ตอนที่ 1475 บาปในอดีต (2) ตอนที่ 1476 บาปในอดีต (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1475 บาปในอดีต (2) / ตอนที่ 1476 บาปในอดีต (3)
ตอนที่ 1475 บาปในอดีต (2)

หลังจากเฉียวฉู่ส่งเสียงเอะอะพอแล้ว เขาก็วางจวินอู๋เสียลง แล้วจ้องมองใบหน้าของจวินอู๋เสียที่ปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างโง่ๆ

“ถ้าเจ้าไม่ได้อุ้มเสี่ยวเฮยอยู่ตลอดละก็ ข้าอาจจะจำเจ้าไม่ได้แล้ว”

เฉียวฉู่เห็นระดับความสามารถในการปลอมตัวของจวินอู๋เสียแล้ว นางแค่เปลี่ยนโครงหน้าเล็กน้อยก็กลายเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่คนที่คุ้นเคยกับนางก็แทบจำนางไม่ได้ โชคดีที่มีคนไม่มากนักที่จะอุ้มแมวดำไปไหนมาไหนด้วย และเสี่ยวเฮยยังมีขนรอบคอเป็นสีทอง ดังนั้นเฉียวฉู่จึงแน่ใจว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิด

จวินอู๋เสียเหลือบมองไปทางเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร อันที่จริง…

ได้เจอกับเฉียวฉู่ที่นี่ นางก็ดีใจไม่น้อยเช่นกัน

“เจอคนอื่นๆ บ้างหรือเปล่า” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับเอามือเท้าคาง

เฉียวฉู่ส่ายหน้า พวกเขาทำตามที่จวินอู๋เสียบอก แยกย้ายกันไปเป็นหกทาง และออกเดินทางในเวลาที่ต่างกัน คนที่มาภูเขาฝูเหยามีจำนวนมากขนาดนี้ การได้เจอจวินอู๋เสียนี่คือโชคล้วนๆ

“เฮ้อ! กลับมาบ้านเกิดทั้งที ทำไมข้ารู้สึกไม่คุ้นเคยกับทุกๆ อย่างเลยเล่า” เฉียวฉู่เอนหลังลงบนเตียงและหรี่ตาลงมองเพดาน ตอนยังเด็ก ตระกูลของเขาต้องเจอกับเรื่องร้ายแรง เขาโชคดีที่เยี่ยนปู้กุยช่วยเอาไว้ทำให้หนีรอดมาได้ ความทรงจำในวัยเด็กของเขาค่อยๆ เลือนลางไป ทุกอย่างในสามโลกชั้นกลางที่เขาเห็นตอนนี้ดูแปลกและไม่คุ้นเคยอย่างมาก

“ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าเจอที่ที่คุ้นเคยหรือเปล่า ยังจำจุดประสงค์ของตัวเองได้หรือไม่” จวินอู๋เสียถาม

เฉียวฉู่ขบกราม ดวงตาแข็งกระด้างขึ้น

“ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ข้าจะลืมได้อย่างไร”

พูดแล้วเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่ง

“ระหว่างทางมาที่นี่ ข้าเจอขบวนรถม้าจากตำหนักสรรพชีวิต ดูเหมือนว่าสิบสองตำหนักส่งคนมาที่ภูเขาฝูเหยาจริงๆ เจ้าคาดการณ์ได้ถูกต้องเลย”

จวินอู๋เสียตอบว่า “สิบสองตำหนักสร้างเรื่องเอาไว้ขนาดนี้ ถึงกับโจมตีสามโลกเบื้องล่าง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่หาคนที่มีความสามารถในสามโลกชั้นกลางมาเพิ่ม ในเมื่อพวกเขาเป็นคนขอให้เลื่อนการจัดงานชุมนุมเทพยุทธ์เข้ามา พวกเขาจะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ได้อย่างไร พอถึงเวลา เจ้ากับพวกพี่ฮวาจะต้องคว้าโอกาสนั้นทำให้สิบสองตำหนักเอาหมาป่าเข้าไปในบ้านตัวเองให้ได้ แค่นั้นก็พอแล้ว”

“เอาหมาป่าเข้าบ้าน ข้าชอบคำนี้!” เฉียวฉู่พูดอย่างกระตือรือร้น ความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ในใจแทบจะระเบิดออกมา

