกข้างนอกดูเป็นคนดีแต่ข้างในร้ายกาจที่สุด เขาไม่มีทางปล่อยให้พวกเรามีความสุขหรอก

ที่ฉืออี้หย่วนทำเพราะคิดว่ามันดี

เหอะ ๆ ไม่แน่ว่าอีกหลายวันจะต้องมีข่าวแน่ ๆ เลยว่าเสี่ยวเถียนมาจากชนบท เพราะงั้นเขาชิงบอกเรื่องนี้ก่อนดีกว่า และอย่างที่ว่า ถึงเราจะเป็นรูมเมทกันแต่อีกไม่กี่วันข่าวก็แพร่ไปอย่างรวดเร็ว

อันที่จริงตอนนี้พวกต้วนจื่อเหนียนเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีครอบครัวไหนที่ลูกหลานเก่งได้ขนาดนี้

แต่พอนึกถึงฉืออี้หย่วน ก็คิดว่าไม่เห็นแปลกตรงไหน

เพราะประวัติครอบครัวฉืออี้หย่วนเองก็นั้นไม่ได้ต่ำต้อย คุณปู่เขาคือผู้อาวุโสฉือฉือเก๋อ ทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญระดับผู้อาวุโสของเมืองหลวงที่มีคนเคารพและชื่นชมมากมายด้วย

และคนที่สนิทกับคนตระกูลนี้น่าจะมีปูมหลังบ้างล่ะ

เพราะคิดเช่นนั้นรูมเมทคนอื่น ๆ จึงไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนมาจากชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือ

และทั้งสองก็ได้รู้จักกันจากสถานที่แห่งนี้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้ภูมิหลังเสี่ยวเถียนต่างจากที่จินตนาการไว้สิ้นเชิง จึงได้แต่พูดไม่ออกเพราะตกใจ

เราใช้เวลาอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนจากชนบทถึงสามารถปลูกฝังลูกหลานเก่ง ๆ ได้ขนาดนี้

สรุปแล้วรูมเมทฉืออี้หย่วนมองเสี่ยวเถียนด้วยความเคารพมากกว่าเดิมหลังจากโดนฮุคอย่างรุนแรง

ล้อเล่นแล้ว นักศึกษาอายุ 13 กับพี่ชายแสนเก่งอีกหลายคนมีอะไรให้ต้องดูถูกกัน?

คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าเธอคนนี้มีอนาคตอันสดใสรออยู่

เสี่ยวเถียนไม่ได้คิดมาก เพราะจุดประสงค์วันนี้คือมากินต่างหาก

ตอนนั้นพวกจ้าวเจี้ยนจวินที่ไปคุยเรื่องโต๊ะก็กลับมา

เราเปลี่ยนเป็นโต๊ะสิบคนตรงมุมร้าน

ทีแรกเสี่ยวเถียนจะให้พนักงานช่วยย้ายอาหาร แต่พวกรุ่นพี่ทำให้หมดแล้วพนักงานจึงไม่ต้องทำอะไรเลย

เด็กหญิงกลัวเหลือเกินว่าคนพวกนี้จะประมาทแล้วทำตกแตกเอา

โชคดีที่หม้อเลือดเป็ดต้มเผ็ดและเต้าหู้ผัดพริกเสฉวนย้ายมาโต๊ะใหม่อย่างปลอดภัย

“พนักงานครับ ขอสั่งอาหารเพิ่มครับ!” จ้าวเจี้ยนจวินตะโกนลั่นด้วยความภาคภูมิใจ

พอมีคนมาเพิ่มอาหารสองอย่างไม่พอใส่ท้องเจ้าพวกนี้หรอก

“อี้หย่วน มื้อนี้แกเลี้ยงเลยนะ!” พอพนักงานมาถึงก็สั่งทันที

ในห้องเราอี้หย่วนรวยที่สุด พวกเราต้องฉวยโอกาสกินเยอะ ๆ อยู่แล้ว

ที่จริงรูมเมทอี้หย่วนเป็นคนดีมากเลยนะ

ถึงจะบอกอี้หย่วนรวยและให้เลี้ยงข้าว แต่หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็หาโอกาสเลี้ยงคืนเหมือนกัน เราไม่คิดจะเอาเปรียบอยู่แล้วเพราะงั้นเพื่อนคนนี้จึงเต็มใจจ่ายให้

อี้หย่วนภาคภูมิใจมากที่ได้สั่งอาหารเพิ่มอีก แล้วเป็นของขึ้นชื่อของร้านด้วย

เรื่องการสั่งเสี่ยวเถียนให้คำแนะนำเยอะแยะเลย

“เสี่ยวเถียน เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้มากจากเสฉวน-ฉงชิ่งน่ะ?” ต้วนจื่อหนานตกใจนัก

ต้องรู้สึกยังไงที่เด็กคนนี้รู้จักดีกว่าตัวเองน่ะ?

มันไม่ควรสิ!

แต่เสี่ยวเถียนกลับบอกอาหารพิเศษของเสฉวนได้เสียอย่างนั้น ตอนอาหารมาเสิร์ฟ ต้วนจื่อหนานรู้แล้วว่าทำไมอี้หย่วนถึงบอกว่าเสี่ยวเถียนเก่ง ไม่ใช่แค่สั่งเป็นนะ แต่ยังบอกได้ว่าแต่ละอย่างคืออะไรบ้าง แล้วยังบอกวัตถุดิบ วิธีการทำได้อย่างแม่นยำ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของประวัติอาหารอีก

คนอื่นไม่เคยได้ยินไม่ว่า แต่ต้วนจื่อหนานก็ไม่รู้จักเหมือนกัน

“เสี่ยวเถียนเก่งจัง จะบอกว่ารู้รอบด้านก็ไม่เกินจริงเลยนะ!” เขายกนิ้วชม

“หนูแค่ชอบอ่านหนังสือค่ะ ยิ่งอ่านเยอะยิ่งรู้เยอะ!” เสี่ยวเถียนยิ้มบาง

จะบอกได้ยังไงว่ารู้มาจากชาติที่แล้ว?

ผลักดันให้พวกเขาอ่านหนังสือคงจะดีกว่า

ยังไงเรื่องที่เธอชอบอ่านหนังสือก็คงจะเป็นข่าวในไม่ช้าแล้วล่ะ

เรื่องเสี่ยวเถียนชอบอ่านหนังสือ ต้วนจื่อหนานไม่ได้จริงจังนัก

เพราะยังไงก็แค่เด็ก ต่อให้ชอบแต่จะอ่านได้สักกี่เล่ม?

เพราะอายุเพิ่งแค่นี้เอง แค่หลักสูตรมัธยมกับสองเข้ามหาวิทยาลัยก็ยากแล้ว จะมีเวลาอ่านหนังสืออื่น ๆ ได้ยังไง?

แต่เคยได้ยินคนพูดนะว่า ห้องพิเศษโรงเรียนนี้ค่อนข้างเข้มงวด ทำข้อสอบเยอะมาก บางคนเรียนถึงเที่ยงคืน แม้กระทั่งอ่านหนังสือไปด้วยร้องไห้ไปด้วยด้วยซ้ำ

ต้วนจื่อหนานรับรู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวเถียนน่าจะชอบอ่านหนังสืออาหาร จึงรู้เรื่องนี้เยอะ