“ถึงตอนนั้นก็อย่าพลาดเล่า” จวินอู๋เสียพูดพลางมองเฉียวฉู่ นางมั่นใจในแผนการของตัวเอง แต่ก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อยว่าพวกเฉียวฉู่จะสามารถระงับความเกลียดชังที่คุกรุ่นอยู่ในใจได้หรือไม่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ฆ่าบิดามารดาของตัวเอง

“วางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้แผนการของเจ้าเสียหรอก” เฉียวฉู่ยิ้ม

จวินอู๋เสียพูดคุยกับเฉียวฉู่อีกเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกจากห้อง นางต่างจากพวกเฉียวฉู่ ทุกที่ในสามโลกชั้นกลางแปลกใหม่สำหรับนาง นางไม่เคยอยู่ที่นี่ และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย ทุกอย่างที่รู้ก็ฟังมาจากคำบอกเล่าของพวกเฉียวฉู่ทั้งนั้น

พื้นที่บนภูเขาฝูเหยาเปิดให้ทุกคนเป็นการชั่วคราว ส่วนใหญ่เป็นพวกร้านค้ากับโรงเตี๊ยม แต่สิ่งที่แตกต่างคือสินค้าของร้านค้าส่วนใหญ่เป็นอาวุธและโอสถวิเศษ โดยพื้นฐานแล้วก็เพื่อรองรับพวกผู้เยาว์ที่มาเข้าร่วมงานชุมนุมเทพยุทธ์

จวินอู๋เสียเดินไปรอบๆ นางไม่รู้เรื่องอาวุธมากนัก แต่รู้เรื่องโอสถวิเศษเยอะทีเดียว นางซื้อโอสถวิเศษที่ราคาแพงมาสองสามขวด และตรวจสอบมันในสถานที่ที่ไม่มีคนอยู่ หลังจากนั้น…

โอสถวิเศษทั้งหมดนั่นก็ถูกจวินอู๋เสียโยนทิ้งไว้ในคูน้ำข้างทางอย่างไร้ความปรานี

ตอนที่ 1476 บาปในอดีต (3)

เมื่อตกกลางคืน ยอดเขาฝูเหยาก็สว่างไสวด้วยแสงจากโคมไฟ คนที่เดินไปมาไม่ได้มีแต่ผู้เยาว์ที่มาร่วมงานชุมนุมเทพยุทธ์เท่านั้น แม้แต่สำนักธาราเมฆก็อนุญาตให้ศิษย์ของพวกเขาได้พักผ่อนชั่วคราวในช่วงนี้ ดังนั้นในฝูงชนที่คลาคล่ำจึงพบเห็นผู้เยาว์ที่สวมเครื่องแบบสีขาวขลิบน้ำเงินที่กำลังคุยกันอย่างมีความสุขได้ไม่ยาก

การที่เข้าสำนักธาราเมฆได้นั้น พูดได้เลยว่าพวกเขาคือกลุ่มอัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาคนรุ่นใหม่ของสามโลกชั้นกลาง พวกเขาโดดเด่นที่สุดในงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งก่อนๆ และได้รับคำเชิญจากเก้าวังและสิบสองตำหนักทำให้ได้เข้าสู่สำนักธาราเมฆ งานชุมนุมเทพยุทธ์จัดขึ้นทุกๆ สิบปี และทุกครั้งที่งานนี้เริ่มขึ้น ก็เป็นเวลาที่สำนักธาราเมฆจะเปิดรับศิษย์ใหม่ แต่เนื่องจากงานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งที่แล้วจัดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนนี้เอง ผู้เยาว์ที่สวมเครื่องแบบสำนักธาราเมฆพวกนี้จึงเป็นคนที่ได้รับอันดับต้นๆ ในงานชุมนุมครั้งที่แล้ว และได้รับเลือกจากสิบสองตำหนักและเก้าวัง

กล่าวกันว่า สำนักศึกษาเฟิงหัวคือหนึ่งในสามอันดับต้นๆ ของสำนักที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเบื้องล่าง อย่างนั้นอันดับของสำนักธาราเมฆในสามโลกชั้นกลางก็แซงหน้าสำนักอื่นๆ ทั้งหมด ไม่มีสำนักไหนที่สามารถเทียบเคียงได้เลย

ในสำนักธาราเมฆ ไม่มีคนธรรมดาสามัญอยู่เลยสักคน ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาถูกรับเข้าสำนักธาราเมฆ บนหลังของพวกเขาก็แปะป้ายสิบสองตำหนักหรือเก้าวังแล้ว

นั่นทำให้ศิษย์ของสำนักธาราเมฆเห็นว่าตัวเองยิ่งใหญ่และมีสิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่นๆ

จวินอู๋เสียมองดูกลุ่มผู้เยาว์ที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบของสำนักธาราเมฆจากภายในฝูงชน ถ้าสิ่งต่างๆ เป็นไปตามแผน อีกไม่นานพวกเฉียวฉู่จะดึงดูดความสนใจจากคนของสิบสองตำหนักในงานชุมนุมเทพยุทธ์ที่กำลังจะมาถึงนี้ และนางก็ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปข้างในได้

แต่ในส่วนของตัวนางเองนั้น จวินอู๋เสียยังไม่ได้ตัดสินใจให้แน่นอน

แน่เล่าว่านางสามารถทำเหมือนพวกเฉียวฉู่ได้ ใช้พลังวิญญาณดึงดูดความสนใจของพวกเขา แต่เมื่อนางใช้พลังวิญญาณแล้ว คนอื่นๆ จะพบว่าภูติวิญญาณของนางคือภูติวิญญาณประเภทพฤกษา

ครั้งนี้จวินอู๋เสียอยากเป็นนักล่า ไม่ได้อยากถูกล่า ดังนั้นนางจะต้องคิดหาทางออกอื่น

นางมาที่งานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งนี้ด้วยจุดประสงค์สองอย่าง หนึ่งคือเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิบสองตำหนัก และสอง นางค่อนข้างสนใจในส่วนที่แข่งทางด้านการรักษา ถ้าเป็นการรักษาล้วนๆ นางก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ไม่ต้องเรียกพลังวิญญาณออกมาเลยแม้แต่น้อย

แต่จวินอู๋เสียไม่คิดจะรับใช้จ้าวตำหนักสิบสองตำหนัก

จวินอู๋เสียเดินดูร้านขายอาวุธข้างทางไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้แน่นอน และตรวจดูว่าพวกมันแตกต่างจากอาวุธในสามโลกเบื้องล่างหรือเปล่า

ขณะที่กำลังมองก้อนเหล็กต่างๆ อยู่นั้น จวินอู๋เสียก็อดรู้สึกปวดหัวไม่ได้ นางสัมผัสได้รางๆ ว่าพลังวิญญาณในดาบพวกนี้หนาแน่นกว่าดาบในสามโลกเบื้องล่าง แต่นางไม่ได้เฉียบคมในด้านการตรวจจับพลังวิญญาณมากนัก ถ้านางพาเสี่ยวเจว๋มาด้วย เรื่องก็คงง่ายขึ้นมาก

เมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นมา จวินอู๋เสียก็อดไม่ได้ นางหลุบตาลงเล็กน้อย ภาพเหตุการณ์ตอนที่นางกำลังออกจากเมืองหลวงรัฐเหยียนย้อนกลับมาในหัว ร่างเล็กๆ นั้นร่ำไห้ไม่หยุดขณะวิ่งตามรถม้าที่เคลื่อนออกไป

จิตวิญญาณของเสี่ยวเจว๋เพิ่งเริ่มฟื้นตัว จวินอู๋เสียไม่อยากให้เขาเจอกับอันตรายพวกนี้ ยิ่งกว่านั้นนางก็ค้นพบวิธีฟื้นคืนชีพจวินกู้ตอนอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิด้วย การมาสามโลกชั้นกลางนั้น ประการแรกนางต้องการบดขยี้สิบสองตำหนัก และประการที่สองก็คือ…การไปที่โลกภูติวิญญาณเพื่อค้นหาวิญญาณของจวินกู้

หยกสงบวิญญาณได้ปกป้องร่างกายของจวินกู้ไม่ให้เน่าเปื่อย ทำให้ศพของเขาคงสภาพเหมือนก่อนที่เขาจะตาย เมื่อนางหาวิญญาณของจวินกู้เจอ นางก็จะสามารถฟื้นคืนชีพให้จวินกู้ได้!